ระวังความงาม . . .แบบขาว (Lisa)
เชื่อแน่ว่าทุกคนล้วนอยากมีผิวขาวกันทั้งนั้น แต่บางครั้งการได้มาของความขาวก็อาจไม่ปลอดภัยสำหรับคุณ วันนี้ อ.ประมาณ มีข้อแนะนำมาฝากกันแล้ว
หลายวันก่อนผมไปทานข้าวกับครอบครัวแถวถนนรัชดาฯ (ไม่ใช่รัชดาฯ ซอย 4 แบบเด็กๆ วัยรุ่นหรอกนะครับ) นั่งทานๆ กันอยู่ จู่ๆ ทั้งครอบครัวเราก็รู้สึกว่ามีอะไรที่สว่างๆ ผ่านไปแวบๆ เหมือนมีใครเปิดไฟนีออนให้สว่างจ้าเลยครับ และโดยที่ไม่ได้นัดหมายสมาชิกทั้งครอบครัวเราก็เงยหน้าจากจานข้าวไปมองวัตถุนั้นจนถูกค้อน เพราะวัตถุนั้นคือหญิงสาวผมยาวผิวขาวโพลนครับ
แล้วประเด็นเรื่องความขาวจนโพลนก็กลายเป็นหัวข้อในการพูดคุยของสมาชิกในครอบครัวหลังจากที่ทานข้าวกันเรียบร้อยว่า ทำไมหญิงสาวคนนั้นเธอถึงได้มีผิวขาวโพลนแบบผิดปกติเช่นนั้น แล้วเจ้าลูกสาวคนโตก็เฉลยให้ฟังว่า "ป๊า เดี๋ยวนี้เค้ามีสารฉีดเข้าทางผิวเพื่อเปลี่ยนสีผิวแล้วนะ" จนทำให้ผมนึกถึงคำเดือนของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้คุณสาวๆ ระวังการฉีดสารผิวขาว เพราะจะเป็นอันตราย ที่สำคัญผู้ให้บริการฉีดสารที่ว่านี้ก็กระทำผิดกฎหมายด้วยนะครับ ด้งนั้น คอลัมน์ Woman & Low ฉบับนี้ ผมจึงเลือกคุยเรื่องนี้กับคุณ ผู้อ่าน Lisa ครับ
สารผิวขาว (อันตราย)....กลับมาอีกครั้ง
จริงๆ แล้วเรื่องการเตือนให้ระวังอันตรายจากากรใช้สารผิวขาวนั้นเคยเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปลายปี 2550 เมื่อคลินิกเสริมความงามชื่อดังหลายแห่งใช้สารกลูตาไธโอนฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อให้ผิวขาวขึ้น โดยแพทยสภาแถลงยืนยันเมื่อปลายปี 2550 ว่าการใช้สารกลูตาไธโอนซึ่งไม่เคยได้รับอนุญาตจาก อย. นั้น ถือเป็นการกระทำผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม และการใช้ยาฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อให้ผิวขาวยังไม่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานในการรักษา ทั้งยังมิได้มีการศึกษาถึงผลเสียในระยะยาว นอกจากนี้ การโฆษณาเรื่องทำให้ผิวขาวและมีแสงออกจากตัว เป็นการโฆษณาเกินจริง ซึ่งผิดข้อบังคับของแพทยสภาเรื่องจริยธรรมครับ
เหตุการณ์เมื่อปลายปี 2550 นำมาซึ่งการจับปรับคลินิกชื่อดังหลายแห่ง แต่ผ่านไปแค่ปีกว่าๆ ต้นปี 2552 คือประมาณเดือนมกราคม 2552 นี่แหละครับก็มีข่าวว่า สาวๆ หนุ่มๆ รวมทั้งเพศทางเลือกที่อยากมีผิวขาวเหมือน สาวหมวย หนุ่มตี๋ ก็ไปใช้บริการ ให้คุณหมอฉีดสารกลูตาไธโอน จนแพทย์ต้องออกมาเตือนว่า อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการ "ช็อก ตาบอด หรือเสียชีวิต!" ได้เลยนะครับ
กลูตาไธโอน...สารอันตราย
ผมได้ไต่ถามไปยังคุณหมอทางด้านเสริมความงามก็ได้ทราบว่า สารกลูตาไธโอนที่ทำให้ผิวขาว หรือที่ใช้ฉีดเพื่อให้ผิวขาวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย ส่วนประโยชน์ที่แท้จริงในทางการแพทย์นั้นคือ เขานำมาใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร ในประเทศอิตาลี แต่ผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวขาวชั่วคราว
นี่แหละครับเลยกลายเป็นช่องทางทำมาหากินของบรรดาสถานเสริมความงาม ที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้ที่ถูกฉีดสารชนิดนี้เข้าไป เพราะในทางการแพทย์นั้นเขาอนุญาตให้ใช้สารกลูตาไธโอนในปริมาณไม่มาก ซึ่งในเครื่องสำอางทั่วไปพบว่า มีการผสมลงไปบ้าง แต่เพียง 0.000001-0.000005% เท่านั้น โดยปริมาณนี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับข่าวการฉีดสารนี้เข้ากล้ามเนื้อ หรือเส้นเลือด ที่ใช้ปริมาณมากถึงประมาณ 600 มิลลิกรัม ต่อหลอด ซึ่งถือว่าอันตรายมาก เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ยาถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้ ที่สำคัญเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
เพราะการได้รับสารกลูตาไธโอนปริมาณมาก จะส่งผลให้หยุดการสร้างเอนไซม์เม็ดสีที่เป็นธรรมชาติของผิวคนเอเชียที่เป็นสีคล้ำ ทำให้ผิวคนเอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตร้าไวโอเลตได้มาก ก็ทำให้กรองได้ลดลง นอกจากนี้ หลังจากได้รับสารนี้ เม็ดสีในตาดำของคนเอเชียอาจจะกรองแสงได้ลดลง ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อจอประสาทตา...น่ากลัวเลยนะครับคุณสาวๆ
โทษทางกฎหมาย . . .ของผู้ให้บริการ
กรณีที่คลินิกผิวหนังหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอนมาใช้กับผู้รับบริการนั้น ถือว่าเป็นความผิดข้อหาใช้ยาที่มีได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาในการดำเนินกิจการสถานพยาบาลตาม พ.ร.บ. ยา มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการโฆษณา สารกลูตาไธโอนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดปรับไม่เกิน 100,000 บาท ครับ และจะมีโทษหนักขึ้น หากโฆษณาว่าสารกลูตาไธโอนสามารถทำให้เกิดแสงออกจากตัว ประเภทใครเดินผ่านนึกว่าเธอเป็นตัวละครจากหนังเรื่อง "Star Wars" หรือสามารถเปลี่ยนสีผิว จากนั้นจะต้องมีการถอนโฆษณาดังกล่าวออกจากสื่อด้วยนะครับ
นอกจากนี้ เนื่องจากการใช้สารกลูตาไธโอน ยังถือเป็นการปฏิบัติทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ทำให้คุณหมอที่ฉีดสารดังกล่าวให้ผู้ป่วยมีความผิดทางจรรยาบรรณ โดยแพทยสภาสามารถลงโทษคุณหมอผู้นั้นฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมผิดมาตรฐานทางการแพทย์ อีกด้วยครับ
ไม่มีใบอนุญาตทางการแพทย์...โทษยิ่งหนัก
หากผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์ เช่น เป็นหมอเถื่อน หมอกำมะลอ ที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ ถือว่ามีความผิดฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการกระทำผิดแบบนี้ก็มักจะหลบๆ ซ่อนๆ เช่น แอบเปิดตามสถานที่ต่างๆ หรือใช้รถตู้ตระเวนไปฉีดสารผิวขาวให้สาวๆ ตามหมู่บ้าน ชุมชน ออฟฟิศ ฯลฯ แบบนี้เป็นความผิด โทษฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วยนะครับ ซึ่งก็จะทำให้มีความผิดตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจมีคำสั่งริบบรรดาสิ่งของที่ใช้ในการประกอบกิจการสถานพยาบาลด้วยก็ได้ครับ
