อุทธรณ์มาบตาพุด ถอนคำสั่ง ระงับ 76 โครงการ (ไทยรัฐ)
อุตสาหกรรมมอบอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำสั่งห้าม 76 โครงการที่ถูกระงับชั่วคราว 1ตุลาคมนี้ เผยเปิดกิจการได้จะสร้างรายได้ให้ประเทศชาติปีละ 2.6 แสนล้าน-เงินลงทุนรวม 2.8 แสนล้าน
เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรียกประชุมผู้บริหารของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา สำนักงานอัยการสูงสุดกรมการปกครองเพื่อหาข้อสรุปในการดำเนินการกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ระงับการดำเนินการในกิจการใด ๆ ทั้ง76 โครงการที่กำลังดำเนินการในพื้นที่อ.มาบตาพุดจ.ระยองเป็นการชั่วคราวจนกว่า จะมีคำพิพากษาออกมา กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและประชาชนในมาบตาพุด 43 รายได้ยื่นฟ้องก่อนหน้านี้
นายชาญชัย กล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นตัวแทนของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่ง คุ้มครองชั่วคราวในวันที่ 1 ตุลาคม ส่วนขั้นตอนจากนี้ไปก็ต้องรอให้ศาลปกครองกลางเป็นผู้วินิจฉัยว่าจะดำเนินการ อย่างไร ส่วนในเรื่องความคืบหน้าของคดีหลังจากยื่นอุทธรณ์นั้น กระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. กรอ. จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดกับภาคเอกชนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลปกครองกลาง ต่อไป
สำหรับ 76 โครงการที่ถูกสั่งให้ระงับการดำเนินการใน กิจการใดๆมีมูลค่าลงทุนรวมกัน 288,097 ล้านบาท สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทย 262,239 ล้านบาทต่อปี มีการจ้างงานรวม 9,829 คน
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าปตท.ได้ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน ให้หน่วยงานของรัฐสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมรวม 76 โครงการ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ว่า คำสั่งดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อโครงการลงทุนในกลุ่ม ปตท. จำนวน 25 โครงการนั้น ขอแจ้งให้ทราบว่า ปตท.อยู่ระหว่างการเตรียมการหารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา แนวทางปฏิบัติร่วมกันในการแก้ไขผลกระทบดังกล่าว รวมถึงการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป
นาย กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อปูนใหญ่โดยเฉพาะกับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (เอสซีจี เคมิคอลส์) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เนื่องจากเอสซีจี เคมิคอลส์ มีโครงการปิโตรเคมีขั้นต้น และขั้นปลายที่ต่อเนื่อง โครงการดังกล่าวส่วนใหญ่มีการก่อสร้างที่ใกล้จะแล้วเสร็จ พร้อมเริ่มทยอยเปิดดำเนินการในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทฯ จะหารืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปและแนวทาง ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อการดำเนินการของโครงการของเอสซีจี เคมิคอลส์
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน (กรอ.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานภายในเดือน ตุลาคม เพื่อให้มีการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาการลงทุนในมาบตาพุดและการดำเนินการตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 67 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีกำหนดประชุมในวันที่ 12 ตุลาคม แต่ ส.อ.ท.เห็นว่าเห็นว่าค่อนข้างช้าเกินไปจึงประสานงานให้ภาคเอกชนประชุมร่วม กันเร็วขึ้นหรือนัดประชุมเฉพาะประธานภาคเอกชน 3 สถาบัน เพื่อสรุปความเห็นของภาคเอกชนที่จะนำไปเสนอนายกรัฐมนตรี
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
