นางแบบอิเหนา เผยวิวาห์ระทม กับเจ้าชายมาเลย์
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน(วันที่ 2 มิถุนายน) ว่า น.ส.มาโนฮารา โอเดเลีย พีโนต์ นางแบบวัยรุ่น ลูกครึ่งอินโดนีเซีย-อเมริกัน วัย 17 ปี ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า เธอได้กลับสู่ครอบครัวของเธอที่อินโดนีเซียแล้ว หลังจากที่เธอแอบโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากตำรวจสิงคโปร์ เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกล่วงละเมิด ข่มขืนและทรมาน ภายหลังต้องทนใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกับ เต็งกู เตเมงกอง โมฮัมหมัด ฟาครีย์ เจ้าชายแห่งรัฐกลันตัน ของมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมาอย่างเจ็บปวดขมขื่น
นางเดซี่ ฟาจาริน่า มารดาของเธอ กล่าวว่า จะฟ้องร้องทางกฎหมายและตำหนิรัฐบาลมาเลเซียกับอินโดนีเซีย ที่ช่วยกันพยายามปกปิดข้อกล่าวหา เรื่องที่มาโนฮาร่าถูกทำร้ายร่างกาย ด้วยการถูกมีดโกนเฉือนบริเวณหน้าอก และกรณีที่รัฐบาลมาเลเซีย เคยปฏิเสธคำขอของนางเดซี่ ที่ต้องการพบบุตรสาว และขัดขวางไม่ให้เธอเข้าประเทศ ส่วนทางสถานทูตอินโดนีเซีย กลับอ้างว่า มาโนฮาร่า สบายดีและใช้ชีวิตอยู่กับสามีใหม่แล้ว
ด้าน มาโนฮารา กล่าวว่า ชีวิตประจำวันในวังของเธอ คือ การถูกข่มขืน ถูกล่วงละเมิด ถูกทรมาน และบางทีก็ถูกฉีดยาจนอาเจียนเป็นเลือด นอกจากนี้เธอยังถูกขังในห้องนอน โดยมียามรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และเวลาที่เธอโวยวายก็จะถูกฉีดยากล่อมประสาท ซึ่งหลังจากหนีมาได้ราวปาฏิหาริย์ ตอนที่เดินทางไปยังสิงคโปร์ มาโนฮาร่า บอกว่า จิตใจเธอยังบอบช้ำต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มากจนยากที่จะลืมเลือน
รายงานข่าวแจ้งว่า มโนฮารา หนีมาพบหน้าครอบครัวในอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม หลังแอบขอความช่วยเหลือจากตำรวจสิงคโปร์ ขณะเดินทางมาพร้อมสมาชิกราชวงศ์รัฐกลันตันอื่นๆ พาพระบิดาของเจ้าชายฟากห์รี มารักษาพระวรกายในสิงคโปร์ ซึ่งนางมาโนฮารา เปิดเผยด้วยว่า เหตุที่หนีมาได้สำเร็จเพราะตำรวจสิงคโปร์ยืนกรานกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังกลันตันว่า ไม่มีอำนาจกักขังหน่วงเหนี่ยวตน และจะดำเนินคดีกับเจ้าชายหากพยายามขัดขวาง
มโนฮารา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนต้องการหย่า และกำลังอยู่ในขั้นรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องเอาผิดกับเจ้าชาย นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงข่าวลือที่ว่า เจ้าชายใช้มีดโกนตัดยอดถันจริงหรือไม่ นางมาโนฮารานิ่งไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ใช่ มันเป็นเรื่องจริง บางจุดบนร่างกายของฉันถูกกรีดด้วยมีดโกน ผู้ชายปกติธรรมดาคงไม่มีใครทำอย่างนี้"
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย แถลงว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะให้การช่วยเหลือ ถ้า มโนฮารา ต้องการฟ้องสวามี ซึ่งขณะนี้เธออยู่ระหว่างฟ้องหย่าสวามีอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ จากราชวงศ์รัฐกลันตัน ส่วนรองนายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซีย เผยว่า รัฐบาลมาเลเซียจะไม่สอบสวนเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนทนายความของเธอขอเวลารวบรวมหลักฐาน 1-2 วัน ก่อนฟ้องเจ้าชายทางอาญาและแพ่ง ทั้งนี้ราชวงศ์ผู้ปกครองมาเลย์เคยมีอภิสิทธิ์ไม่ต้องถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาและแพ่ง แต่ต่อมาอภิสิทธิ์ดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปในปี 2536 แล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ,มติชนออนไลน์ และ หนังสือพิมพ์ข่าวสด
