x close

พัชรวาท ไม่อยู่ ถก คดียิงสนธิ พรึบ



พัชรวาท วงษ์สุวรรณ



พัชรวาท ไม่อยู่ ถก คดียิงสนธิ พรึบ (คมชัดลึก)

          "ธานี" พูดเป็นนัย "ผบ.ตร." ไม่อยู่ เรียกประชุมทีมสืบสวนคดี "สนธิ" เรียงหน้ามากัน "พรึบ" ต่างจากเมื่อก่อนโหรงเหรง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันโยกย้าย ใน สตช.ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขณะที่อดีตบิ๊กสีกากีรวมพล ถกปัญหาการเมืองล้วงตำรวจ ครม.อนุมัติการเปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนของ สตช.

          ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 14.00น วันที่ 5 สิงหาคม  พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เรียกชุดสืบสวนสอบสวนในคดีประชุมความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา และความคืบหน้าในการหาพยานหลักฐานต่างๆ โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดติดตามผู้ต้องหา พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผบก. หน. ศสส. บช.น. พร้อมด้วยทีมสืบสวน พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.น. 1 และเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน และใช้เวลาการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่พล.ต.อ.ธานี จะเดินทางเข้าห้องประชุม ได้ทักทายผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวอยู่ด้านหน้าอย่างอารมณ์ดี ว่า "ไม่ได้เจอกันนานนะ" ต่อมาพล.ต.อ.ธานี ได้กล่าวหลังประชุมเสร็จสิ้นว่า ขณะนี้ทีมสืบสวนสอบสวนทำงานกันอย่างแข็งขัน ทุกคนได้ช่วยกันอย่างเต็มที่ จะเห็นว่า ทุกวัน พล.ต.ท.อัศวินจะเรียกหัวหน้าชุดทำงานมารายงานความคืบหน้าทุกวัน เป็นสัปดาห์แล้ว กรณีการออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คนนั้นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถขออนุญาตศาลออกหมายจับได้ ส่วนรถกระบะ อุซูซุดีแมค สีดำ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งให้พฐ.ตรวจนั้น ถือเป็นรถต้องสงสัยเพือนำมาตรวจเพื่อหาพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นการตรวจตามขั้นตอน ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากพฐ.

          ผู้สื่แข่าวถามว่าจะมีการเรียกทนายความของ จ.ส.ต.ปัญญา ศรีเหรา หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่า นายสนธิ มาสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ยังไม่มีการเรียกมาสอบปากคำแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีการพูดคุย เห็นข่าวที่ปรากฏตามสื่อเท่านั้น ส่วนกรณีที่นายสนธิ ออกมาระบุว่า ผู้ที่อยู่ในกระบวนการร่วมสังหารตัวเองนั้นมีทหาร 13นายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย นั้น พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าที่นายสนธิ พูดถึงเป็นใคร ตำรวจดูในส่วนที่รับผิดชอบและพยานหลักฐาน

          เมื่อถามว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ 10 รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้กำชับเรื่องคดีอย่างไร พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เมื่อเช้ามาพบ และแจ้งให้ทราบว่าได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีว่า ให้เร่งรัดติดตามการดำเนินคดีลอบยิงนายสนธิ ซึ่งตั้งแต่งวันจันทร์เป็นต้นมา พล.ต.ท.อัศวิน ก็ได้เรียกหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนมารายงานการทำงานโดยตลอด มาวันนี้ตนก็เรียกประชุมอีกที่เพื่อสรุปผลการทำงานที่ผ่านมาให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งขณะนี้ งานต่าง ๆก็ดำเนินการมาได้ด้วยดี รวดเร็วขึ้น

          ต่อข้อถามว่าการที่ผบ.ตร.ไม่อยู่ ส่งผลต่อการทำงานอย่างไร พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่รู้ แต่ว่าที่ผ่านมาพล.ต.ท.อัศวินก็เรียกประชุมชุดทำงานทุกวัน เวลา 10.00 น.

          "คุณไม่เห็นเหรอ ที่ประชุมเนี่ยพรึบเลย คนเข้าประชุมเนี่ย ตั้งแต่วันจันทร์แล้วคึกคัก เมื่อก่อนโหรงเหรง นับคนได้ แต่วันนี้มีเยอะแยะ ทุกคนขมีขมันทำงานเต็มที่ อย่างนี้คดีก็เดินหน้าไปได้ พยานหลักฐานต่างๆ ก็มีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนจะสาวถึงตัวบางการหรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับพยานหลักฐาน พูดลอยๆ ไม่ได้" พล.ต.อ.ธานีกล่าว

          ส่วนกรณีจะให้ความเป็นธรรมกับส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. กับกรณีที่ส่งจดหมายขอความเป็นธรรมมาอย่างไรนั้น พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เห็นแต่จดหมายมา สื่อก็ช่วยบอกได้ด้วยว่า ให้มามอบตัวกับตน หากไม่มาอาจจะเป็นอันตรายมากกว่ามาพบตนเอง

          ผู้สื่อข่าวถามอักว่าวันที่ 4 - 14 สิงหาคม นี้ จะมีความคืบหน้าทางคดีขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ก็เห็นอยู่ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมาก็ประชุมกันทุกวัน เชื่อว่าการทำอย่างนี้ ช่วยกันทำงาน เร่งรัด พยานหลักฐานจะมีความชัดเจนขึ้นเป็นธรรมดา แต่การที่จับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไม่ได้ก็เพราะเขายังหนีอยู่ ตำรวจก็มีหน้าที่ไปตามจับ

กมธ.งบรุมชักความคืบหน้าคดีสนธิกับผช.ผบ.ตร.

          ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 53 ในส่วนงบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับจัดสรรจำนวน 66,730,031,500 บาท โดยพล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผช.ผบ.ตร. ชี้แจงถึงปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณก่อสร้างบ้านพักตำรวจทั่วประเทศล่าช้าว่า เนื่องจากกระบวนการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์บางอย่างต้องสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ขณะที่ผู้รับเหมาก่อสร้างทางภาคใต้มีจำนวนน้อยการเคลื่อนย้ายและขนถ่ายวัสดุจึงเป็นไปอย่างล่าช้า ส่วนงบประมาณการสั่งซื้อเสื้อเกราะให้กับตำรวจในภาคใต้ได้สั่งซื้อจำนวน 10,000 ตัว เนื่องจากเสื้อเกราะที่ใช้อยู่หมดสภาพอายุการใช้งานแล้วประมาณ 6,000 ตัว

          พล.ต.ท.วัชรพล ชี้แจงด้วยว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สตช.ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งสามารถจับกุมผู้กระทำผิดในคดีดังกล่าวทางอินเตอร์เน็ตไปแล้ว 1,490

          ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนคดียิงนายสนธิ  ลิ้มทองกุล  แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น อยู่ในความดูแลของพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อหาหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดให้ได้ และยืนยันว่าจะไม่มีการจับแพะแน่

          จากนั้นพล.ต.ต.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ รองผบช.ภ. 9 ผบช.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจดับไฟใต้ ชี้แจงถึงคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2542 ปัจจุบันว่ามีมากกว่า 9,000 คดีแต่ ในปี 2552 เกิดเหตุรวมทั้งสิ้น 720 คดีถือว่าเป็นตัวเลขที่ลดลง จังหวัดที่เกิดเหตุการณ์น้อยลงคือ จ. ยะลา และนราธิวาส ขณะที่จ.ปัตตานีกลับมีคดีมากขึ้น

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นกรรมาธิการฯได้แสดงความกังวลกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่ และการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อสร้างบ้านพักตำรวจทั่วประเทศในปี 52 ที่ไม่สัมฤทธิ์ผล อาทิ นายอัสนี เชิดชัย ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จ.นครราชสีมาว่าอิงกับผลประโยชน์มากกว่าจะปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชน โดยยกตัวอย่างว่าเทศบาลเมือง จ.นครราชสีมาได้ทำเรื่องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ย้ายป้ายรถประจำทางหน้าห้างเดอะมอลล์ สาขานครราชสีมา เพราะทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ดูแลเจ้าของห้างมากกว่าประชาชน พร้อมทั้งระบุว่าสมมุติว่ามีหลังบ้านนายตำรวจใช้บัตรของห้างดังกล่าวรูดซื้อสินค้าและรับส่วนลดถึง 20% จะทำให้ครอบครัวตำรวจนายนั้นๆ มีรายได้มากมาย 

"อภิสิทธิ์" ยืนยั โยกย้ายในสตช.ต้องเป็นไปตามกฎหมาย

          เมื่อเวลา 14.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการมอบนโยบายต่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สบ. 10 ) ในฐานะรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) ว่ามีเรื่องหลักๆ 3 เรื่องคือ

