x close

กาชาดไทยปรับมาตรการ คัดเลือกผู้บริจาคโลหิตใหม่

บริจาคโลหิต

คุณปู่วัย 70 บริจาคโลหิตได้แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ)

          สภากาชาดไทยปรับมาตรการคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตใหม่ เพิ่มอายุบริจาคได้ถึง 70 ปี จากเดิมหยุดแค่ 60 ปี บ่งชี้ว่าคนไทยสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น

          สภากาชาดไทยแจ้งถึงมาตรการใหม่ในการคัดเลือกและดูแลผู้บริจาคโลหิต โดยได้ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิต จากเดิมอายุผู้ที่สามารถบริจาคโลหิตได้จะต้องมีอายุ 17-60 ปี เปลี่ยนเป็น 17 ปีบริบูรณ์ – 70 ปี

          ผู้ที่มีอายุ 17 ปี ไม่ถึง 18 ปี จะต้องได้รับการลงนามในหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อให้รับทราบ และอนุญาตให้บริจาคโลหิตได้ ส่วนผู้ที่บริจาคโลหิตมาจนถึงอายุ 60 ปี จากเดิมจะต้องหยุดบริจาค หากต้องการบริจาคโลหิตต่อไปจนถึงอายุ 70 ปี จะต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าสามารถบริจาคโลหิตได้

          นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนแบบสอบถามในการคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตใหม่ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศและมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มเติมคำถามเรื่องของพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ในข้อ 12 เป็น 4 ข้อย่อย โดยมิได้เฉพาะเจาะจงบุคคลหรืออาชีพใด

          หากผู้บริจาคโลหิตไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าอาจมีพฤติกรรมเสี่ยง จำเป็นต้องงดการรับบริจาคโลหิตอย่างถาวร จากเดิมที่ถามเพียงว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศที่เป็นเพศเดียวกันหรือไม่ ข้อ 13 สำหรับผู้ที่เคยเจ็บป่วยรับโลหิตที่ประเทศอังกฤษระหว่างปี 2523-2539 และข้อ 14 ผู้ที่เคยพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษระหว่างปีดังกล่าวเป็นระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป จำเป็นต้อง "งด" รับบริจาคโลหิตอย่างถาวร เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรควัวบ้าในอังกฤษ และมีรายงานการติดเชื้อวัวบ้าจากการรับโลหิต ทั้งนี้ ได้เริ่มใช้แล้วในศูนย์บริการโลหิตฯ ส่วนกลาง และจะครอบคลุมทั้งประเทศไม่เกินปีนี้

          ในส่วนของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เจ้าหน้าที่ที่คัดกรองผู้บริจาคโลหิต จะซักประวัติการเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว เพราะหากเดินทางกลับมาภายใน 15 วัน ก็คงแนะนำว่า ให้งดบริจาคโลหิตก่อน เพื่อดูอาการป่วย ทั้งนี้โรคดังกล่าวเป็นโรคที่ระบาดมาเร็วไปเร็ว อาการไม่ค้างอยู่ในผู้ป่วยนาน จึงไม่จำเป็นต้องระบุข้อคัดกรองในแบบสอบถามแต่อย่างใด

          สภากาชาดไทยได้ตั้งเป้าในปี 2558 ให้จัดหาผู้บริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ 100% เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้สมัครใจมาบริจาคอยู่ประมาณ 93% ที่เหลือจะเป็นกรณีที่สถานพยาบาลไม่สามารถหาโลหิตได้ทัน จึงจำเป็นต้องมีการซื้อขายโลหิต โดยให้ค่าตอบแทนกับผู้ที่จะมาบริจาค ขณะนี้มีประมาณ 0.2% จากที่เมื่อ 30 ปีที่แล้วมีประมาณ 50%

          ส่วนการบริจาคโลหิตโดยญาติของผู้ป่วยเอง มีประมาณ 7-10% จำเป็นจะต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่า ในจำนวนนี้เป็นญาติจริงหรือญาติแฝง แล้วแอบมีการซื้อขายโลหิต ทั้งนี้ สิ่งที่สภากาชาดต้องดำเนินการ คือ เมื่อผู้ป่วยต้องการโลหิตสามารถนำไปมอบให้ได้ทันที โดยไม่ต้องประกาศฉุกเฉินระดมผู้บริจาคโลหิตหรือมีการซื้อขายโลหิต

          ติดต่อสอบถามและขอรับเอกสารความรู้ เกี่ยวกับการบริจาคโลหิต ได้ที่โทร. 0 2256 4300, 0 2263 9600 ต่อ 1760 หรือ www.blooddonationthai.com




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : พวงชมพู ประเสริฐ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กาชาดไทยปรับมาตรการ คัดเลือกผู้บริจาคโลหิตใหม่ อัปเดตล่าสุด 2 มิถุนายน 2552 เวลา 15:53:28 13,834 อ่าน
TOP