สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (9 ก.ค.) กองบังคับการกองปราบปราม แถลงข่าวจับกุม นายทองมี ค้อนจตุรัส อายุ 37 ปี คนขับรถแท็กซี่ ข่มขืนถ่ายคลิปวีดิโอ กักขังหน่วงเหนี่ยว และชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือและเงินสด 700 บาท ของน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ไกด์นำเที่ยวของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยรวบตัวพร้อมของกลาง รถยนต์แท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีชมพูคาดฟ้า ทะเบียน ทน 1721 กทม. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และกระเป๋าสะพายข้าง 1 ใบ โดยจับกุมได้ที่บริเวณ หมู่ 2 ถนนสามัคคี ซ.21 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เคยทำงานเป็นคนงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพมาขับรถแท็กซี่ และรับว่าเคยถูกจับกุมคดีข่มขืนมาแล้วในพื้นที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2551 ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษจำคุก แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี หลังจากนั้นได้ก่อเหตุลักษณะนี้อีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะมาก่อเหตุซ้ำในคดีนี้ โดยแต่ละครั้งที่รับผู้โดยสารมานั้นไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร หากรู้สึกชอบพอก็จะขับรถพาออกนอกเส้นทางไปในที่เปลี่ยว และขู่ผู้โดยสารว่ามีอาวุธแต่จริงๆแล้วไม่ได้พกพาอาวุธใดๆ แต่ระหว่างก่อเหตุก็จะใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเอาไว้เพื่อข่มขู่เหยื่อ ซึ่งเมื่อตรวจสอบดูในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาพบภาพหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อหลายราย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้เสียหาย น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ไกด์ทัวร์ของบริษัทรับจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วย มารดาและบิดา ซึ่งเป็นนายทหารยศพันโท สังกัดหน่วยรบพิเศษ ในจังหวัดสระบุรี ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ สารวัตรเวร สน.พหลโยธิน ว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ถูกคนร้ายเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ล่อลวงจากปากซอยลาดพร้าว 1 ไปข่มขืนและชิงทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี แถมยังถูกถ่ายคลิปวีดีโอเก็บเอาไว้ใช้ข่มขู่ไม่ให้แจ้งความอีกด้วย
น.ส.เอ ให้การว่า เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงวันหยุดยาว เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ตนได้เดินทางไปทำบุญกับพ่อและแม่ ที่จังหวัดสระบุรี กระทั่งเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 7 กรกฎาคม ตนได้เดินทางกลับเพื่อจะได้เตรียมตัวทำงานต่อในช่วงเช้า โดยได้ขอติดรถเพื่อนที่พักอยู่ย่านลาดพร้าว มาลงบริเวณปากซอยลาดพร้าว 1 ก่อนจะโบกรถแท็กซี่ กลับบ้านพักย่านซอยพัฒนาการ 38 โดยโบกรถเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. เป็นรถสีชมพูคาดน้ำเงิน ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น คนขับเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี ใบหน้ารูปไข่ ไว้ผมยาว ผิวคล้ำ รูปร่างท้วม หลังจากออกรถไปได้สักครู่ คนขับก็ได้กดปุ่มเซ็นทรัลล๊อคประตูไว้ทั้ง 4 ด้าน จากนั้นจึงแสดงตัวเป็นคนร้าย
"โดยขับรถพาตนออกนอกเส้นทางไป ตามถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี เมื่อตนสอบถามว่าทำไมมาทางนี้โชเฟอร์ ก็บอกตนว่าเป็นเส้นทางลัด จากนั้นก็พาตนขับไปในทางเปลี่ยว ซึ่งตนคาดว่าน่าจะอยู่ในพื้นที่ สภ.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ก่อนจะจอดรถแล้วลงมาเปิดประตูเข้ามานั่งกับตนที่เบาะด้านหลัง เมื่อรู้ว่าถูกหลอกมาข่มขืนแน่ๆ ตนจึงได้พยายามถ่วงเวลาด้วยการพูดคุย โดยทำทีแกล้งสอบถามไปว่าพกมีดมาด้วยหรือเปล่า คนร้ายกลับตอบมาว่ามีดไม่เคยพก พกมาแต่ปืน จากนั้นคนร้ายก็ใช้กำลังปลุกปล้ำและลงมือข่มขืนตนจนสำเร็จความใคร่ไป 2 ครั้ง ซึ่งในระหว่างที่ก่อเหตุคนร้ายได้พูดกับตนว่าทำแบบนี้กับผู้โดยสารสาวๆ มาหลายรายแล้ว หนำซ้ำยังล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตนมาถ่ายคลิปวีดีโอขณะข่มขืนเอาไว้ด้วย เมื่อเสร็จกิจคนร้ายก็ยึดโทรศัพท์ไป แถมบังคับให้ตนบอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม ก่อนที่จะขับรถพาตนออกจากจุดเกิดเหตุไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแห่งหนึ่ง ย่านบางบัวทอง" น.ส.เอ กล่าว
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่คนร้ายลงไปกดเงินนั้น ยังบังคับไม่ให้ตนลงจากรถ โดยคนร้ายได้กดเงินออกมา จำนวน 700 บาท แล้วยื่นคืนให้ตน 100 บาท ก่อนจะขับรถจากบางบัวทองพาตนมาส่งที่จุดเดิมบริเวณปากซอยลาดพร้าว 1 ในช่วงเช้าวันนี้ (8 กรกฎาคม) แล้วขับหลบหนีไป ก่อนที่ตนจะลงจากรถยังข่มขู่ด้วยว่า หากไปแจ้งความจะนำคลิปวีดีโอออกมาประจาน ตนจึงใช้โทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งโทรหาพ่อกับแม่ที่จังหวัดสระบุรี เพื่อให้เดินทางมารับตนไปดูสถานที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถจำสถานที่เกิดเหตุได้ จึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ซึ่งเป็นจุดที่ขึ้นรถคนร้ายไป ทั้งนี้ ตนสามารถจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจับกุมตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดี และสอบสวนขยายผลเนื่องจากเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง หากผู้เสียหายรายใดเชื่อว่าได้รับความเสียหายจากผู้ต้องหารายนี้ สามารถเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โดยข้อมูลทุกอย่างจะปกปิดเป็นความลับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
