รัฐเลิกผ่อนปรน สุเทพย้ำ ไม่ยอมสงครามกลางเมือง (ไทยรัฐ)
รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงเมินเครือข่าย "นายใหญ่" เปิดตัวหนังสือ "เสียงทักษิณ" ลั่นไม่ยอมให้เกิดสงครามกลางเมือง เด็ดขาด อ้างประสบการณ์ จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มแข็ง
เมื่อเวลา 07.50 น.วันนี้ (21 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเปิดตัวนิตยสาร "เสียงทักษิณ" (voice of Taksin) ฉบับปฐมฤกษ์วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ว่า รัฐบาลคงไม่ไปจับตาดูความเคลื่อนไหวดังกล่าว ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด คงไม่ไปยุ่งเกี่ยว เพราะเคารพในสิทธิของแต่ละฝ่าย แต่หากมีการฝ่าฝืนกฎหมายก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย คงไม่ยอมให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย 
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการติดตามความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ว่าอยู่ที่ไหน
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ติดตาม ตนก็ต้องดูแลเรื่องภายในประเทศเป็นสำคัญ เมื่อถามต่อว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกำลังกลับไปซ้ำรอยเช่นที่ เคยเกิดขึ้น
นายสุเทพ กล่าวว่า ตอบยาก แต่ตนคิดว่าให้พี่น้องประชาชนตั้งหลักว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นส่วนรวม ทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่ใครที่จะมาแบ่งฝักแบ่งฝ่ายประชาชนให้เป็นศัตรูห่ำหั่นกันเองเพื่อประโยชน์ของใครบางคนบางกลุ่มอย่างนี้คงไม่ยอม ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามที่จะพัฒนาเหตุการณ์กลับไปสู่การเกิด สงครามการเมืองอีกครั้งหรือไม่
นายสุเทพ กล่าวว่า เราไม่ยอมให้เกิดสงครามการเมืองเด็ดขาด เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลยังมั่นใจว่าจะรับมือกับสถานการณ์ต่างได้
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามที่จะทำงานของตนให้เต็มที่ เมื่อถามว่าได้เก็บเกี่ยวบทเรียนอะไรจากในอดีตได้บ้างที่จะมาป้องกันไม่ให้ เกิดเหตุซ้ำรอยได้อีก
นายสุเทพ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ยืนยันแน่นอนก็คือ เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายจะไม่มีการผ่อนปรน ช่วงแรกๆ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะไม่ต้องการให้เรื่องลุกลามใหญ่โต แต่ประสบการณ์บอกว่า คนเหล่านี้พร้อมที่จะทำผิดกฎหมายได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จในที่สุด จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มแข็ง เมื่อถามว่าที่ผ่านมา ผู้ใช้กฎหมายมีปัญหาจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่
นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่ามีคนเชื่ออีกจำนวนมากในประเทศไทย อย่ากังวลใจ คนที่ทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนถือเป็นเกียรติยศมีจำนวนมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
