เพิร์คชื่นชมไทย รั้งอันดับ3 ราชการทำงานดี (ไทยรัฐ)
บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ สำนักงานในฮ่องกงเผยแพร่รายงานสำรวจประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการพลเรือนใน 12 ชาติ สิงคโปร์ รั้งอันดับ 1 เป็นครั้งที่ 3 อันดับ 2 ฮ่องกง อินเดีย รั้งอันดับบ๊วย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันนี้ (3 มิถุนายน) ว่า บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ (PERC-เพิร์ค) สำนักงานในฮ่องกง เผยแพร่รายงานสำรวจประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการพลเรือนใน 12 ชาติเอเชียเหนือและใต้ ทำการสำรวจความเห็นชาวต่างชาติ 1,274 คน ที่เข้าไปทำมาหากินในแต่ละชาติ พบว่า ข้าราชการพลเรือนสิงคโปร์ รั้งอันดับ 1 ทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นครั้งที่ 3 อันดับ 2 เป็นข้าราชการฮ่องกง ด้านข้าราชการของไทย ครองอันดับ 3 ส่วนข้าราชการอินเดีย รั้งอันดับท้ายสุด
รายงานระบุต่อว่า ในส่วนของประเทศสิงคโปร์ เพิร์ค ระบุว่า ระหว่างช่วงเวลาปกติ ไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจ ระบบข้าราชการไม่มีอะไรกดดัน การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยดี แต่ระยะหลังๆ เศรษฐกิจโลกตกสะเก็ด ดูเหมือนระบบราชการสิงคโปร์จะเริ่มมีปัญหา ขณะที่รัฐบาลกำลังถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนวิจารณ์อย่างหนัก หลังบริหารกองทุนต่างๆ ของรัฐขาดทุน โดยเฉพาะกองทุนเทมาเสก และเป็นตัวอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ได้ว่าหลายๆ สิ่งในประเทศสิงคโปร์อาจโปร่งใสน้อยลง
ขณะที่ฮ่องกง แม้ติดอันดับ 2 แต่ข่าวไม่ให้รายละเอียด ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ ที่รณรงค์ปราบปรามคอรัปชั่นและยกเครื่องประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ พลเรือน แต่กลับอยู่ที่ 9 หรือ ลดอันดับลง 2 อันดับ จากการสำรวจในปี2550 ในส่วนของประเทศไทย แม้มีปัญหาวุ่นวายทางการเมืองตามด้วยเหตุประท้วงบนถนนมา 4 ปี แต่ยังถูกจัดให้อยู่อันดับ 3 ซึ่ง เพิร์ค ระบุว่า อาจเป็นเพราะผู้ตอบแบบสอบถาม พอใจแนวทางปฏิบัติของระบบราชการไทย แต่ทั้งนี้ ระบบราชการไทยก็ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการคอรัปชั่น และถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อนักธุรกิจชาวไทยและต่างชาติ
ด้านอินเดีย ถูกจัดอันดับบ๊วย เนื่องจากผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าการติดต่องานกับระบบราชการอินเดีย เป็นกระบวนการที่ "ล่าช้า" และ "เจ็บปวด" เพราะระบบราชการอินเดียทั้งระดับส่วนกลางและท้องถิ่น มีศูนย์อำนาจของตัวเองและต่างต่อต้านการปฏิรูปที่จะมีผลกระทบต่อพวกเขาเอง
สำหรับอันดับทั้งหมดของเพิร์ค มีดังต่อไปนี้
1.สิงคโปร์
2.ฮ่องกง
3.ไทย
4. เกาหลีใต้
5.ญี่ปุ่น
6.มาเลเซีย
7.ไต้หวัน
8.เวียดนาม
9.สาธารณรัฐประชาชนจีน
10.ฟิลิปปินส์
11.อินโดนีเซีย
12.อินเดีย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก