x close

สำนึกขอขมา น้องโช ยันไม่เกี่ยวยากูซ่า

ฆ่าหั่นศพ



สำนึกขอขมา น้องโช ยันไม่เกี่ยวยากูซ่า (เดลินิวส์)

          คอตกเข้าเรือนจำ ตำรวจตลิ่งชันหิ้วตัวฆาตกรโหด "ศิริพงษ์" ผู้ต้องหาคดีฆ่าแม่-หั่นศพลูก ฝากขังศาล ค้านประกัน เหตุคดีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต แถมพฤติการณ์โหดเหี้ยม สะเทือนขวัญประชาชน หวั่น "ด.ญ.วัย 13 ปี" พยานปากเอกโดนเก็บ เจ้าตัวกราบเท้าแม่ร่ำไห้ พร้อมขอขมารูปถ่ายน้องโช ครวญชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นพ่อลูกกัน ผู้เป็นแม่แนะอยู่ในคุกนั่งสมาธิอุทิศกุศลให้คนตาย จะได้หมดเวรหมดกรรมในชาตินี้ ด้าน "อำนวย" โวยสื่อตรวจสอบก่อนเสนอข่าว ย้ำผู้ต้องหาไม่เกี่ยวแก๊งยากูซ่า ส่วนสาเหตุเชื่อมาจากเรื่องโกรธแค้น เพราะเจ้าตัวไม่ขอขมาหญิงผู้ตาย แต่ยังงงทรัพย์สินหายไปไหน ขณะที่อาการ "น้องมิ้นท์" ปลอดภัย

          จากคดีฆาตกรรมสะท้านกรุง ภายหลัง นายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี คนขับรถแท็กซี่ อยู่บ้านเลขที่ 353/33 หมู่ 2 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เข้ามอบตัวกับสำนักข่าวไทย สารภาพว่าตัวเองเป็นฆาตกรฆ่าหั่นศพ ด.ช.โช มาคิโน ลูกเลี้ยงวัย 5 ขวบ ที่พบชิ้นส่วนบริเวณป่ารกร้าง ในหมู่บ้านพิมาน ย่านตลิ่งชัน รวมทั้งสังหารโหดนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ มาคิโน อายุ 38 ปี แฟนสาว และเป็นแม่ของ ด.ช.โช ซึ่งเกิดกับสามีคนที่ 2 ชาวญี่ปุ่น ที่พบศพในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี โดยอ้างสาเหตุว่ามีปากเสียงกับนางสุนันท์ ระหว่างขับรถแท็กซี่ไปรับ นางสุนันท์ ที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับ ด.ช.โช และ ด.ญ.พิชยา หรือน้องมิ้นท์ จงงามวิลัย อายุ 13 ปี ลูกสาวคนโตของนางสุนันท์ซึ่งเกิดกับสามีคนแรก จึงใช้ปืนกระหน่ำยิงไม่ยั้ง กระสุนถูกนางสุนันท์ กับ ด.ช.โช เสียชีวิต ส่วน ด.ญ.พิชยา ถูกลูกหลงบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การของนายศิริพงษ์ทั้งหมด ขณะที่มีรายงานว่าฆาตกรโหดรายนี้อาจเป็นสมาชิกกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ "ยากูซ่า" ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น   
   
          ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.เดินทางมาที่ สน.ตลิ่งชัน เรียกประชุมพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนคดีฆ่าหั่นศพ จากนั้นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมาบริโภคข่าว อ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ตัวไม้ว่า มีประเด็นแก๊งยากูซ่าด้วย ขอเรียนว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนไปตามกระแสไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นวันพรุ่งนี้ อาจจะมีแก๊งยามาฮ่า คาวาซากิ หรือแก๊งฮอนด้า ขึ้นมาใหม่อีก"

          ส่วนเรื่องรอยสักนั้น ตนถามผู้ต้องหาแล้วว่าไปสักมาจากไหน เจ้าตัวตอบว่าสักที่สนามหลวง เปิดแบบดูแล้วยังไม่ปรากฏว่าการฆาตกรรมนั้นไปเกี่ยวข้องกับแก๊ง ก๊วน หรือก๊กไหน ส่วนทางการสอบสวนยังไม่ชี้ไปตรงนั้น ถึงขณะนี้สรุปได้เลยว่ายังไม่เกี่ยวกับแก๊งไหน


          พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ส่วนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนนั้น จะทำสำนวนตามพยานหลักฐานที่พบ ไม่ใช่ว่าจะเชื่อคำรับสารภาพไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นจากพยานหลักฐานว่าตรงตามคำให้การหรือไม่ ถ้าตรงตามที่ให้การ ต้องตรวจดูว่าคำรับสารภาพนั้นเป็นจริงหรือไม่ ส่วนเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ก็เพื่อดูลักษณะของการก่อเหตุ จุดก่อเหตุ รวมถึงสถานที่ เวลา ว่าจะตรงกับคำให้การแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ผู้ต้องหาเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงแน่นอน ส่วนจะเป็นแก๊งอะไรคงแล้วแต่สื่อ  จะคิดเอาเอง อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการควบคุมตัวผู้ต้องหา ช่วงบ่ายจะได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก

          "ขอฝากสื่อด้วยว่า สิ่งใดไม่ชัวร์  สิ่งใดไม่แน่นอน อย่าเพิ่งนำเสนอ เดี๋ยวจะมี ประเด็นใหม่เกิดขึ้นมาอีก และขอวิงวอนด้วยว่า คดีนี้ไม่มีแก๊งอย่างแน่นอน การก่อเหตุนั้นเป็นเรื่องของการฆ่ากัน" รอง ผบช.น.ย้ำ
   
          พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ผู้ต้องหาร้องขอที่จะพูดความในใจผ่านสื่อ และขอขมาศพน้องโช แต่ไม่ประสงค์จะขอขมาศพนางสุนันท์ ชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหายังไม่หายโกรธแค้นนางสุนันท์ ซึ่งจะให้ผู้ต้องหาไปขอขมาศพคงไม่เหมาะ ทางตำรวจจะให้ขอขมากับรูปน้องโชแทน ในส่วนของการทำคดีนั้น ในกระบวนการยุติธรรมไทย เราไม่ได้คาดหวังความร่วมมือจากจำเลย แต่เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องพิสูจน์ว่าเชื่อคำให้การได้หรือไม่ เสาร์อาทิตย์นี้เราก็จะไม่หยุดทำงาน

          สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวอย่างแน่นอน เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คือคิดตั้งใจมาก่อนแล้ว มีการนำปืนใส่รถมาจากบ้าน โทษคือประหารชีวิต เพราะการกระทำรุนแรงโหดร้าย รับไม่ได้ และคดีนี้มีพยานสำคัญที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ หากปล่อยตัวไปอาจหลบหนี หรือไปทำร้ายพยานได้

          รอง ผบช.น.กล่าวด้วยว่า ส่วนพ่อของน้องโชเราพยายามติดต่ออยู่ แต่ยังติดต่อไม่ได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าทำธุรกิจอะไร ส่วนสาเหตุการฆ่านั้น ต้องมีส่วนมาจากความโกรธแค้นแน่นอน แต่จะประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ถามผู้ต้องหาก็บอกว่าเกิดจากความโกรธแค้น แต่เมื่อถามว่าทรัพย์สินของผู้ตายหายไปไหนเจ้าตัวกลับตอบไม่ได้ ถ้าเป็นการสังหาร ไม่ประสงค์ต่อทรัพย์แล้วทรัพย์สินอยู่ที่ไหน คดีนี้ตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน พยานไปทางไหนก็ว่ากันไปทางนั้น ส่วนจะมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ผิดเพี้ยนไปบ้างคงต้องเชื่อพยาน เพราะทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ส่วนการรับสารภาพนั้น ถ้าไม่รับทั้งหมด ก็จะเกี่ยวเนื่องกับการพิจารณาโทษของศาลด้วย 

          "มีคำถามอีกว่า ทำคดีนี้เจอตอหรือไม่ ปวดหัวครับ ปวดหัวอย่างยิ่ง ไม่เจอตอครับ ถ้าผมเจอตอ ผมจะจัดการกับตอนั้น ผมจะไม่ไปพูดว่าเจอตอแล้วทำไม่ได้ ผมต้องจัดการกับตอ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่ไปให้คนอื่นกำจัดตอให้ผม แต่ขณะนี้ไม่เจอตอ คดีนี้เรียบร้อย ตรงไปตรงมา ทำง่าย แต่จะยุ่งยากก็เพราะกระแสนี่เอง"
   
          ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสัญชัย เกิดน้อย เจ้าของกิจการแท็กซี่สยาม ได้เดินทางมาที่ สน.ตลิ่งชัน แจ้งความประสงค์ขอพบนายศิริพงษ์ ผู้ต้องหา ก่อนเปิดเผยว่า รู้จักกับนายศิริพงษ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ตั้งแต่นายศิริพงษ์กับภรรยาเก่าเป็นพ่อค้าขายขนมครก อยู่ปากซอยเซ็นหลุยส์ หลังจากนั้นก็เลิกกับภรรยาไป โดยภรรยาเก่าไปอยู่ออสเตรเลีย ส่วนนายศิริพงษ์เคยมีรถแท็กซี่เป็นของตัวเองมาก่อนแต่ผ่อนไม่ไหวจึงนำมาขายให้สหกรณ์แล้วผ่อนส่งสหกรณ์เดือนละประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ก็ยังผ่อนไม่ไหวอีก จึงต้องขายขาดไปเลย ได้เงินก้อนหนึ่งไปซื้อบ้านเปิดเป็นร้านซ่อมจักรยาน โดยบุคลิกส่วนตัวนายศิริพงษ์เป็นคนเรียบร้อย แต่เคยสอบถามจากเพื่อน ๆ เหมือนกัน ทราบว่าเป็นคนชอบเล่นการพนัน ก่อนหน้าไม่เคยเห็นรอยสัก หรือเป็นคนโหดร้ายแต่อย่างใด เลยไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
   
          กระทั่งเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญนางสุพานีย์ กาญจนนิวิฐ มารดาของนายศิริพงษ์ มาพบบุตรชายที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.ตลิ่งชัน เมื่อทั้งคู่พบหน้ากันก็ร่ำไห้โผเข้ากอดกันทันที บรรยากาศสุดสลด ก่อนที่นายศิริพงษ์จะก้มลงกราบเท้านางสุพานีย์ โดยนางสุพานีย์ ลูบศีรษะพร้อมกับบอกนายศิริพงษ์ว่า "อย่าคิดมาก แม่อโหสิกรรมให้ลูก แม่จะไม่ทอดทิ้งลูกแน่นอนจะไปเยี่ยมบ่อย ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก หรือเรื่องอื่น แม่จะดูแลให้ ขอให้ลูกไปใช้กรรมในคุก และอยู่ในนั้นก็ให้ทำตัวดี ๆ นั่งสมาธิอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตายด้วย มันจะได้หมดเวรหมดกรรมกันไปตั้งแต่ชาตินี้"

          จากนั้นเจ้าหน้าที่นำดอกไม้ธูปเทียนมาให้นายศิริพงษ์ไหว้ขอขมาต่อหน้ารูปศพ ของน้องโช โดยนายศิริพงษ์ได้กล่าวกับรูปศพน้องโชทั้งน้ำตาว่า "ข้าพเจ้านายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ได้ทำผิดต่อน้องโช วันนี้จึงได้มาขอขมาต่อหน้าภาพถ่ายตัวแทนน้องโชที่ล่วงลับไปแล้ว น้องโชเป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาด เป็นเด็กน่ารัก น้องโชมีอนาคตที่ดี แต่ต้องมาจบชีวิตเพราะน้ำมือผม ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ขอให้น้องโชให้อภัยกับลุงใหญ่ และกลับมาเกิดเป็นลูกของลุงใหญ่ เพื่อที่ลุงใหญ่จะได้ตอบแทนน้องโช เหมือนกับที่ลุงใหญ่ได้ดูแลลูกของลุงใหญ่เองในชาตินี้ ที่ลุงใหญ่ได้ดูแลเป็นอย่างดี หวังว่าวิญญาณน้องโชคงไปสู่สุคติ ลุงใหญ่ขอโทษและขออโหสิกรรมให้กับน้องโช"
   
          นายศิริพงษ์ กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกผิดต่อน้องโชที่ต้องมาโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำไปเพราะความโกรธแค้น และถูกกดดันมาตลอด ถ้าไม่ทำก็อาจจะถูกเก็บ เมื่อสองเดือนก่อนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เรื่องถูกข่มขู่ ตนยืนยันว่าลงมือทำเพียงคนเดียว ไม่ใช่คำสั่งของแก๊งยากูซ่าเหมือนที่ตกเป็นข่าวแต่อย่างใด สำหรับรอยสักตนไปสักมาจากสนามหลวง ส่วนเรื่องชิงทรัพย์ยืนยันว่าไม่ใช่ ปกติตนเป็นคนยิงปืนแม่น แต่ที่ต้องยิงไม่ยั้ง เพราะไม่ได้หันไปมอง ถ้าตั้งใจยิง แค่นัดเดียวคุณสุนันท์ก็ตายแล้ว และน้องโชก็คงไม่ต้องมาเสียชีวิต ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ไม่ขอพบเจอคุณสุนันท์เลยดีกว่า
   
          ด้านนางสุพานีย์ มารดาของนายศิริพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเจอกับนางสุนันท์มาก่อน แต่ไม่สนิทมากนัก มารู้เรื่องอีกทีก็วันที่ลูกชายโทรฯ มาหาแล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง พอรู้เรื่องก็ตกใจและเสียใจอย่างมาก แต่ขณะนั้นกำลังปฏิบัติธรรมถือศีลอยู่ จึงรับฟังรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ตนขอร้องให้ลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจ โดยลูกชายได้ฝากฝังลูกไว้กับตนด้วย ซึ่งตนก็รับปากจะดูแลให้
   
          จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท. ประเสริฐ สีตลาศัย พนักงานสอบสวนสน.ตลิ่งชัน ควบคุมตัวนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพอำพรางคดี มาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-26 ตุลาคม 2552 เพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก, รอผลตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร, รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง จากกองพิสูจน์หลักฐาน

          ท้ายคำร้องระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต มีพฤติการณ์โหดเหี้ยม ทารุณ และเป็นที่สะเทือนขวัญแก่ประชาชน แม้ผู้ต้องหาจะมอบตัว แต่ก็ทราบว่ามีสาเหตุมาจากมารดาของผู้ต้องหาได้ปลอบใจ และแนะนำให้มอบตัว หาใช่เป็นการตั้งใจเข้ามอบตัวของผู้ต้องหาไม่ หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

          นอกจากนี้ ด.ญ.พิชยา หรือมิ้นท์ จงงามวิลัย อายุ 13 ปี ประจักษ์พยานคนสำคัญซึ่งถูกผู้ต้องหายิงบาดเจ็บ ให้การว่าบิดาของพยานมีเหตุโกรธเคืองกับผู้ต้องหามาก่อน หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจเป็นภยันตรายแก่พยานปากนี้ หรือบุคคลอื่นได้ ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ซึ่งจะได้นำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
   
          ก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ด.ญ.พิชยา หรือ น้องมิ้นท์ จงงามวิลัย อายุ 13 ปี พยานสำคัญในคดีฆ่าหั่นศพ ด.ช.โช มาคิโน อายุ 5 ขวบ น้องชาย และนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ มาคิโน อายุ 38 ปี ผู้เป็นแม่ ยังคงพักฟื้นอยู่ที่หอผู้ป่วยในชั้น 7 หลังแพทย์ผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกจากบริเวณข้อศอกซ้าย และไหปลาร้าขวา เมื่อวันที่ 14 ต.ค.โดยมีตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย ร่วมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมเด็ดขาด
   
          ด้าน นพ.ไพรัช เจาฑะเกษตริน ผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก แพทย์เจ้าของไข้ เข้าตรวจอาการน้องมิ้นท์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะเปิดเผยว่า อาการของน้องมิ้นท์ดีขึ้นแล้ว แผลผ่าตัดแห้งดี ไม่มีไข้ มีเพียงอาการปวดแผลผ่าตัด สรุปอาการทั้งทางร่างกาย และสภาพจิตใจอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอดูอาการของบาดแผลอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จึงจะบอกได้ว่าจะ ให้ออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่

          ผู้สื่อข่าวถามว่า จะย้ายน้องมิ้นท์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจใช่หรือไม่ นพ.ไพรัช กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของผู้รับผิดชอบว่าจะย้ายหรือไม่ ซึ่งจะไม่ขอก้าวก่าย อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลพระรามเก้า จะดูแลผู้ป่วยขณะที่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้อาการดีมากแล้ว ช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนเศษกระสุนที่ฝังอยู่นั้นทางแพทย์ได้ผ่าตัดเอาออก และล้างแผลให้แล้ว เป็นห่วงบาดแผลที่กระดูกไหปลาร้าหักเท่านั้น คงต้องรอดูอาการสักระยะ


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สำนึกขอขมา น้องโช ยันไม่เกี่ยวยากูซ่า อัปเดตล่าสุด 16 ตุลาคม 2552 เวลา 11:35:15 11,192 อ่าน
TOP