          1. คดีที่อยู่ในความสนใจเป็นสิ่งที่ต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตำรวจในการที่จะทำให้มีประสิทธิภาพและความมั่นใจเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตางมา ฉะนั้นเรื่องที่เป็นที่จับตาอยู่ต้องช่วยอำนวยความสะดวกและให้นโยบายกับผู้ ใต้บังคับบัญชาและผู้ที่ทำงานทั้งหมดว่าจะเดิยอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ

          2. ปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในทางการเมือง ซึ่งยังมีอยู่มาก ก็ได้ทำความเข้าใจถึงจุดยืนของรัฐบาล ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงออกใช้สิทธิเสรีภาพได้ตามกฎหมาย หากมีอะไรที่เกินเลยขอบเขตก็ต้องแสดงออกให้เห็นถึงความชัดเจนในการบังคับใช้ กฎหมายให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์

          3. นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำลังดูเรื่องปัญหาการโยกย้ายแต่งตั้งที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างใหม่ที่ยัง มีปัญหาในข้อกฎหมายอยู่ ซึ่งต้องสะสางโดยเร็วและการเตรียมการโยกย้ายแต่งตั้งประจำปี นี่คือภาระใหญ่ 3 ข้อที่ต้องดำเนินการในช่วงนี้

          ผู้สื่อข่าวถามว่า 10 วันนี้ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ลาราชการไปต่างประเทศและนายกฯมอบให้พล.ต.อ.วิอเชียร รักษาการ จะดำเนินการ 3 ข้อของนายกฯได้ทั้งหมดใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ครับ เพราะ พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ลาตั้งแต่วันนี้ ฉะนั้นต้องมีผู้รักษาราชการแทนตามกฎหมาย ซึ่งตนได้ใช้อำนาจตามมาตรา 72 เมื่อมอบหมายอย่างนี้ คือ มีอำนาจในการรักษาราชการแทนทั้งหมด"

  เมื่อถามว่า โผการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีสามารถรื้อได้ด้วย

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงเรื่องรื้อไม่รื้อ พูดแต่เรื่องการโยกย้ายแต่งตั้งต้องดูให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งกันในเรื่องของวิธีทำเรื่องนี้ เพราะโครงสร้างยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจาฯ ขณะเดียวกันมีความเห็นที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งทำเห็นว่าต้องทำก่อน เพราะถ้าประกาศแล้วจะเกิดสูญญากาศกับอีกฝ่ายที่เห็นว่หากยังไม่ประกาศก็ไม่ น่าจะพิจารณาได้

  เมื่อถามว่าการมอบให้รักษาการ ผบ.ตร.ดำเนินการในตอนนี้จะผิดหลักการหรือไม่ เพราะผบ.ตร.ยังไม่เกษียณอายุราชการ

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ไม่มีอะไรผิด เพราะมีเรื่องกรอบเวลา เนื่องจากโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าใจว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางเดือนสิงหาคมนี้ ขณะเดียวกันกระบวนการโยกย้ายแต่งตั้งประจำปี มีบางตำแหน่ง ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายอยู่แล้ว จะต้องดำเนินการภายในเดือนนี้ ฉะนั้นการเริ่มต้นในกระบวนการต่างๆต้องมาดูให้ชัดเจนเรื่องของข้อกฎหมาย

  เมื่อถามว่า จะดูเฉพาะข้อกฎหมายหรือดูเรื่องการปรับเปลี่ยนบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยหรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะส เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เสนอมาเองว่า อยากจะขอทบทวนเรื่องนี้

  เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯเคยบอกว่าจะให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาดูเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายเอง

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ถูกต้องจะเกี่ยวตรงนั้นด้วย คือตามความเข้าใจในขณะนี้ ตำแหน่งในระดับรองลงไปต้องเสร็จภายในเดือนนี้ ตำแหน่งตัวผู้บัญชาการต้องมีความชัดเจนก่อน ฉะนั้นมันต้องมีกระบวนการเริ่มต้นและวางแผนกันให้ดี สิ่งตนได้มอบนโยบายไปคือกระบวนการต้องสอดรับกันเพื่อให้การทำงานหลังจาก ปรับโครงสร้างใหม่และหลังจากสิ้นปีงบประมาณไปแล้วเกิดเรียบร้อยเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ

  เมื่อถามว่า ตรงนี้จะชัดเจนเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีผลออกมา

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า มีทั้ง คณะกรรมการตำรวจแห่งชามติ (กตช.)และ ก.ตร. เพราะตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเรื่องของ กตช.

  เมื่อถามว่า ต้องดำเนินการให้เร็วด้วยใช่หรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ใช่ เพราะมันมีเงื่อนเวลาที่จำกัดอยู่แล้ว ซึ่งต้องเสร็จในเดือนนี้ ส่วนที่ว่า ตามกรอบเดิมคือต้องมีผลในวันที่ 16 ส.ค.นี้หรือไม่ นั้นเท่าที่ตนทราบเป็นอย่างนั้น

  เมื่อถามว่า กรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาท ลาราชการถึงวันที่ 14 สิงหาคมเท่ากับเป็นการกันตัว พล.ต.อ.พัชรวาท ออกจากการพิจารณาบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายใช่หรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ผบ.ตร. เป็นคนยื่นใบลา ตนก็ดูตามที่ ผบ.ตร.ลามา เป็นภารกิจที่รายงานมาว่าจะต้องไปปฏิบัติ

  เมื่อถามว่า ทำไม่รอให้พ.ต.อ.พัชรวาท กลับมาร่วมพิจารณา

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า มันก็ไม่ทันสิครับ

  เมื่อถามว่า ตอนนี้มีข่าวว่ามีการซื้อตำแหน่งกันด้วย

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ตนได้บอกรักษาการ ผบ.ตร.ว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ ฉะนั้นต้องไปดูอย่าให้มี เพราะนอกจากเป็นการทำลายองค์กรแล้วตัวนี้เป็นการสร้างความเดือดร้อนที่สุด ให้กับประชาชน หากเจ้าหน้าที่ซื้อขายตำแหน่งกันถามว่าเจ้าหน้าที่จะเอาเงินมาจากไหน ตรงนี้ได้ฝากไปให้ช่วยดูเป็นพิเศษด้วย

  เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหาเด็กฝากของนักการเมืองอย่างไร

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า หากมี ไม่ควรจะมีเด็กฝาก ทุกอย่างต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม ส่วนที่ว่ารู้ข้อมูลการซื้อขายเก้าอี้หรือไม่ นั้นตนได้พยายามขอให้คนที่พูดถึงเรื่องนี้ว่าทำอย่างไร ถึงจะให้มีพยานหลักฐานมาเพื่อที่จะดำเนินการได้

  เมื่อถามว่านายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวนายกฯ แจ้งข้อมูลเรื่องตำรวจบางคนเป็นผู้รับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจปีนี้ให้นายกฯทราบหรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า เพิ่งเจอเมื่อเช้าก่อนเข้าประชุม ครม. หายตัวไปทั้งวันเมื่อวานนี้( 4 สิงหาคม) แต่ไม่ได้คุยเรื่องนี้ ยัง ไม่มีเวลา เดินตรงนั้น มาฉายภาพอยู่ข้างหลังชั่วครู่เอง แต่หากจะสอบถามก็ได้ แต่ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหน ใครพูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูด หากมีเอกสารหลักฐานผมยินดี ใครก็ตามไม่ใช่เฉพาะ ส.ส. ทุกอย่างขึ้นกับข้อเท็จจริง และอย่างที่บอกคนพูดต้องรับผิดชอบคำพูด ต้องมาดู ถ้ามีพยานหลักฐานอะไรก็ต้องดำเนินการ 

          ท่ามกลางเสียงหัวเราะของสื่อมวลชนที่ขำขันคำพูดของที่นายกฯ กล่าวถึงนายศิริโชคว่า ชอบมาฉายภาพอยู่ข้างหลัง

  เมื่อถามว่า จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ควรจะมีพยานหลักฐานในระดับหนึ่ง ขณะนี้แม้จะมีคำพูด ซึ่งตนคิดว่าหลายได้ยินแต่การยืนยันยังไม่มีใครมายืนยัน หากเราตั้งกรรมการทุกเรื่องเพราะมีคนพูดมันก็จะเป็นปัญหาเหมือนกัน แต่ตนจะพยายามสอบถาม เพราะไม่ใช่เฉพาะนายศิริโชคที่พูด หลายคนก็พูด ตนจะพยายามขอหากมีข้อมูลอะไรให้ส่งมา

