บิ๊กตำรวจมาเลย์ยัน ทักษิณไม่เคยมาประเทศ (INN)
ทักษิณอ้าง ตำรวจมาเลย์ให้การอารักขาขณะพักที่กัวลาลัมเปอร์ ด้านจเรตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ยัน ทักษิณไม่เคยมามาเลเซียและไม่ได้ให้การดูแลอย่างแน่นอน
เว็บไซต์ เดอะสตาร์ ดอทคอม ของมาเลเซีย รายงานข่าว โดยระบุว่า นาย ตัน ศรี มุซา ฮัสซัน นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของมาเลเซีย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยไม่เคยมาที่ประเทศมาเลเซีย และทางการมาเลเซียไม่ได้ปกปองเขา และไม่ทราบการมาเยือนมาเลเซียของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่า นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้มาที่มาเลเซียแต่ไหวตัวทัน จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย โดยหลบหนีออกนอกประเทศไปได้
มุซา ยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่สถานฑูตไทยได้แจ้งไปยังทางการมาเลเซีย เพื่อขอให้จับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ และส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทย โดยเราได้ตรวจสอบทุกโรงแรม รวมทั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเขาเคยมาที่นี่และเราไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่สันติบาล 20 นาย เพื่อปกป้องเขา
ตามที่มีรายงานในหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ของประเทศไทย ในการโฟนอิน พ.ต.ท.ทักษิณโดยกล่าวว่าเขาได้เดินทางมายังประเทศมาเลเซียในวันที่ 4 กรกฎาคม โดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว และมีกำลังตำรวจอารักขาตลอดเวลา
"เขารักและแคร์ฉัน" คือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่พิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ถูกนำเสนอโดยมาเลเซีย นิวส์ พอร์ทัล (อ้างอิง thestar.com)
ด้านเว็บไซต์กัลฟ-ไทม์ ดอทคอม ของกาตาร์ รายงานบนเว็บไซต์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวกับสื่อระบุ มีตำรวจมาเลเซียให้การดูแล และอารักขา ขณะที่เข้าพักชั่วคราวที่กัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเดินทางไปโดยเครื่องบินเจ๊ท ส่วนตัว เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
โดยหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ตีพิมพ์ ข้อความจากให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับคลื่นวิทยุ 97.5 MHz คลื่นวิทยุในต่างจังหวัด ระบุว่า เมื่อเครื่องบินเจ๊ทของเขาลงจอดที่ประเทศมาเลเซีย ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล มาอารักขาทั้งสิ้น 20 นาย "เค้ารักและแคร์ฉัน"
ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้าพักที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศฟิจิในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะเดินทางกลับไปยังดูไบในวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม (อ้างอิง gulf-times.com)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
