สาวโอเกะครวญตกงาน รัฐห้ามนั่งดริ๊งก์ (คมชัดลึก)
หลังจาก ครม.มีมติห้ามมีเด็กนั่งดริงก์ตามร้านคาราโอเกะต่างๆ หากผู้ประกอบการรายได้ฝ่าฝืนจะมีผลกับการต่อใบอนุญาตนั้น นายสมศักดิ์ อ่อนศรี หรือ พี่จ่า ผู้จัดการสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ได้ติดตามข่าว เกี่ยวกับมติ ครม.ดังกล่าว คิดว่ารัฐบาลคงไม่ได้มุ่งเน้นสถานบริการที่มีใบอนุญาต แต่รัฐบาลคงจะเน้นคาราโอเกะ หรือ สถานบันเทิงข้างถนน มากกว่า ตามความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลควรจะชี้แจ้งให้ประชาชนได้เข้าใจว่า เป็นร้าน คาราโอเกะ หรือ สถานบันเทิงขนาดใหญ่ สำหรับสถานบันเทิงแห่งนี้ ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติมาตรา 3 โดยอนุญาตให้มีพนักงานบริการนั่งดริงก์
"ผมคิดว่า ถ้ารัฐบาลมาคิดประเด็นนี้อย่างนี้ ก็คิดผิดแล้ว ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี มันจะมีผลกระทบกับแรงงานที่ทำมากินเป็นหมื่นๆ คน ทุกอย่างผู้ประกอบการไม่เคยได้รับเชิญไปสร้างโมเดล และยิ่งตอนนี้อารยธรรมมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างเช่นเรื่องท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มาเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวอย่างเดียว มันต้องมีสีสัน" นายสมศักดิ์กล่าว และว่า ตนต่อสู้มานาน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า รัฐบาลควรพิจารณารัฐธรรมนูญด้วยว่า ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากน้อยหรือไม่ ในการออกกฏหมาย อยากฝากรัฐบาลพิจารณาข้อนี้ด้วย
น.ส.แอน (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สาวนั่งดริงก์ สถานบันเทิงย่านลาดพร้าว กล่าวว่า ตนเรียนจบแค่ ม.3 มาทำงานสถานบันเทิง ได้เพียง 3 ปี รายได้พออยู่พอกิน ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากทิปของลูกค้า หากรัฐบาลสั่งห้ามนั่งดริงก์ กับลูกค้าก็จะทำให้ขาดรายได้อย่างมาก รายรับคงไม่พอกับรายจ่ายแน่ แล้วจะให้ตนทำอาชีพอะไร เพราะความรู้น้อย
น.ส.แหม่ม (นามสมมติ) อายุ 23 ปี สาวคาราโอเกะ ย่านอุดมสุข กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำงานโรงงานแต่รายได้ไม่พอ จึงมาทำงานคาราโอเกะแต่ก็ไม่นาน เนื่องจากชอบร้องเพลง สำหรับรายได้ส่วนใหญ่ก็จะมาจากลูกค้าที่ให้ทิป และขอยืนยันว่า ไม่มีการขายบริการ ส่วนที่รัฐบาลสั่งให้นั่งดริงก์กับลูกค้านั้น คิดว่าจะให้คนตกงานจำนวนมาก
"พวกหนูจะไปทำอะไร หรือจะให้ไปขายยาบ้า หนูก็ยังไม่เข้าใจ ยิ่งตอนนี้งานหายาก แล้วพวกหนูที่มีความรู้น้อยจะไปทำอะไร ครอบครัวก็ยากจน หนูไม่เข้าใจจริงๆ" สาวคาราโอเกะ กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