รับโทษอาญาและแพ่ง...อีกด้วย
กรณีที่ผู้มาใช้บริการเกิดปัญหาหลังการฉีดสารผิวขาว (ซึ่งมีแนวโน้มสูงเลยนะครับ) ทั้งหมอเถื่อนและไม่เถื่อนก็ต้องรับโทษตามกฎหมายในทางอาญา และผู้เสียหายยังสามารถฟ้องร้องคดีทางแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ทำให้คุณมีปัญหาสุขภาพหลังการใช้บริการได้อีกนะครับ ย้ำเลยนะครับว่าต้องรับโทษทั้งนั้น แม้ว่าผู้ให้บริการอาจจะหัวหมอทำเป็นหนังสือให้ผู้รับบริการยินยอมอนุญาตให้ฉีดสารผิวขาวเข้าไป เพื่อเลี่ยงการรับโทษทางอาญาและแพ่ง แต่เรื่องนี้แม้ทำหนังสือยินยอมก็ตาม แต่เมื่อเกิดการกระทำผิดกฎหมายขึ้น ผู้กระทำก็ต้องรับผิดรับโทษอยู่ดีครับ
ระวังซื้อขายสารอันตราย...ผ่านเว็บไซต์
นอกจากมีข่าวการให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนของสถานเสริมความงามแล้ว ที่น่ากลัวคือ มีการโฆษณาขายสารกลูตาไธโอนผ่านเว็บไซต์ ซึ่งมีทั้งชนิดฉีด ชนิดเม็ด ซึ่งในทางการแพทย์นั้นคือ ห้ามทานเกิน 250 มิลลิกรัม ต่อวัน ดังนั้น การที่มีโฆษณาในอินเทอร์เน็ตจำหน่าย ตั้งแต่ 500-1,000 มิลลิกรัม นั้น ก็ไม่ควรเชื่อถือ และซื้อมาบริโภค เพราะการฉีดสารดังกล่าวเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้อย่างเฉียบพลันจนถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากฉีดในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องมือในการช่วยชีวิต หากเกิดอาการแพ้ ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงอย่างมาก รวมถึงกรณี หากซื้อสารดังกล่าวจากอินเทอร์เน็ตมาฉีดเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับว่าจะอันตรายแค่ไหน
ในเรื่องนี้นั้น ถ้าหากสามารถสืบสาวไปถึงผู้ขายสารกลูตาไธโอนทางอินเทอร์เน็ต ผู้เสนอขายสารอันตรายเช่นนี้ ย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72 (4) ประกอบกับมาตรา 122 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เลยทีเดียว
คุณผู้อ่าน Lisa ท่านใดที่คิดอยากมีผิวขาวขึ้นต้องระมัดระวังมากๆ เลยนะครับ เพราะล่าสุดมีการแอบอ้างว่าสารกลูตาไธโอนผ่านการรับรองจากอย. แล้ว ซึ่งคุณหมอผู้รู้บอกไว้ว่า เป็นเพียงการอนุญาตให้ใช้ในรูปแบบกรดอะมิโน ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพื่อใช้กินร่วมกับวิตามินบำรุงร่างกายเท่านั้น (ห้ามทานเกิน 250 มิลลิกรัม ต่อวัน อีกด้วย) และยังไม่มีการอนุญาตให้ใช้เป็นยาเดี่ยว ที่สำคัญความขาวความคล้ำ ไม่ใช่สาระสำคัญของความสวยความหล่อที่แท้จริงในแบบของหนุ่มๆ สาวๆ Lisa หรอกครับ จิตใจที่ดีงามและสติปัญญาในการไม่หลงเป็นเหยื่อของคำโฆษณา และภาพลวงตาต่างหาก ที่เป็นความสวยงามที่แท้จริงครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ประจำวันพุธที่ 20 เดือนพฤษภาคม 2552
เชื่อแน่ว่าทุกคนล้วนอยากมีผิวขาวกันทั้งนั้น แต่บางครั้งการได้มาของความขาวก็อาจไม่ปลอดภัยสำหรับคุณ วันนี้ อ.ประมาณ มีข้อแนะนำมาฝากกันแล้ว
หลายวันก่อนผมไปทานข้าวกับครอบครัวแถวถนนรัชดาฯ (ไม่ใช่รัชดาฯ ซอย 4 แบบเด็กๆ วัยรุ่นหรอกนะครับ) นั่งทานๆ กันอยู่ จู่ๆ ทั้งครอบครัวเราก็รู้สึกว่ามีอะไรที่สว่างๆ ผ่านไปแวบๆ เหมือนมีใครเปิดไฟนีออนให้สว่างจ้าเลยครับ และโดยที่ไม่ได้นัดหมายสมาชิกทั้งครอบครัวเราก็เงยหน้าจากจานข้าวไปมองวัตถุนั้นจนถูกค้อน เพราะวัตถุนั้นคือหญิงสาวผมยาวผิวขาวโพลนครับ
แล้วประเด็นเรื่องความขาวจนโพลนก็กลายเป็นหัวข้อในการพูดคุยของสมาชิกในครอบครัวหลังจากที่ทานข้าวกันเรียบร้อยว่า ทำไมหญิงสาวคนนั้นเธอถึงได้มีผิวขาวโพลนแบบผิดปกติเช่นนั้น แล้วเจ้าลูกสาวคนโตก็เฉลยให้ฟังว่า "ป๊า เดี๋ยวนี้เค้ามีสารฉีดเข้าทางผิวเพื่อเปลี่ยนสีผิวแล้วนะ" จนทำให้ผมนึกถึงคำเดือนของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้คุณสาวๆ ระวังการฉีดสารผิวขาว เพราะจะเป็นอันตราย ที่สำคัญผู้ให้บริการฉีดสารที่ว่านี้ก็กระทำผิดกฎหมายด้วยนะครับ ด้งนั้น คอลัมน์ Woman & Low ฉบับนี้ ผมจึงเลือกคุยเรื่องนี้กับคุณ ผู้อ่าน Lisa ครับ
สารผิวขาว (อันตราย)....กลับมาอีกครั้ง
จริงๆ แล้วเรื่องการเตือนให้ระวังอันตรายจากากรใช้สารผิวขาวนั้นเคยเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปลายปี 2550 เมื่อคลินิกเสริมความงามชื่อดังหลายแห่งใช้สารกลูตาไธโอนฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อให้ผิวขาวขึ้น โดยแพทยสภาแถลงยืนยันเมื่อปลายปี 2550 ว่าการใช้สารกลูตาไธโอนซึ่งไม่เคยได้รับอนุญาตจาก อย. นั้น ถือเป็นการกระทำผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม และการใช้ยาฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อให้ผิวขาวยังไม่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานในการรักษา ทั้งยังมิได้มีการศึกษาถึงผลเสียในระยะยาว นอกจากนี้ การโฆษณาเรื่องทำให้ผิวขาวและมีแสงออกจากตัว เป็นการโฆษณาเกินจริง ซึ่งผิดข้อบังคับของแพทยสภาเรื่องจริยธรรมครับ
เหตุการณ์เมื่อปลายปี 2550 นำมาซึ่งการจับปรับคลินิกชื่อดังหลายแห่ง แต่ผ่านไปแค่ปีกว่าๆ ต้นปี 2552 คือประมาณเดือนมกราคม 2552 นี่แหละครับก็มีข่าวว่า สาวๆ หนุ่มๆ รวมทั้งเพศทางเลือกที่อยากมีผิวขาวเหมือน สาวหมวย หนุ่มตี๋ ก็ไปใช้บริการ ให้คุณหมอฉีดสารกลูตาไธโอน จนแพทย์ต้องออกมาเตือนว่า อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการ "ช็อก ตาบอด หรือเสียชีวิต!" ได้เลยนะครับ
กลูตาไธโอน...สารอันตราย
ผมได้ไต่ถามไปยังคุณหมอทางด้านเสริมความงามก็ได้ทราบว่า สารกลูตาไธโอนที่ทำให้ผิวขาว หรือที่ใช้ฉีดเพื่อให้ผิวขาวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย ส่วนประโยชน์ที่แท้จริงในทางการแพทย์นั้นคือ เขานำมาใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร ในประเทศอิตาลี แต่ผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวขาวชั่วคราว
นี่แหละครับเลยกลายเป็นช่องทางทำมาหากินของบรรดาสถานเสริมความงาม ที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้ที่ถูกฉีดสารชนิดนี้เข้าไป เพราะในทางการแพทย์นั้นเขาอนุญาตให้ใช้สารกลูตาไธโอนในปริมาณไม่มาก ซึ่งในเครื่องสำอางทั่วไปพบว่า มีการผสมลงไปบ้าง แต่เพียง 0.000001-0.000005% เท่านั้น โดยปริมาณนี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับข่าวการฉีดสารนี้เข้ากล้ามเนื้อ หรือเส้นเลือด ที่ใช้ปริมาณมากถึงประมาณ 600 มิลลิกรัม ต่อหลอด ซึ่งถือว่าอันตรายมาก เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ยาถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้ ที่สำคัญเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
เพราะการได้รับสารกลูตาไธโอนปริมาณมาก จะส่งผลให้หยุดการสร้างเอนไซม์เม็ดสีที่เป็นธรรมชาติของผิวคนเอเชียที่เป็นสีคล้ำ ทำให้ผิวคนเอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตร้าไวโอเลตได้มาก ก็ทำให้กรองได้ลดลง นอกจากนี้ หลังจากได้รับสารนี้ เม็ดสีในตาดำของคนเอเชียอาจจะกรองแสงได้ลดลง ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อจอประสาทตา...น่ากลัวเลยนะครับคุณสาวๆ
โทษทางกฎหมาย . . .ของผู้ให้บริการ
กรณีที่คลินิกผิวหนังหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอนมาใช้กับผู้รับบริการนั้น ถือว่าเป็นความผิดข้อหาใช้ยาที่มีได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาในการดำเนินกิจการสถานพยาบาลตาม พ.ร.บ. ยา มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการโฆษณา สารกลูตาไธโอนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดปรับไม่เกิน 100,000 บาท ครับ และจะมีโทษหนักขึ้น หากโฆษณาว่าสารกลูตาไธโอนสามารถทำให้เกิดแสงออกจากตัว ประเภทใครเดินผ่านนึกว่าเธอเป็นตัวละครจากหนังเรื่อง "Star Wars" หรือสามารถเปลี่ยนสีผิว จากนั้นจะต้องมีการถอนโฆษณาดังกล่าวออกจากสื่อด้วยนะครับ
นอกจากนี้ เนื่องจากการใช้สารกลูตาไธโอน ยังถือเป็นการปฏิบัติทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ทำให้คุณหมอที่ฉีดสารดังกล่าวให้ผู้ป่วยมีความผิดทางจรรยาบรรณ โดยแพทยสภาสามารถลงโทษคุณหมอผู้นั้นฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมผิดมาตรฐานทางการแพทย์ อีกด้วยครับ
ไม่มีใบอนุญาตทางการแพทย์...โทษยิ่งหนัก
หากผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์ เช่น เป็นหมอเถื่อน หมอกำมะลอ ที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ ถือว่ามีความผิดฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการกระทำผิดแบบนี้ก็มักจะหลบๆ ซ่อนๆ เช่น แอบเปิดตามสถานที่ต่างๆ หรือใช้รถตู้ตระเวนไปฉีดสารผิวขาวให้สาวๆ ตามหมู่บ้าน ชุมชน ออฟฟิศ ฯลฯ แบบนี้เป็นความผิด โทษฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วยนะครับ ซึ่งก็จะทำให้มีความผิดตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจมีคำสั่งริบบรรดาสิ่งของที่ใช้ในการประกอบกิจการสถานพยาบาลด้วยก็ได้ครับ
รับโทษอาญาและแพ่ง...อีกด้วย
กรณีที่ผู้มาใช้บริการเกิดปัญหาหลังการฉีดสารผิวขาว (ซึ่งมีแนวโน้มสูงเลยนะครับ) ทั้งหมอเถื่อนและไม่เถื่อนก็ต้องรับโทษตามกฎหมายในทางอาญา และผู้เสียหายยังสามารถฟ้องร้องคดีทางแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ทำให้คุณมีปัญหาสุขภาพหลังการใช้บริการได้อีกนะครับ ย้ำเลยนะครับว่าต้องรับโทษทั้งนั้น แม้ว่าผู้ให้บริการอาจจะหัวหมอทำเป็นหนังสือให้ผู้รับบริการยินยอมอนุญาตให้ฉีดสารผิวขาวเข้าไป เพื่อเลี่ยงการรับโทษทางอาญาและแพ่ง แต่เรื่องนี้แม้ทำหนังสือยินยอมก็ตาม แต่เมื่อเกิดการกระทำผิดกฎหมายขึ้น ผู้กระทำก็ต้องรับผิดรับโทษอยู่ดีครับ
ระวังซื้อขายสารอันตราย...ผ่านเว็บไซต์
นอกจากมีข่าวการให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนของสถานเสริมความงามแล้ว ที่น่ากลัวคือ มีการโฆษณาขายสารกลูตาไธโอนผ่านเว็บไซต์ ซึ่งมีทั้งชนิดฉีด ชนิดเม็ด ซึ่งในทางการแพทย์นั้นคือ ห้ามทานเกิน 250 มิลลิกรัม ต่อวัน ดังนั้น การที่มีโฆษณาในอินเทอร์เน็ตจำหน่าย ตั้งแต่ 500-1,000 มิลลิกรัม นั้น ก็ไม่ควรเชื่อถือ และซื้อมาบริโภค เพราะการฉีดสารดังกล่าวเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้อย่างเฉียบพลันจนถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากฉีดในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องมือในการช่วยชีวิต หากเกิดอาการแพ้ ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงอย่างมาก รวมถึงกรณี หากซื้อสารดังกล่าวจากอินเทอร์เน็ตมาฉีดเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับว่าจะอันตรายแค่ไหน
ในเรื่องนี้นั้น ถ้าหากสามารถสืบสาวไปถึงผู้ขายสารกลูตาไธโอนทางอินเทอร์เน็ต ผู้เสนอขายสารอันตรายเช่นนี้ ย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72 (4) ประกอบกับมาตรา 122 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เลยทีเดียว
คุณผู้อ่าน Lisa ท่านใดที่คิดอยากมีผิวขาวขึ้นต้องระมัดระวังมากๆ เลยนะครับ เพราะล่าสุดมีการแอบอ้างว่าสารกลูตาไธโอนผ่านการรับรองจากอย. แล้ว ซึ่งคุณหมอผู้รู้บอกไว้ว่า เป็นเพียงการอนุญาตให้ใช้ในรูปแบบกรดอะมิโน ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพื่อใช้กินร่วมกับวิตามินบำรุงร่างกายเท่านั้น (ห้ามทานเกิน 250 มิลลิกรัม ต่อวัน อีกด้วย) และยังไม่มีการอนุญาตให้ใช้เป็นยาเดี่ยว ที่สำคัญความขาวความคล้ำ ไม่ใช่สาระสำคัญของความสวยความหล่อที่แท้จริงในแบบของหนุ่มๆ สาวๆ Lisa หรอกครับ จิตใจที่ดีงามและสติปัญญาในการไม่หลงเป็นเหยื่อของคำโฆษณา และภาพลวงตาต่างหาก ที่เป็นความสวยงามที่แท้จริงครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ประจำวันพุธที่ 20 เดือนพฤษภาคม 2552