x close

เค้นเพิ่มแท็กซี่หื่น เคยขืนใจสาว ม.5



เค้นเพิ่มแท็กซี่หื่น เคยขืนใจสาวม.5 (ข่าวสด)

          ตำรวจคุมตัวนายทองมี ค้อนจัตุรัส โชเฟอร์แท็กซี่ทำแผนฯ คดีข่มขืนไกด์สาว เริ่มจากจุดที่รับเหยื่อขึ้นรถบริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 1 แล้วขับพาไปข่มขืนในซอยเปลี่ยว ย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี 

          ตำรวจคุมตัวโชเฟอร์แท็กซี่หื่นกามทำแผนขืนใจไกด์สาว ยังสารภาพไม่สะท้านเคยบังคับเหยื่อสาวมาข่มขืนที่เดียวกันนี้แล้วถึง 3 ราย ในจำนวนนี้มีสาววัยแค่ 17 ปีเป็นเหยื่อด้วย ตำรวจคุมตัวไปทำแผนละเอียดตั้งแต่จุดจอดรับเหยื่อไปจนถึงจุดขืนใจและกดเอทีเอ็ม แต่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด เพราะมั่นใจว่าต้องมีผู้โดยสารตกเป็นเหยื่อมากกว่านี้ กองปราบฯ แฉโชเฟอร์หื่นรายนี้เคยขืนใจ น.ร.สาว ม.5 มาแล้ว แต่พ่อแม่เหยื่อไม่ให้เป็นคดีความ แต่ตำรวจเก็บข้อมูลโชเฟอร์หื่นไว้หมด พอเกิดเรื่องซ้ำอีกก็เลยเอารูปให้เหยื่อรายล่าสุดดูก็พบว่าเป็นคนเดียวกัน

          จากคดีน.ส.เอ (นามสมมติ) ไกด์สาววัย 25 ปี เข้าแจ้งความตำรวจพหลโยธินว่าโดนโชเฟอร์แท็กซี่มิเตอร์ล่อลวงไปบังคับขืนใจแล้วถ่ายคลิปมือถือแบล๊กเมล์ โดยระบุว่าวันเกิดเหตุช่วงดึกของวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เหยื่อสาวเรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวจากย่านลาดพร้าวให้ไปส่งที่ย่านพัฒนาการ แต่โชเฟอร์กลับขับรถไปย่านบาง บัวทองแล้วบังคับขืนใจ 2 ครั้ง ก่อนพาเหยื่อ ไปกดเงินเอทีเอ็มอีก 700 บาท จากนั้นนำเหยื่อสาวไปปล่อยข้างทางแล้วจึงหลบหนีไป หลังเกิดเหตุตำรวจตรวจสอบประวัติโชเฟอร์แท็กซี่ที่เคยก่อคดีทำนองเดียวกันนี้พบว่ามีลักษณะคล้ายกับที่เคยจับกุม นายทองมี ค้อนจัตุรัส อายุ 37 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีชมพู-คาดฟ้า หมายเลขทะเบียน ทน-1721 กทม. จึงนำรูปถ่ายไปให้เหยื่อสาวดู ปรากฏว่าเหยื่อสาวยืนยันว่าเป็นคนร้ายจึงออกหมายจับและจับกุมตัวได้ในที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

          เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่สน. พหลโยธิน พ.ต.ท.ชินวร โบราณินทร์ รอง ผกก.สส.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ พงส.(สบ2) ร.ต.อ.สมชัย โชติยะวัชชัย รองสว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหล โยธิน จำนวน 10 นาย ได้นำตัว นายทองมี ค้อนจัตุรัส ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์แก่นายทองมีอีกคดี ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

          จุดแรกเป็นจุดที่ผู้ต้องหารับผู้เสียหายขึ้นรถแท็กซี่ บริเวณปากซอยลาดพร้าวซอย 1 ถนนลาดพร้าว โดยผู้เสียหายได้เรียกรถแท็กซี่ของนายทองมี เพื่อที่จะให้ไปส่งที่บ้านย่านซอยพัฒนาการ 38 แต่ผู้ต้องหากลับขับรถพาออกนอกเส้นทางมุ่งหน้าไปแยกแคราย วิ่งเข้าถนนรัตนาธิเบศร์ขาออกมุ่งหน้าถนนสุพรรณบุรี ก่อนที่จะไปจุดที่สองเป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถไปเติมแก๊ส ภายในปั๊มแก๊สแสงรุ่งเรืองปิโตรเลียม ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บาง บัวทอง จ.นนทบุรี จากนั้นขับรถพาผู้เสียหายออกไปจากปั๊ม ไปยังจุดที่สามเป็นสถานที่ที่ผู้ต้องหาใช้เป็นที่ข่มขืน ภายในซอยเกาะดอน หมู่ 2 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นก็ได้ลงมือข่มขืนก่อนใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายถ่ายภาพนิ่งไว้จำนวน 3 รูป

          จุดที่สี่เป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถพาผู้เสียหายไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยบางบัวทอง แต่เมื่อกดเงินแล้วไม่ออกมา จึงได้ย้ายไปกดเอทีเอ็มที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ห่างจากตู้แรกประมาณ 50 เมตร จำนวน 400 บาท เพื่อให้ผู้เสียหายเป็นค่ารถกลับบ้าน หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายมาส่งที่บริเวณปากซอยลาดพร้าวซอย 1 ซึ่งเป็นจุดที่ขึ้นรถไปครั้งแรก หลังจากเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับ โดยในวันที่ 11 ก.ค. เวลา 09.00 น. จะพาผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ต่อไป 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหายังได้ให้การรับสารภาพด้วยว่า จุดที่เกิดเหตุเคยพาผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงมาข่มขืนจำนวน 3 รายแล้ว รวมทั้งเด็กสาวอายุ 17 ปีด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อว่าทำเพียงแค่ 3 ราย น่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งจะได้สอบสวนขยายผลต่อไป

          รายงานข่าวเปิดเผยว่า ทีมสืบสวนของกองปราบฯได้ติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหารายนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวแท็กซี่หื่นลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กนักเรียนสาวชั้น ม.5 รายหนึ่งไปก่อนเหตุอนาจาร ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายคือนายทองมี แต่ต่อมาผู้ปกครองของเหยื่อสาวไม่อยากให้เป็นคดีความจึงยอมถอนแจ้งความในที่สุด อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนของกก.1บก.ป. ยังเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายทองมีมาตลอด เพราะคาดว่าผู้ต้องหาจะต้องก่อคดีในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง จึงรวบหลักฐานส่วนตัวของผู้ต้องหาไว้ทั้งหมด กระทั่งเมื่อเกิดคดีแท็กซี่ข่มขืนไกด์สาว ตามคำให้การของผู้เสียหายตรงไปตามแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหาทุกอย่าง ประกอบกับภูมิ ศาสตร์อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกัน ทีมสืบสวนของกก.1บก.ป. จึงนำหลักฐาน ภาพถ่าย ตำหนิรูปพรรณของคนร้ายทั้งหมดไปให้ผู้เสียหายชี้ตัว และสามารถจดจำตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องหาได้อย่างเม่นยำ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามจะไปขออนุมัติออกหมายจับกุมได้ในที่สุด


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เค้นเพิ่มแท็กซี่หื่น เคยขืนใจสาว ม.5 อัปเดตล่าสุด 11 กรกฎาคม 2552 เวลา 17:25:43 22,988 อ่าน
TOP