พล.ต.ท.สมคิด
พล.ต.ท.สมคิด โต้ อุ้มฆ่าซาอุ มาร์คหนุนเต็มที่ คลี่คดีอัลรูไวลี่ ฝ่ายค้านจี้ปลด! ตร.ที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอยันออกหมายเรียก "พล.ต.ท." กับลูกน้องตำรวจ และ อดีตตำรวจรวม 5 นาย คดีอุ้ม "อัลรูไวลี่" นักธุรกิจซาอุฯ เชื้อพระวงศ์เมื่อ 19 ปีก่อน เพราะมีหลักฐานใหม่สาวถึงตัว เผย ประสานกับทางการซาอุฯ มาตลอด ขณะที่อธิบดีดีเอสไอคนใหม่ เผยไม่ได้กลั่นแกล้งพร้อมสานต่องานของคนเก่า เชื่อสามารถฟ้องได้ก่อนคดีหมดอายุความ อีก 4 เดือนข้างหน้า
มาร์คเลี่ยงตอบต้องให้ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นตำรวจถึง 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ โบ้ยขอดูข้อมูลก่อน เพื่อไทยได้ทีถล่มซ้ำ แฉ "พล.ต.ท." ได้ดีสมัยอภิสิทธิ์ ทั้ง ๆ ที่ซาอุฯ หมายหัวไว้นานแล้ว แถมยังสั่งย้าย "ทวี สอดส่อง" พ้นเก้าอี้ ดีเอสไอ จี้นายกฯย้าย ตร. ที่ถูกออกหมายทันที
จากกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายเรียกนายตำรวจ และ อดีตนายตำรวจ รวม 5 นาย เพื่อมาสอบปากคำให้คดีอุ้มฆ่านายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เหตุเกิดเมื่อปี 2533 โดยทั้งหมดประกอบด้วย พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค5, พ.ต.อ. สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท หน.สำนักงานผบช.ภาค5, พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ. น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี ซึ่งออกจากราชไปแล้ว และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง โดยคดีนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอ ที่ติดตามความคืบหน้าและประสานกับทางการซาอุดีอาระเบียมาตลอด ร่วมตรวจสอบและสรุปสำนวน ก่อนที่จะถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า การออกหมายเรียกของดีเอสไอทำไปตามหน้าที่เมื่อพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานใหม่ น่าเชื่อว่านายตำรวจและอดีตตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายอัลรูไวลี่ จึงจำเป็นต้องไปขอศาลออกหมายเรียกเพื่อนำตัวมาสอบปากคำ ทั้งนี้ ชุดพนักงานสอบสวนมั่นใจหลักฐานใหม่ทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ที่เชื่อมโยงไปถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตามการออกหมายเรียกนายตำรวจยศ พล.ต.ท.ไม่ใช่การกลั่นแกล้งเพราะพนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาดีเอสไอประสานกับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดี รวมทั้งการออกหมายเรียกครั้งนี้ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาทางการซาอุดีอาระเบียพอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทยในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ที่ผ่านทางซาอุดีอาระเบียขอความร่วมมือเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เพราะไม่ต้องการปิดเป็นความลับ
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ทงสมคิด ออกมาระบุว่าดีเอสไอขอศาลออกหมายเรียกจากศาลเพราะต้องการกลั่นแกล้งและทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่งว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกลำบากใจที่ต้องเข้าไปรับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอต่อจากพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หลังจากเข้าทำงานที่ดีเอสไออย่างเป็นทางการจะเข้าไปดูเนื้อหารายละเอียดคดีดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพื่อทำคดีดังกล่าวให้สมบูรณ์ที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า คดีดังกล่าวจะหมดอายุความ ในวันที่ 12 ก.พ.2553 ดังนั้น พนักงานสอบสวน และอัยการได้ร่วมพิจารณาหลักฐานอย่างครบถ้วน แล้วจึงเห็นร่วมกันว่าควรขอให้ศาลออกหมายเรียก อย่างไรก็ตาม หากผู้ถูกออกหมาย ยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาพนักงานสอบสวนอาจพิจารณาให้ออกหมายจับต่อไป อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนเชื่อว่าจะสามารถสั่งฟ้องคดีและผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทันก่อนคดีหมดอายุความ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้ยืนยันไปว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ทำตามกฎหมายและอยู่ที่ข้อเท็จจริงของคดี และขอให้ดำเนินการไปอย่างเต็มที่ เพราะนโยบายการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลก็ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งทางดีเอสไอก็รับทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอุปสรรคอะไรในคดีนี้ถึงกินเวลายาวนาน 19 ปี จนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่เคยสอบถามทราบว่ามีปัญหาเรื่องพยานหลักฐาน และสาระสำคัญของคดี แต่ติดขัดในเรื่องอื่นยืนยันว่าไม่มี ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเนื้อคดีอย่างเดียว เมื่อถามว่าที่ไปยึดโยงอยู่กับตัวบุคคลที่มียศระดับสูงถึงพล.ต.ท. จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีอุปสรรค เพราะเคยสอบถามทั้งจากดีเอสไอและทางตำรวจเองว่ามีปัญหาหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการผบ.ตร.ก็ทำคดีอยู่ด้วย
เมื่อถามว่าถ้าพบว่า เกี่ยวพันกับคดีจริงจำเป็นต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยู่ที่ผลของการพิจารณา เพราะนโยบายที่ให้ไปคือเดินหน้าอย่างเต็มที่ เราก็ต้องการสะสางเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ อีกทั้งอายุความก็จะหมดลง ต่อข้อถามว่าถ้าหากปิดคดีดังกล่าวได้จะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงตอบล่วงหน้าไม่ได้ แต่สิ่งที่เรายืนยันกับทางซาอุดีอาระเบียตลอดมาก็คือ จะทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและเดินหน้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งระหว่างนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศก็ทำความเข้าใจกับซาอุดีอาระเบียอยู่ตลอดเวลา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย ตามระเบียบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออก หมายเรียกจะต้องรายงานข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นจนถึงรรท.ผบ.ตร. ซึ่งตำรวจที่ถูกออกหมายเรียกจะต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อน หลังจากนั้นก็ชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ผู้บังคับบัญชา โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าต้องรายงานข้อเท็จจริงภายในกี่วัน แต่ตามระเบียบเขียนว่าต้องโดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้ทางพล.ต.ท.สมคิด ยังไม่ได้พบหรือรายงานข้อเท็จจริงให้รรท.ผบ.ตร.แต่อย่างใด เข้าใจว่าคงอยู่ระหว่างการรอรับหมายเรียกเพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศถึงความคืบหน้าที่ศาลออกหมายจับข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และอดีตข้าราชการตำรวจ 5 นายที่เป็นผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่านายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2533 ว่าในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและออกหมายเรียกซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการจนทราบผลการตัดสินคดี กระทรวงการต่างประเทศจึงยังไม่ต้องแจ้งความคืบหน้าให้ทางการซาอุดีอาระเบียทราบ หากผลการสอบสวนออกมาอย่างไร รัฐบาลก็จะต้องแจ้งทางซาอุดีอาระ เบียทราบอย่างแน่นอน
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่ได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันเป็นเวลานาน ซึ่งมีสาเหตุเริ่มต้นจากคดีเพชรซาอุฯ การลอบสังหารทูต และเชื้อพระวงศ์ซาอุฯ ในประเทศไทย จนทำให้เกิดความเสียหายด้านตลาดแรงงานไทยคิดเป็นมูลค่านับล้านล้านบาท เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดี ได้สอบสวนเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด บินไปหาข้อมูลที่ประเทศซาอุฯ ตลอด รวมทั้งประสานข้อมูลกันอย่างชัดเจน จึงเป็นที่มาของการขอออกหมายจับ แต่ก็มีบางส่วนพยายามกดดันให้เปลี่ยนแปลงไปเป็นการออกหมายเรียก โดยนายตำรวจคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องและถูกออกหมายเรียกในครั้งนี้ด้วยเคือพล.ต.ท.สมคิด เกี่ยวดองเป็นญาติกับอดีตทหาร ในกลุ่ม คมช.
นายจตุพรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อรัฐบาลแต่งตั้งให้พล.ต.ท.สมคิด ไปเป็นผบช.ภาค5 เคยตั้งข้อสังเกตแล้วว่าอาจจะก่อให้เกิดความไม่พอใจจากประเทศซาอุฯ เพราะเขาเองก็มีข้อมูลอยู่ในมือว่าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปแต่งตั้งจึงแสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ทั้งที่เมื่อเข้ารับตำแหน่งก็เรียกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด
"เมื่อคดีใกล้มาถึงที่สุดแล้วนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ซึ่งไม่รู้ว่าไปรับงานใครมาหรือไม่ เห็นว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก แม้จะใกล้หมดอายุความในไม่กี่เดือน ก็เลยมีคำสั่งย้ายพ.ต.อ.ทวีไปเป็นรองปลัดกระทรวง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา คนที่สอบสวนคดีเพื่อประเทศชาติกลับโดนย้าย ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์จริงใจกับการแก้ปัญหาเมื่อมีหมายเรียกออกมาแล้วต้องใช้อำนาจทางการบริหารย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องออกจากตำแหน่ง เพื่อป้องกันการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม" ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าว
วันเดียวกันพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการออกหมายเรียกคดีอุ้มนักธุรกิจซาอุฯ ว่า ก่อนอื่นต้องย้อนไปในอดีต เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตนเป็นรอง ผกก. มียศพ.ต.ท. มีการกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายตั้งแต่ตอนนั้นซึ่งในที่สุดอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง แต่ทุกรัฐบาลก็มีการรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาตลอด ซึ่งก็เข้าใจว่าเพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทุกครั้งที่รื้อฟื้นก็อาศัยพื้นฐานข้อมูลจากเรื่องเก่า ข้อมูลเดิมทั้งสิ้น ทุกครั้งก็จับจ้องมาที่ตน ว่าทำผิด ถึงขั้นมีการมาหาพยานหลักฐานจากคนรอบข้าง ใครที่มาทำงานด้วยก็ถูกโยงใยหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จนตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่มีผู้บังคับบัญชากล้าใช้งานเลย
พล.ต.ท.สมคิดกล่าวอีกว่า ล่าสุดครั้งนี้มีการรื้อฟื้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ตอนนั้นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ก็ออกมาดำเนินการเรื่องนี้ มีการเข้าไปในเรือนจำไปพบกับพล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ พอออกมาก็มาให้ข่าวว่ามีข้อมูลที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่มีทำอะไร ทราบว่ามีการขอศาลเพื่อสืบพยานล่วงหน้า ลับหลัง ก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาด้วยซ้ำโดยอ้างว่าเป็นพยานที่มาให้การลำบาก ขณะเดียวกันก็ทราบว่าไม่มีพยานหลักฐานใหม่ แต่เป็นลักษณะเอาพยานคนเดิมในคดีที่สั่งไม่ฟ้องไปแล้วมากลับคำให้การ
"ดีเอสไอเริ่มทำคดีมานานหาพยานหลักฐานไว้นานแล้ว แต่เก็บเรื่องเอาไว้รอจนวันสุดท้ายที่พ.ต.อ.ทวีจะพ้นจากตำแหน่ง ก็ดำเนินการจนกระทั่งมาเปิดประเด็นกันในตอนนี้ มันผิดสังเกตหรือไม่ มีการไปขอหมายจับศาลท่านพิจารณาแล้วไม่อนุมัติหมายจับ จนพนักงานสอบสวนดีเอสไอต้องออกหมายเรียกเอง แต่กลับมาปล่อยข่าวกับสื่อว่าศาลออกหมายเรียก เอาศาลมาเกาะเกี่ยวเพื่อให้เรื่องนี้ดูน่าเชื่อถือขึ้นทั้งๆ ที่ไม่ใช่" ผบช.ภาค 5 กล่าว
พล.ต.ท.สมคิดกล่าวอีกว่า ช่วงนี้การแต่งตั้งนายพลกำลังเกิดขึ้น การเปิดประเด็นเรื่องนี้ส่งทางจิตวิทยาต่อผู้มีอำนาจในการโยกย้ายแต่งตั้งตำแหน่งของตนแน่นอน มองว่าเป็นการกระทำเป็นขบวนการ เปิดประเด็นสร้างกระแสเพื่อให้ย้ายออกจากพื้นที่ บช.ภ.5 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบไม่ได้รับตำแหน่งเพราะถูกหยิบเรื่องนี้มาพูด แต่พอได้มาอยู่บช.ภ.5 ทำคดีสำคัญแกะรอยความไม่ชอบมาพากลในคดีป่าไม้ที่ จ.เชียงราย พอมีผลงานก็เลยพยายามออกมาสกัด ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ตลอด
"กระบวนการทำคดีนี้ไม่ชอบมาพากล มีการตั้งธงโฟกัสมาที่ผมอยู่แล้ว ขอเวลาศึกษาสักพักในเรื่องนี้ซึ่งพบจุดที่มีการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบหลายจุด ซึ่งไม่ยอมแล้ว ทำแบบนี้ต้องเจอกัน จะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายกับคนที่ทำคดีนี้ และยอมรับว่าผิดหวังกับดีเอสไอที่เป็นถึงหน่วยงานสืบสวนสอบสวนมืออาชีพ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคานตำรวจแต่กลับทำคดีแบบนี้ น่าเสียดายที่ตำรวจจำนวนมากย้ายไปสังกัด ขอเวลาศึกษาแล้วจะดำเนินการตอบโต้แน่ๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะดำเนินการกับใครบ้าง" พล.ต.ท.สมคิดกล่าวเสียงเข้ม
พล.ต.ท.สมคิด กล่าวอีกว่า มีคนถามว่าทำไมไม่หนี อีก 4 เดือนคดีจะหมดอายุความแล้ว แต่บอกว่าไม่หนี จะสู้ ไม่ผิดจะหนีทำไม สู้มาตลอด 19 ปีกว่าแล้ว ต้องสู้ต่อเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถ้าหนีสังคมก็ตราหน้าว่าเพราะทำผิดจึงหนี แต่ไม่ผิดจึงจะสู้ถึงที่สุด และจะตอบโต้คนที่มากระทำโดยมิชอบ ตอนนี้ยังไม่ได้รับหมายเรียกจากดีเอสไอ ถ้าได้รับก็จะไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก