ตร.ล่าไอ้โรคจิต โชว์รูดปรื๊ด ก่อนขับรถหนี (ไทยรัฐ)
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (17 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพนักงานในสังกัดผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ว่า ให้ระวังชายอายุประมาณ 25-30 ปีผิวสีดำ - แดง สูงประมาณ 165 - 170 ซม. ตัดผมทรงพั้ง สวมสายรัดข้อมือ สีเหลือง 2 เส้น และสีฟ้า 1 เส้น แต่งตัวเรียบร้อย ชอบทำท่าทางวิตถาร บริเวณหน้าห้องน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน และ พนักงานของบริษัทฯ ดังกล่าวได้บันทึกภาพไว้ได้ และฟอร์เวิร์ดเมล์ไปยังหมู่พนักงานเพื่อสังเกตและระวังตัว ที่เกิดเหตุบริเวณภายในปั๊มน้ำมันสาธารณะเขตรอยต่อ จ.ปทุมธานี (นวนคร) และ จ.พระนครศรีอยุธยา (ประตูน้ำพระอินทร์ อ.บางปะอิน)
โดยหนุ่มโรคจิตเข้าไปใช้บริการห้องน้ำชายที่ติดกับห้องน้ำหญิงและออกมาอยู่ตรงปากทางเข้าห้องน้ำจากนั้นเดินวนเวียนหน้าห้องน้ำหญิงจนพบเหยื่อที่ตรงสเปก แล้วปลดกางเกง ทำท่าทางวิตถาร ผลุบเข้าผลุบออกหลบคนอยู่นานพอสมควร แล้วออกมาทำท่าวิตถารข้างนอกอย่างเมามัน จนลืมว่ามีคนแอบดูและถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นชายคนนี้ได้รีบขึ้นรถหนีหายไป ซึ่งพนักงานที่บันทึกภาพดังกล่าวได้พยายามส่งต่อให้เพื่อน เนื่องจากเกรงว่า เพื่อนพนักงานโดยเฉพาะผู้หญิงไปใช้บริการห้องน้ำสาธารณะในเขตรอยต่อพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี จะเกิดอันตราย และอาจถูกถูกชายคนดังกล่าวลวนลามและข่มขืน
ด้าน นางจีระพันธ์ พิมพ์พันธ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต้องนับถือในความกล้าของคนที่ถ่ายรูปเอาไว้ สิ่งสำคัญต้องเน้นให้ทุกคนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หากมีการกระทำของคนโรคจิตประเภทนี้ต้องบันทึกภาพไว้ แล้วเอามาประจาน เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก ขณะเดียวกันตำรวจเจ้าของท้องที่ต้องตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเป็นภัยสังคมอย่างหนึ่ง สิ่งสำคัญต้องรีบหาตัวชายโรคจิตดังกล่าวมาลงโทษ และไม่ใช่เฉพาะแค่จับปรับ แล้วปล่อยตัวไป ต้องนำผู้ต้องหามาประจานด้วยว่ามีพฤติกรรมเป็นอย่างไร เนื่องจากเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำกับพื้นที่อื่น ๆ อีก
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวอีกว่า เจ้าของปั๊มน้ำมัน ต้องเข้มงวดพนักงานให้บริการ และพนักงานทำความสะอาด คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้กับลูกค้า หรือหากจำเป็นควรจัดเจ้าหน้าที่เฉพาะดูแลด้านหน้าห้องน้ำ เพราะห้องน้ำเป็นที่ลับตาคน การก่อเหตุร้ายง่ายสำหรับมิจฉาชีพทุกรูปแบบ ทั้งนี้ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นความเสื่อมโทรมของสังคมไทย เพราะทราบว่าคนที่ก่อเหตุเป็นวัยรุ่น จึงแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่น ยังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศ มากกว่าเรื่องเรียน ครอบครัว ผู้ปกครอง และครู ต้องเอาใจใส่ และเร่งปรับทัศนคติของเยาวชนเสียใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
