ศาลสั่งปรับ5หมื่น ดาตอร์ปิโด คดีหมิ่นสนธิ (ไทยรัฐ)
น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ถูกศาลอาญสั่งปรับเงิน 5 หมื่นบาท ในคดีหมิ่นประมาทนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ให้ยกฟ้องในคดีชุมนุมก่อความวุ่นวาย
วันนี้ (28 กรกฎาคม) ศาลอาญามีคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด อายุ 37 ปี เป็นจำเลย ในข้อหาร่วมกันมั่วสุม ตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ พยายามบุกรุก และหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยการป่าวประกาศ กระจายเสียง โดยเมื่อวันที่10 มิถุนายน 2550 จำเลยกับพวกแนวร่วม นปก. ได้ปิดล้อมบริษัท ไทยเดย์ดอทคอม ผู้ดำเนินกิจการเอเอสทีวี บริเวณท่าพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ โดยปิดถนนเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง หน่วงเหนี่ยวกักขังพนักงานบริษัทเอเอสทีวี และพูดจาด่าทอนายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานโจทก์หลายปาก เบิกความขัดแย้งกันเอง มีเพียงคำเบิกความ ของผู้เสียหายที่1 เท่านั้น ประกอบกับพยานโจทก์มีเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ ของเอเอสทีวี ซึ่งเป็นของฝ่ายผู้เสียหาย ที่บันทึกภาพไม่ต่อเนื่อง นับว่ามีข้อพิรุธ นอกจากนี้ องค์ประกอบความผิด ของข้อหาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ต้องดูต้นเหตุของการกระทำ ว่ามีความประสงค์ต่อผลอย่างไร ผู้กระทำต้องมีเจตนาต่อการกระทำนั้นด้วย เห็นว่าสภาพสังคมในปัจจุบัน มีความเชื่อแบบแบ่งฝ่าย ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีอำนาจทางบริหาร เมื่อพิจารณาประกอบพฤติการณ์ แห่งการกระทำของจำเลยแล้ว จำเลยได้กระทำไปเกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่ไม่ถึงกับมีเจตนาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เบิกความเจือสมว่า ไม่มีใครเห็นจำเลยนำพวก เข้าไปขว้างปาขวด หิน และปิดล้อมบริษัทของพวกผู้เสียหาย แม้จะมีคนขว้างปาจริง แต่จับกุมตัวใครไม่ได้ ขณะเกิดเหตุ มีตำรวจรักษาการณ์เพียงสองนาย แต่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดง 50 คน หากฝ่ายคนเสื้อแดงจะก่อภยันตราย ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ปรากฏว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น แม้มีเหตุควรเชื่อว่า พวกผู้เสียหายอาจถูกทำร้ายได้ แต่พวกผู้ชุมนุมได้ก่อตัวกัน 2 ชั่วโมง แล้วแยกย้ายกันไปเอง พยานโจทก์ไม่มีปากใดยืนยันว่า จำเลยเป็นคนนำพวกเสื้อแดงไปขว้างปา หรือปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ จำเลยจึงไม่มีเจตนาบุกรุกในเวลากลางคืน และหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลอื่นด้วย
แม้การชุมนุมบนเวที และด่าทอกัน ระหว่างผู้ชุมนุมเกิดขึ้น แต่ก็แยกย้าย และขาดตอนไปแล้ว มีเพียงพยานโจทก์เห็น น.ส.ดารณี ใช้ไมโครโฟนด่าทอนายสนธิ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ในลักษณะหมิ่นประมาทเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา ตามมาตรา 328 จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดี การลงโทษจึงคำนึงถึงวิชาชีพของจำเลย และเพื่อให้จำเลยพึงระมัดระวังในคำพูด โทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท จึงให้รอลงอาญาไว้ แต่ให้ปรับ 5 หมื่นบาท ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์
