สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในการประชุมสภาวันที่ 15-16 มิถุนายน มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเอาคืนกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการประชุมต้องอยู่ในกรอบ และพรรคภูมิใจไทยคงเอาคืนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผิดอะไร เขาไม่ได้โกงกิน แต่พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้โกงกิน เรื่องเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ก็เหมือนกับการหาข้าวสารใส่หม้อ ซึ่งยังไม่มีอะไร เพียงแค่พรรคภูมิใจไทยถือหม้อมามีแต่น้ำ กำลังมาหาข้าวสาร คือค่าโดยสารจากประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีอะไร แต่ไปหาว่าโกง คอร์รัปชั่นกันแล้ว บ้านเมืองจะไปกันใหญ่ ควรจะสมานฉันท์ ออมชอมกัน
ขณะที่ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนไม่ได้กดดันหรือเครียดกับการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตีกลับโครงการรถเมล์เช่าเอ็นจีวี 4,000 คัน เพราะเราไม่มี ส.ส. กรุงเทพฯ ซึ่งการผลักดันโครงการนี้ต้องการให้ประชาชนและขสมก.ได้ประโยชน์ ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยจะปักธงในรุงเทพฯ ได้หรือไม่ อีก 2 เดือนค่อยมาคุยกัน ยืนยันว่าโครงการนี้เป็นรถเมล์ของภูมิใจไทย เพื่อรองรับคนจนที่เงินเดือนต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ให้เดินทางได้ 30 บาท ตลอดวันตลอดสาย เดินทางด้วยเงิน 800 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกับประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้า จะทำให้โครงการนี้จดจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค
นายเนวิน กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าโครงการอะไรที่พรรคทำให้คนจนมักมีแต่คนค้าน ทั้ง ส.ว. หรือแม้แต่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี คนเหล่านี้แทบไม่เคยขึ้นรถเมล์ ไม่รู้จักชีวิตของคนจน และยืนยันว่าการหันมาใช้เอ็นจีวีจะมาช่วยเพิ่มกำไรให้ขสมก. เพราะราคาถูกกว่าน้ำมัน จะอุดรูรั่วและนำมาลดค่าโดยสารได้ จริงๆ เรื่องนี้อย่าคิดซับซ้อน เพราะเป้าหมายของเราเพื่อให้รถเมล์มีคุณภาพ ประชาชนได้ประโยชน์ แก้ปัญหาขาดทุนของขสมก. ผมยืนยันว่าโครงการนี้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้ามาเอาเงิน แต่ต้องการให้คนกรุงเทพฯ จดจำพรรคภูมิใจไทย คนจนที่ขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพฯ มี 4 ล้านคน ขอแค่คนชอบเราแค่ 1 ล้านคนก็พอแล้ว วันไหนคนกรุงเทพฯ ได้ซื้อตั๋ว ได้ขึ้นรถเมล์วันนั้นจะจำชื่อพรรคภูมิใจไทยได้
ทางด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา เห็นด้วยในหลักการทุกอย่าง แต่ติดใจ 2 ประเด็น เรื่องค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อม รวมทั้งดอกเบี้ย ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่เคยให้คำมั่นว่าถ้าผลการศึกษาของสภาพัฒน์ออกมาแล้วจะเลือกวิธีการจัดซื้อแน่นอน เพราะหากซื้อจริง ตนไม่แน่ใจว่าจะนำเงินที่ไหนไปซื้อ เพราะต้องหาเงินไปจ่ายก่อน 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ขสมก.ขาดทุนกว่า 6 พันล้าน
ทั้งนี้ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)กล่าวว่าขณะนี้สนข.อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลประเมินวงเงิน หากจะมีการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน แทนการเช่า เฉพาะวงเงินการจัดหารถ 28,259.4 ล้านบาท โดยคิดจากฐานราคารถคันละ 5 ล้านบาท ซึ่งปรับลดได้ตามคุณภาพของรถ มีราคาตั้งแต่ 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป เป็นเงิน 20,000 ล้านบาท ค่าระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย ระบบติดตาม ระบบเชื่อมโยง และศูนย์ปฏิบัติการ เป็นเงิน 1,099.7 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ย 9.27% เป็นเงิน 7,159.17 ล้านบาท ส่วนค่าเหมาซ่อมและบำรุงรักษารถ คิดจากกิโลเมตรละ 7.50 บาทต่อวันต่อคัน รวม 10 ปีเป็นเงิน 32,850 ล้านบาท เป็นประมาณการเบื้องต้นให้เห็นว่ารัฐบาลจะต้องจัดสรรเงินกู้ให้กับขสมก.ตามที่ประเมินไว้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