  เมื่อถามว่านายศิริโชคอยู่ใกล้ตัวนายกฯไม่เคยบอกข้อมูลอะไรเลยหรือ

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันทุกเรื่องหรอก ส่วนใหญ่อยู่ข้างหลัง เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายศิริโชค โสภา คนใกล้ชิดนายกฯระบุว่ามีตำรวจบางนายหากินกับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีและมีเงินสะพัดนับพันล้านบาท ได้สอบถามเรื่องนี้แล้วกับนายศิริโชคหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน และการที่ตนพูดก่อนหน้านี้ (แถลงข่าวที่ตึกนารีสโมสร) ก็ไม่ทำให้นายศิริโชคโกรธหรืองอนตนได้ เพราะคำว่างอนนั้นไม่อยู่ในสารบบของนายศิริโชค เพราะตนเคยเห็นว่านายศิริโชคโดนหนักๆก็ยังไม่เห็นรู้สึก และถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว

  เมื่อถามว่า จะมีการเพิ่มเวลาให้กับรักษาการผบ.ตร.หรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายเฉพาะช่วงที่ พล.ต.อ.วิเชียร รักษาราชการแทน ขณะนี้คำสั่งอยู่ระหว่างวันที่ 5 - 14 ส.ค.  หากพล.ต.อ.วิเชียรทำงานไม่เสร็จจะให้ ผบ.ตร.มาสานต่อหรือไม่ นั้น ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

  เมื่อถามว่า พล. ต.อ.วิเชียร มีสิทธิ์ ที่จะได้เป็น ผบ.ตร.หรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ตำแหน่ง ผบ.ตร.จะพิจารณาตามความเหมาะสมใครที่มีคุณสมบัติครบก็มีโอกาสทั้งนั้นในตอน นี้ ซึ่งต้องดูหลายปัจจัยประกอบ

  เมื่อถามว่าภาพของ ผบ.ตร.คนใหม่ควรจะมีความชัดเจนได้หรือยัง เพราะตัว ผบ.ตร.เองจะเกษียณอายุราชการเดือนกันยายนนี้แล้ว

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า มีกรอบเวลาอยู่แล้ว กำลังจะสรุปเพื่อเดินหน้าต่อ โดยจะมีประชุม กตช.ภายในเดือนนี้ ซึ่ง ตนเป็นประธานด้วยตนเอง มอบให้ใครทำหน้าที่ไม่ได้ตามกฎหมาย

  เมื่อถามว่า แสดงว่าภายในเดือนนี้จะได้ผู้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. 

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ใช่ครับ

  เมื่อถามว่าปัญหาระหว่างนายกฯ กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรณ ผบ.ตร.นั้น มีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมไม่พอใจ

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุยกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

  เมื่อถามว่า วันนี้พล.อ.ประวิตรไม่มาประชุม ครม.อาจเพราะไม่พอใจ

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ไม่ใช่ วันนี้เป็นวันครบรอบวันก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

เมื่อถามว่า เรื่องนี้บางฝ่ายมองว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล 

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ตอบคำถามนี้

  เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับกองทัพในวันนี้ยังดีอยู่หรือไม่

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ความสัมพันธ์มันดีอยู่แล้วไม่มีปัญหาเลย มีอะไรก็คุยกัน

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.พัชรวาทลาราชการไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 5 - 14 สิงหาคม และในวันที่ 15 สิงหาคม พล.ต.อ.พัชรวาทจะอยู่ในฐานะอะไร

          นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า กลับมาก็ทำงานไม่มีอะไร เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ตนยังโทรศัพท์คุยกับ ผบ.ตร.อยู่เลย

อดีตบิ๊กสีกากีรวมพล ถกปัญหาการเมืองล้วงตำรวจ

          เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 5 สิงหาคม ที่โรงแรมฟอริด้า ถนนพญาไท กลุ่มอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นำโดย พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) นายกสมาคมตำรวจ พล.ต.อ.อัยยรัช เวสสะโกศล อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ(รองอ.ตร.) พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอ.ตร. พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ.ดรุณ โสตถิพันธ์ คณะกรรมการกฤษฎีกาฯลฯ รวมกว่า 15 คน ร่วมหารือระดมความเห็นต่อกรณีที่มีกระแส ฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ

          พล.ต.อ.วิสุทธิ์ แถลงภายหลังการหารือว่า ในช่วงนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เหมือนประสบมรสุม รุมเร้า ทั้งเรื่องที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อหาเพิ่มเติม แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และคณะนายตำรวจ และจะชี้มูลในเร็ววันนี้ จากกรณีเหตุการณ์ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้สมาคมตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ต่อเนื่อง เรื่องที่ 2 ยังมีความพยายามจะโยกย้าย ให้ ผบ.ตร. ออกจากตำแหน่ง โดยฟังจากข่าวลือ จากข้อมูลที่พูดกันเท่านั้น เอาแต่ความรู้สึก โดยไม่ใช้พยานหลักฐาน ตนเคยเสนอไปแล้วว่าการจะให้ผบ.ตร.พ้นจากตำแหน่ง ต้องชี้ให้ชัดว่าผิดอย่างไร ถึงจะยอมรับได้ ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนให้ได้ความ ซึ่งภายหลังก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแต่ผลยังไม่ออก

          "เรื่องที่ 3 การแต่งตั้งต่างๆมีเสียงกล่าวหากันมากมาย ผมคนนอกทราบจากข่าว อ่านข่าวทุกวัน มองว่าการแทรกแซงกิจการภายในของตำรวจ ทั้งการบริหารงานบุคคลการแต่งตั้งและการทำคดี ซึ่งแบบนี้ใกล้ฤดูกาลแต่งตั้งเดือนตุลาคม จะมีข่าวลือ เช่นนี้ทุกปี ซึ่งผมไม่ทราบเรื่องซื้อขายตำแหน่งต่างๆ จริงเท็จอย่างไร เพียงแต่โต้กันไปมา แต่ผมมองเห็นว่าถ้าปล่อยให้องค์กรตำรวจถูกแทรกแซงอย่างนี้ หรือโครงสร้างแบบนี้ก็จะเป็นอย่างนี้ทุกปี ตลอดไป จึงมีความคิดเห็นส่วนตัวเสนอในวงหารือกันในกลุ่มตำรวจเกษียณที่ห่วงความเป็นไปของตร. ซึ่งเสนอว่า กฎหมายและโครงสร้างตำรวจควรลดบาทบาทของฝ่ายการเมืองในการบริหารบุคคล ให้ตำรวจดูแลกันเอง แต่ทั้งนี้การเมืองยังสามารถเข้ามาดูแลเรื่องนโยบายได้"

          อดีตรองผบ.ตร. กล่าวว่า เสนอให้ตำรวจดูแลเรื่องบริหารบุคคลกันเอง ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะการเมืองค่อยเข้ามาดำเนินการ หลักการคล้ายๆว่าให้รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งได้เฉพาะ ผบ.ตร. เท่านั้น ที่เหลือให้กระจายอำนาจให้ตำรวจทำเอง ซึ่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ก็คล้ายๆกระจายอำนาจแล้ว แต่มันยังมีเงื่อน เป็นผมบังตาอยู่ ซึ่งมองว่าสามารถปลดล๊อคตรงนี้ได้ โดยสมาคมตำรวจจะรับไปพิจารณาหาคนที่มีความรู้ความสามารถ หาคนในสมาคมตำรวจยกร่างพระราชบัญญัติตำรวจขึ้นมาใหม่ แก้ไขเปิดทาง ให้ถ่วงดุลกันพอดีๆ ให้รัฐบาลยังตรวจสอบ กำกับดูแลตำรวจได้ มีการเสนอกันว่าควรให้ตำรวจเป็นของประชาชนและให้ประชามีส่วนร่วมเลยหรือไม่ แต่คงมาจากประชาชนโดยตรงไม่ได้ ต้องผ่านผู้แทนผ่าน ส.ส. ผ่านรัฐบาลอยู่ดี ซึ่งคิดจะทำแบบนี้

          "เราไม่ใช้รักตำรวจแบบตาบอด ที่ว่าทำไม่ถูกก็เข้าข้าง เรามองว่าตำรวจยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมาก ไม่ว่าเรื่องการสอบสวน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เรื่องความมั่นคง เราคุยกันว่าตำรวจต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจ และสร้างบรรยากาศของความสงบเรียบร้อย สร้างศรัทธาให้กับประชาชน เมื่อนั้นประชาชนจะปกป้องตำรวจเอง ถ้าตำรวจไม่ดีก็อยู่ไม่ได้" นายกสมาคมตำรวจกล่าว

เมื่อถามว่ามองว่าการเมืองล้วงลูกตร. มากเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย

          พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กล่าวว่า ที่เห็นชัดก็นายกรัฐมนตรีเป็นทั้งประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) มีอำนาจเสนอตั้งผบ.ตร.ได้ ขณะที่ผบ.ตร.ก็เสนอตั้งรองผบ.ตร.ถึง ผู้บังคับการได้โดยผ่านก.ตร. ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานอีก จึงเสนอว่า ควรมีการเลือกประธานก.ตร.ได้ที่ไม่เจาะจงว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี

          "เงื่อนงำที่ทำให้เกิดเรื่องทุกวันนี้เพราะกฎหมายให้ผบ.ตร. ให้ ก.ตร.เสนอบัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจขึ้นมา แต่ไม่เอาตามเสนอก็ได้ จุดนี้ต้องแก้" นายกสมาคมตำรวจกล่าว

เมื่อถามถึงสาเหตุการเคลื่อนไหว ปลด ผบ.ตร. 

          อดีตรองผบ.ตร. กล่าวว่า ตนไม่รู้สาเหตุเพราะไม่อยู่ในวงการเมือง แต่เป็นหลักทั่วไปว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อความสงบเรียบร้อยของชาติ ใช้อำนาจเพื่อจัดการตามสมควร หรือว่าหากผบ.ตร.ประพฤติผิดกฎหมาย ศีลธรรม ก็สามารถทำได้ตามระบอบการปกครอง

เมื่อถามว่าสาเหตุการพยายามปลดผบ.ตร.ครั้งนี้ให้น้ำหนักที่การทำคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือการแต่งตั้งโยกย้าย

          นายกสมาคมตำรวจกล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการออกแบบกันไว้เป็นขั้นเป็นตอนหรือเกิดโดยบังเอิญก็ได้ อาจบังเอิญที่คดีไม่คืบเพราะอะไร ก็ออกมาว่ากันอย่างนั้น ก็ว่ากันไป ทั้งที่ผบ.ตร.ยังไม่มีความผิดแน่ชัด ส่วนเรื่อง 152 นายพล บังเอิญมีเงื่อนงำว่ามีคนไม่ได้ เพราะทุกคนมองตัวเองดีหมด ไม่ได้ก็ร้องเรียนที่ตนไม่ได้รับเลือก จึงเป็นกระแส ที่พร้อมๆ กัน ซึ่งผบ.ตร.ก็พบกันครึ่งทาง ที่เมื่อหาว่าตัวเองเป็นปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ก็ลาไปพัก จะได้หลุดพนไป ทางนี้เห็นผบ.ตร.ไม่อยู่ก็ว่าจะทำคดีกันเต็มที่ ซึ่งความจริงผบ.ตร.อาจไม่ขัดขวางอะไรเลย

ครม.อนุมัติการเปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนของ สตช.

          เมื่อเวลา 14.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงการจัดหาและยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม. ในการจัดหาอาวุธขนาด 5.56 และ 9 มิลลิเมตร ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอ โดย สตช.ได้เสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนเล็กยาวขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 2,238 กระบอก วงเงิน 246,180,000 บาท ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 เป็นจัดหาอาวุธปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร ยี่ห้อโคลท์ รุ่นเอ็มโฟร์ คอมมานโด จำนวน 2,238 กระบอก ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551

          ส่วนวงเงินที่เหลือเห็นควรไปจัดหาอาวุธปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร ยี่ห้อโคลท์  รุ่นเอ็มโฟร์คาบาย นอกจากนี้ยังได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนลูกโม่ขนาด จุด 38 นิ้ว จำนวน 2,238 กระบอก วงเงิน 67,140,000 บาท ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 เป็นจัดหาอาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มิลลิเมตร ยี่ห้อกล็อก รุ่น 19 ตามวงเงินงบประมาณที่เหลือ และอนุมัติยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2550 กรณีห้ามระบุยี่ห้อสิ่งของที่ต้องการจะซื้อทุกชนิด เพื่อให้สามารถจัดซื้ออาวุธปืนโดยระบุยี่ห้อได้โดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พัชรวาท ไม่อยู่ ถก คดียิงสนธิ พรึบ อัปเดตล่าสุด 6 สิงหาคม 2552 เวลา 18:12:23 5,558 อ่าน
TOP