บำนาญลูกจ้างประจำ
ก.คลัง เตรียมเสนอ ครม. ให้ บำนาญลูกจ้างประจำ (สำนักข่าวไทย)
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม กระทรวงการคลังยกร่างแก้ไขระเบียบ บำเหน็จลูกจ้าง บำนาญลูกจ้างประจำ เตรียมเสนอ ครม. กำหนดสิทธิให้ ลูกจ้างประจำ ได้เลือกรับ บำเหน็จ บำนาญ รายเดือนได้ และจะเร่งให้มีผลใช้กับผู้เกษียณปีนี้
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ยกร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย บำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....เพื่อกำหนดให้ ลูกจ้างประจำ มีสิทธิได้รับ บำเหน็จ รายเดือน (บำนาญ ปกติที่ ลูกจ้างประจำ ได้รับเป็นรายเดือน) และ บำเหน็จ พิเศษรายเดือน (บำนาญพิเศษ สำหรับลูกจ้างประจำ ที่ได้รับอันตราย เจ็บป่วย หรือถูกประทุษร้ายจากการปฏิบัติงาน) โดยเป็นสิทธิเฉพาะตัวของ ลูกจ้าง ไม่รวมถึงบุคคลในครอบครัว เนื่องจากเห็นว่าลูกจ้างประจำมีกำหนดเวลาการปฏิบัติงานเช่นเดียวกับข้า ราชการคือเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปี ปฏิบัติงานอยู่ในระบบราชการและทำคุณประโยชน์ให้กับทางราชการคล้ายคลึงกับข้า ราชการ มาเป็นเวลานาน รัฐบาล จึงควรดูแลโดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามสมควร
กระทรวงการคลัง จึงได้พิจารณาถึงสวัสดิการต่างๆ ที่ได้รับ และควรปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้เพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกจ้างประจำ ออกจากราชการ ซึ่งปัจจุบันเมื่อออกจากราชการจะได้รับเงิน บำเหน็จ ในคราวเดียว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีรายได้เป็นรายเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องค่าครองชีพ จึงได้แก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยหลักการของระเบียบ คือ ลูกจ้างประจำ ซึ่งมีเวลาทำงานตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษ สามารถขอรับเป็น บำเหน็จรายเดือน หรือ บำเหน็จพิเศษ รายเดือน แทนก็ได้ โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเมื่อเลือกขอรับอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะได้รับตั้งแต่ออกจากงานจนกระทั่งผู้นั้นถึงแก่ความตาย และยังกำหนดสิทธิการได้รับ บำเหน็จพิเศษรายเดือน ในกรณีที่ได้รับอันตรายหรือ เจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติงานในหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอีกด้วย
นพ. พฤฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันลูกจ้างประจำของทางราชการ มีจำนวน 205,478 คน จะออกจากราชการเมื่ออายุ 60 ปี ประมาณปีละ 8,660 คน โดยมีสิทธิได้รับ บำเหน็จรายเดือน ปีละ 6,260 คน เฉลี่ยเงินบำเหน็จรายเดือน คนละ 9,800 บาทต่อเดือน จะใช้เงินงบประมาณปีละ 6,001 ล้านบาท สำหรับภาระการคลังในระยะยาว ซึ่งประเมินจากลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากราชการในปี พ.ศ.2576 และใช้อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่อายุ 80 ปีแล้ว ภาระงบประมาณรายเดือนต้องจ่ายสำหรับกลุ่มสุดท้ายจะสิ้นสุดประมาณในปี พ.ศ. 2595 รวมระยะเวลา 43 ปี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณสำหรับ 43 ปี รวมทั้งสิ้น 275,846 ล้านบาท
"ในส่วนของเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้มีการหารือในประเด็นภาระการคลังแล้ว เป็นการผูกพันงบประมาณในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึงภาระทางการคลังที่จะเพิ่มขึ้นปีละ 6 พันล้านบาท ถือว่าเป็นภาระที่พอรับได้ ถือว่ามีความจำเป็นเมื่อเทียบกับประโยชน์ของกลุ่มคนที่ได้รับราชการมาถึง 25 ปี ให้ความเป็นอยู่มีรายได้พอต่อการดำรงชีพภายหลังออกจากราชการ" นายพฤฒิชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก