เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เดลินิวส์ , คมชัดลึก
วงการสีกากียังคงร้อนระอุ! แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะลงนามแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10) รักษาการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ยื่นใบลาไปราชการต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 5-14 สิงหาคมนี้ เพราะล่าสุดเกิดศึกชิงเก้าอี้รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ปป.1) เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า อึดอัดใจมากตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พอทราบว่ามีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ทำหน้าที่รักษาราชการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่เข้าใจจริงๆ ที่เอาคนไม่อาวุโสขึ้นมารักษาราชการแทน ผมอาวุโสสูงสุดเคยรักษาราชการแทนท่าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถึง 2 ครั้ง แต่ละครั้งก็เรียบร้อยปกติการงานผ่านไปด้วยดี
"ครั้งนี้เอาคนที่อาวุโสน้อยกว่ามารักษาราชการแทน มันผิดประเพณีปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นการชี้นำให้เห็นอะไรบางอย่างในเรื่องของการจะแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเร็ววันนี้หรือไม่ ผมเองเคยได้รับการปฏิบัติที่ผิดกฎหมายเมื่อปี 2549 ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่เป็นธรรมจึงยื่นฟ้องต่อศาลปกครองและก็ชนะคดี ในขณะนั้นผมเสียโอกาสไปถึง 2 ครั้ง" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์์
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ในขณะนี้ผู้มีอำนาจทางการเมืองยังดื้อบางคนพยายามยัดเยียดสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ผมจะดำเนินการร้องทุกข์ตามระเบียบทุกอย่าง เนื่องจากตลอดเวลาได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเสี่ยงภัยตลอด ผมเคยชอกช้ำมาแล้วถึง 2 ครั้ง ไม่เคยปริปากพูดอะไร แต่ครั้งนี้มันสุดทนรังแกกันจนเกินไป ผมสู้แน่นอน ไม่ได้สู้กับตำรวจแต่จะสู้กับผู้มีอำนาจทางการเมืองบางคน จะขอสู้ดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกฎหมาย
"ที่ผ่านมาตั้งแต่มีพระราชบัญญัติตำรวจตั้งแต่ปี 2521-2547 ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมตำรวจ หรือเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องมาจากผู้มีอาวุโสอันดับหนึ่งทั้งสิ้น ไม่เคยมีการแต่งตั้งลำดับอื่นขึ้นมา เป็นประเพณีที่ทำกันมานาน แต่อย่าเอาการเมืองมายุ่งกับผมเลย การไม่ตั้งผมเป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือกระทั่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะผิดกฎหมายหรือไม่คงบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับศาลท่านจะใช้ดุลพินิจ ผมจะดำเนินการตามกฎหมายฟ้องใครนั้นต้องดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมจะร้องขอความเป็นธรรมตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 106 ว่าด้วยการร้องทุกข์ไปตามระเบียบ" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะว่าท่านเป็นญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กล่าวว่า แล้วมันถูกหรือไม่ที่เอาเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใหญ่ ตนไม่เคยใหญ่ ตั้งใจทำงานตามที่รัฐบาลต้องการ แต่เมื่อเป็นอย่างนี้เห็นว่าไม่ถูกต้องก็ต้องมาพูดให้สื่อฟัง ตนเดินมาด้วยความถูกต้องก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
"ผมไม่ได้ไปฝักใฝ่พรรคการเมืองใด นักการเมืองผมรู้จักแต่ ทักษิณ ชินวัตร เพราะเป็นญาติกัน รัฐมนตรี นักการเมืองคนอื่นผมไม่รู้จัก ไม่เคยไปงาน ไม่เคยเสนอหน้าไปเดินตามใคร มาก็ไม่เคยไปทำ ครั้งนี้ผมร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเอง ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ผมได้ส่งหลักฐานความเป็นมาเป็นไป ส่งข้อมูลของผมให้ ก.ต.ช.ทุกคนแล้ว ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีเรียกไปคุยผมก็ไป และผมกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรีี รักกันดีไม่ได้จะสู้อะไรกับท่านเลย แต่ต้องการให้นักการเมืองได้รู้ว่าความถูกต้องมันต้องมี" เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การตั้งผู้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามมาตรา 72 ของ พ.ร.บ.ตำรวจ ที่ตนพิจารณาจากความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเรื่องอาวุโสถ้าพูดตามจริงแล้ว พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็น "พล.ต.อ." มาก่อนใคร เราต้องดูประกอบไปด้วย ไม่ใช่เรื่องอาวุโสอย่างเดียว
"ตนพยายามดูหลายปัจจัยประกอบกัน ในภาวะที่บ้านเมืองมีปัญหาเรื่องคดีความและยังมีความขัดแย้งอยู่ ก็พยายามหาบุคคลที่ตนคิดว่าสามารถทำให้สถานการณ์และงานต่างๆ เดินต่อไปได้ ยืนยันว่าทำตามกฎหมายทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ใครอยากจะใช้สิทธิฟ้องก็ได้แต่ตนทำตามกฎหมายไม่ได้กังวลอะไร" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ทางด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา และเป็นไปตามกฎหมายที่สามารถแต่งตั้งได้ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 72 ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีหนังสือคำสั่งห้ามเข้าเขตพระราชฐาน เพราะไม่มาปฏิบัติหน้าที่ช่วงที่มีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เนื่องจากขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำนั้น อยากบอกว่าเรื่องดังกล่าวมีการสอบสวนยุตินานแล้ว และหนังสือยกเลิกไปแล้ว ส่วนที่มีการนำเรื่องดังกล่าวมาเผยแพร่อีกนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ตนมีหน้าที่รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้รักษาราชการแทนก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไป และไม่คาดหวังว่าจะได้รับการพิจารณาในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะมีการคัดเลือกในการประชุมของ ก.ต.ช.ภายในเดือนสิงหาคมนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
