อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรียันคลิปตัดต่อ-พรุ่งนี้ถกพรบ.มั่นคง (ไอเอ็นเอ็น)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ โดยได้กล่าวถึงคลิปเสียงสั่งสลายม็อบเสื้อแดง ว่า ครั้งแรกนั้นได้รับทราบจากสื่อมวลชนที่มาบอก ซึ่งพอได้เปิดฟังยอมรับว่าเป็นเสียงของตนเอง แต่ฟังไปได้ประมาณ 2-3 ประโยค จึงรู้ว่าเป็นการตัดต่อ เพราะความสม่ำเสมอของเสียงไม่เท่ากัน และได้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ซึ่งภายใน 1 วัน ก็ทราบแน่ชัดแล้วว่าเป็นการตัดต่ออย่างแน่นอน เพราะเป็นการพูดไม่ปกติ โดยเปรียบเทียบคำพูดและนำเสียงในแต่ละคำ ทั้งนี้ ยอมรับว่า ถ้ามีการนำเอาคลิปเสียงของตนไปเปิดกลางเวทีชุมนุม และหากมีคนเชื่อก็จะทำเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในรายการผู้ดำเนินรายการ ได้มีการสาธิตการตัดต่อเสียงให้นายกรัฐมนตรีดูด้วย โดยนายกรัฐมนตรียังได้เตือนคนที่ตัดต่อเสียงแล้วนำไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนั้น มีความผิด เพราะมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ควบคุมอยู่ ขณะเดียวกัน ผู้ดำเนินรายการได้ถามว่ารู้สึกโกรธหรือไม่ โดย นายกรัฐมนตรี บอกว่า เป็นธรรมดาของมนุษย์
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบใช้ทวิตเตอร์เท่าไหร่ นอกจากนี้ ยังมี Hi 5 และ เฟซบุ๊กเพราะมีทีมงานทำให้ แต่ส่วนใหญ่จะติดตามคนที่ชอบใช้มากกว่า แต่ในส่วนของอีเมลตนจะตอบเอง พร้อมเตรียมผลักดัน เรื่อง 3G ให้เกิดขึ้นให้ได้ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีถือเป็นดาบสองคม ดังนั้น คนเล่นต้องมีจริยธรรม
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการถึงเรื่องการเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ไปเป็นวันที่ 5 กันยายน ว่า ในวันพรุ่งนี้จะได้มีการหารือกันอีกครั้ง ว่าจะมีการยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ แต่ยืนยันว่าการชุมนุมโดยสงบ ไม่ว่ากลุ่มไหนสามารถทำได้ แต่การระบุว่าจะไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถทำได้ส่วนที่มีข่าวให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปเจรจากับแกนนำนั้น มีมาตั้งแต่การประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เคยดำเนินการและเข้าใจเรื่องอย่างนี้ดี แต่ว่ากลุ่มผู้ชุนชุมจะปฏิบัติตามหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หน้าที่ของรัฐบาลคือเฝ้าระวัง เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้น คนที่ลำบากคือประชาชน
ส่วนการถวายฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงนั้น นายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่ต้องใช้คนเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน คนเดียวก็สามารถทำได้ หรือแม้แต่ครอบครัวก็ทำได้ แต่การทำต้องทำในลักษณะที่ยอมรับกระบวนการ ไม่ใช่บอกว่าไม่พอใจคำตัดสิน ไม่ยอมรับโทษ ไม่อย่างนั้นต่อไปวันครั้งหน้า คนก็คิดว่าทำผิดอีกก็ได้ เราต้องหาความพอดี ยืนยันว่า หลักการถวายฎีกาเป็นอย่างไร รัฐบาลจะปฏิบัติ ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง รวมทั้งเรื่องการดำเนินคดีต่างๆ ต้องเป็นไปตามหลักการ ไม่ใช่คนนั้นทำอย่างนั้น คนนี้ทำอย่างนี้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
