เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก whufc.com,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ในขณะที่สโมสรฟุตบอลฝั่งอังกฤษและยุโรปหลายทีม กำลังวุ่นกับการกว้านซื้อตัวนักเตะดีๆ มาเสริมทัพให้แน่นปึ้ก ชนิดมีรายงานข่าวแย่งตัวนักเตะกันรายวัน ซึ่งเราๆ ท่านๆ ก็ได้แต่จับตาดูกันว่า ใครจะโยกใครจะย้ายไปไหนกันบ้าง จะได้ตามเชียร์กันถูกในฤดูกาลหน้า ทว่าจู่ๆ ก็เกิดข่าวแรงแซงทางโค้ง เมื่อสื่ออังกฤษรายงานว่า มีกลุ่มนักธุรกิจไทยเล็งเข้าเทคโอเวอร์สโมสร "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นำโดย เสี่ยไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ เพื่อนสนิทและที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
สำหรับการเข้าซื้อกิจการของทีมดังจากศึกพรีเมียร์ลีกอย่างเวสต์แฮม เสี่ยไพโรจน์ ยื่นข้อเสนอด้วยเม็ดเงินถึง 75 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 4,125 ล้านบาท แต่ทางขุนค้อนก็เคาะตัวเลขที่ต้องการถึง 125 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 6,875 ล้านบาท ซึ่งดูจะต่างกันพอควร... อย่างไรก็ตาม สโมสรเวสแฮมต์ ยูไนเต็ด เพิ่งจะถูกกลุ่มทุนจากไอซ์แลนด์เข้ามาซื้อสโมสร แต่เขาก็พร้อมที่จะขายสโมสรหากได้ราคาที่น่าพอใจ
...ไม่รู้ว่าผลการเจรจาจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้จักนักธุรกิจไทยที่ชื่อ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ กันไม่น้อยเลยทีเดียว
ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ หรือ เสี่ยไพโรจน์ ปัจจุบันอายุ 54 ปี เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2498 เป็นบุตรของ ม.ล.สิริ อิศรเสนา ณ อยุธยา (พระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์) และ ม.ล.สำลี ณ อยุธยา ชีวิตคู่ของเสี่ยไพโรจน์ สมรสกับ คุณพิไลวรรณ อดีตเลขานุการส่วนตัวของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย มีบุตรชาย 1 คน แต่เดิมนั้นเสี่ยไพโรจน์ มีฉายาว่า "เจ้าพ่อบ้านฉาง" เขาเป็นอดีตเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ ในเครือบ้านฉางกรุ๊ป ในช่วงที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดบูมใหม่ๆ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เสี่ยไพโรจน์เป็นนักธุรกิจชื่อดัง ที่บุกลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฝั่งตะวันออกของไทยชนิดไม่มีใครไม่รู้จักเขา ด้วยโครงการพัฒนาที่ดินที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน
นอกจากการเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ผู้เลื่องชื่อแล้ว ในอดีต เสี่ยไพโรจน์ยังมีตำแหน่งในแวดวงการเมือง และสังคมมากมาย เช่น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กรรมการบริหาร บริษัท อาราเบียนไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ผ่านพ้นไปได้ 3 ปี เสื่ยไพโรจน์ก็ถูกฟ้องในปี พ.ศ.2543 และถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ในปี พ.ศ.2545 โดยบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท บ้านฉาง กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แต่หลังจากนั้นอีก 2 ปี ศาลล้มละลายกลาง ก็ได้ปลดเสื่ยไพโรจน์ออกจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ในปี พ.ศ.2547
หลังจากนั้น ชื่อของเสื่ยไพโรจน์ก็หายไปพักใหญ่ และกลับมาพร้อมกับบทบาทของการเป็นนายหน้าติดต่อและเจรจาซื้อขายธุรกิจในแบบที่ถนัด ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคู่คิดในเรื่องธุรกิจคนสำคัญที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับอดีตนายกฯ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนทำธุรกิจ ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยก่อนหน้านี้ เสี่ยไพโรจน์เคยเป็นนายหน้าในการซื้อทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงพอร์ตสมัธให้เพื่อนซี้มาแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2551 เขาเป็นนายหน้าในการติดต่อซื้อทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จด้วยราคา 75 ล้านปอนด์ หรือราว 7 พันล้านบาท และนั่งแท่นเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของสโมสรด้วย และในคราวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจขายกิจการของสโมสรเรือใบสีฟ้าทิ้ง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาใครมาซื้อต่อได้ ซึ่งเสี่ยไพโรจน์ก็ได้ใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการติดต่อประสานงานขายให้กับนักธุรกิจในตะวันออกกลาง ในนาม Abu Dhabi United Group มารับช่วงต่อได้สำเร็จ ชนิดที่อดีตนายกฯ คุยเปราะว่า ได้กำไรมาจากการขายสโมสรครั้งนี้นับพันล้านบาท
มาถึงตรงนี้... ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ คือนักธุรกิจฝีมือดีอีกคนหนึ่ง แม้เคยโดนมรสุมวิกฤติซัดจนเซไปบ้าง แต่ด้วยความสามารถที่มีจึงทำให้อดีตเจ้าพ่อบ้านฉางคนนี้ยังคงผงาดอยู่ในโลกของธุรกิจต่อไป
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
,politic.myfirstinfo.com