รถ - เรือ ดับเพลิง
กรมศุลแจ้งกทม. ยึดรถดับเพลิง ขายทอดตลาด (ไทยรัฐ)
กทม.เตรียมจ้างทนายความต่อสู้ปัญหาจัดซื้อรถ - เรือดับเพลิงฉาว ในชั้นอนุญาโตตุลาการ คาดต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 1 พันล้าน ขณะที่กรมศุลกากรทำหนังสือแจ้งยึดรถดับเพลิงขายทอดตลาด..
ผู้สื่อข่าวประจำศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กทม.ได้ทำหนังสือด่วนไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อสอบถามเรื่องการนำปัญหาความขัดแย้งการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ กทม. เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตามที่ในสัญญาซื้อขายระบุว่าหากมีข้อพิพาทระหว่างกันจะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ว่า ป.ป.ช.จะมีข้อทักท้วงหรือไม่ แต่หาก ป.ป.ช.ไม่ตอบข้อซักถามดังกล่าว กทม.จะเสนอเรื่องให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้ตัดสินใจ ทั้งนี้ กทม.ตั้งเป้าที่จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการให้ทันภายในปี 52 นี้
ขณะเดียวกัน กทม.ได้มีการตั้งกรรมการพิจารณาเพื่อเตรียมว่าจ้างทนายความมาดำเนินการต่อสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดรายละเอียด พิจารณาตั้งงบประมาณ และจัดทำร่างทีโออาร์ จากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการว่าจ้าง ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ พร้อมกันนี้คณะกรรมการฯกำลังศึกษาคดีตัวอย่างของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีการสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ โดยเฉพาะงบประมาณที่ใช้ในการต่อสู้ เบื้องต้นคาดว่าคดีรถและเรือดับเพลิงนี้จะต้องใช้ค่าธรรมเนียมอนุญาโตฯประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าทนายความและค่าเครื่องบินที่ทนายความเจ้าของคดีจะต้องใช้ในการบินติดต่อคดี
นอกจากนี้ ในส่วนของรถและเรือดับเพลิงลอต 2 ที่บริษัทสไตเออร์ฯ ขนส่งมาถึงประเทศไทยเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งขณะนี้ กทม.ยังไม่นำออกมาจากท่าเรือแหลมฉบัง และยังไม่จ่ายค่าภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมศุลกากรได้ส่งหนังสือถึงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. เพื่อจะนำสินค้าทั้งหมดขายทอดตลาด เนื่องจากสินค้าได้ค้างอยู่ที่ท่าเรือเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่จะต้องดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป โดยเรื่องนี้ สปภ.ได้ทำหนังสือเสนอถึงผู้ว่าฯ กทม.ทราบแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
