x close

จ่อเชือดอีก พล.ต.ต. แก๊งตำรวจ





จ่อเชือดอีก พล.ต.ต. แก๊งโกงงบฯ ตำรวจ (ข่าวสด)

          คดีฮั้วประมูลสีกากียิ่งสาวยิ่งวุ่น ตำรวจเปิดประเด็นใหม่ เตรียมสอบพยานโยง ถึง "พล.ต.ต." ผู้ดูแลอารักขานักธุรกิจใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ แต่กลับใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ "พงศ์พัฒน์" เรียกนายตำรวจร่วมถกวันนี้ ยกเป็นอาชญากรรมองค์กร ก่อนชี้ตัวคนผิด ขณะที่ดีเอสไอเตรียมพิจารณาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ

          จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เข้าตรวจค้นบ้านพักของอดีตข้าราชการระดับสูง และบริษัทเอกชน 4 แห่ง ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการประมูลรถและรถจักรยานยนต์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่อเค้าทุจริต เบื้องต้นพบหลักฐานมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่กว่า 10 นาย พากันเดินทางไปทัวร์ต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจที่ได้รับการประมูลงาน ต่อมา พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา สบ 10 เข้ามาคุมคดี ล่าสุดกองปราบฯ เตรียมเรียกสอบ 10 นายตำรวจ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

          ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ย. ที่กองปราบปราม นายธนา ธรรมวิหาร ทนายความ รับมอบอำนาจจาก นายวิศิษฎ์ พิทักษ์สิทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ตามที่มีการประสานงานกันก่อนหน้านี้ว่า จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันเปิดกล่องเก็บเอกสารต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนตรวจยึดมาได้ จากการตรวจค้นเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ในวันนี้นายธนากลับมายื่นหนังสือถึงพนักงานสอบสวน เพื่อขอรับเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกยึดมากลับคืน โดยให้เหตุผลว่าเอกสารที่ยึดมานั้นเป็นเอกสารสำคัญที่ทางบริษัทต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจและเป็นความลับของบริษัท 

          ด้านพนักงานสอบสวน เบื้องต้นทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมชี้แจงว่า เอกสารต่าง ๆ นั้นใส่รวมอยู่ในกล่องเอกสาร ซึ่งถูกปิดผนึก มีการลงลายมือชื่อของพนักงานสอบสวนและพนักงานบริษัทไว้แล้วว่า จะไม่มีการเปิดออกมาตรวจสอบจนกว่านายวิศิษฎ์ พร้อมพนักงานบริษัท จะมาร่วมเปิดกล่องพร้อมกันกับพนักงานสอบสวน ที่นัดหมายกันแล้วว่าจะมาเปิดกล่องตรวจเอกสารพร้อมกันในวันนี้ แต่นายวิศิษฎ์กลับส่งทนายความมาแทน พร้อมกับยื่นหนังสือขอรับเอกสารคืน ทางพนักงานสอบสวนจึงไม่สามารถให้เอกสารใด ๆ กลับคืนได้ เนื่องจากยังไม่มีการตรวจสอบ นายธนา จึงขอเลื่อนการร่วมกันเปิดกล่องตรวจสอบเอกสารออกไปเป็นวันที่ 14 ธ.ค.

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารอื่น ๆ ที่ได้จากการตรวจค้นเมื่อวันที่ 25 พ.ย. มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนเรียกตัว พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย มาสอบปากคำและร่วมกันเปิดกล่องเอกสารที่ยึดมาจากบ้านพักในวันที่ 6 ธ.ค. ส่วนการเรียกตัวนายบัณฑูร สุภัควณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และนางปราณี ศุกระศร รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่ให้มาพบเพื่อสอบปากคำในฐานะพยานในวันที่ 2 ธ.ค. นางปราณีมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ขสมก.นำหนังสือมาขอสอบถามประเด็นการสอบปากคำ ซึ่งพนักงานสอบสวนรับหนังสือดังกล่าวไว้เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาอีกครั้ง ส่วนนายบัณฑูรนั้นยังไม่มีการติดต่อกลับมา

          นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่าพนักงานสอบ สวนยังเดินทางไปยังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อรับเอกสารรายชื่อบุคคลที่เดินทางไปต่างประเทศด้วยสายการบินต่างๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนทำหนังสือขอตรวจสอบรายชื่อกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปต่างประเทศ หลังสืบสวนพบว่ามีบริษัทรถยนต์ชื่อดังที่ชนะการประมูลในโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ตอบแทนข้าราชการระดับสูง และอดีตข้าราชการระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว โดยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ

          พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ในวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 09.00 น. จะเรียกประชุมนายตำรวจสังกัดกองปราบปรามระดับสารวัตรขึ้นไป เพื่อชี้แจงเบื้องหน้าเบื้องหลังในคดีนี้ และให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอาชญากรรมประเภทนี้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมองค์กร ส่วนความคืบหน้าคดีคาดว่าในที่ 1 ธ.ค. จะมีความชัดเจนขึ้นว่าจะต้องดำเนินคดีกับใครบ้าง ล่าสุดมีกระแสข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม หรือดีเอสไอ กำลังพิจารณาว่าจะนำคดีนี้เข้าคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อให้พิจารณามีมติให้คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ หากคณะกรรมการพิจารณามีมติให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องส่งสำนวนทั้งหมดให้กับทางดีเอสไอดำเนินการแทน

          วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีทุจริตจัดซื้อรถจักรยานยนต์เพื่อตรวจการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการอยู่ และเป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับคดีปกติ

          เมื่อถามว่าการสอบสวนคดีนี้ พบว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นคนในสตช. พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดาอะไร ปล่อยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวน ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าการสอบสวนครั้งนี้นั้นพาดพิงถึงการรับตำแหน่งของพล.ต.อ.ปทีปในอนาคตเองนั้น ตนไม่ทราบ และคงตอบไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าทำไมจึงมีการพาดพิงมาถึงตัวท่าน รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการดิสเครดิต รรท.ผบ. ตร.หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า ตนไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น ขอให้ปล่อยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปเรื่อย ๆ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจระดับสูง หนึ่งในคณะกรรมการประกวดราคาจัดซื้อรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่กองบังคับการปราบปราม ออกหมายเรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบปากคำในคดีทุจริตการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ ว่า หากมีหมายเรียกมาก็พร้อมไปพบพนักงานสอบสวน แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนทำตามระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง การใช้เม็ดเงินทุกบาทเราก็ดำเนินการตามระเบียบ ทุกคนทำตามนโยบายและการจัดซื้อโครงการเหล่านี้ทั้งรถจักรยานยนต์สายตรวจ รถยนต์สายตรวจ รถตู้ ทำตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ซึ่งคนที่เป็นรองผู้บังคับ การ ผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการ หรือแม้แต่เป็นผบ.ตร.ไปกำหนดเองไม่ได้หรอกว่าอยากซื้ออะไร ตรงนี้เป็นนโยบายที่คนที่มีอำนาจก็ระดับรัฐมนตรีทั้งนั้น

          "ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนดำเนินการไปตามระเบียบทุกอย่าง แต่เรื่องนี้กลับมีคนที่สงสัยมากล่าวหากัน ทั้งนี้ กรณีนี้มีการกล่าวหามานานแล้ว จนกระทั่งมีการสืบสวนสอบสวนโดยคณะกรรมการหลายชุด ผมเองเคยให้การคณะกรรมการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้การคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ให้การชุดสืบสวนของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีการตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้งและจบแล้ว" หนึ่งในคณะกรรมการประกวดราคากล่าว

          นายตำรวจระดับสูงคนเดิม กล่าวว่า เอกสารหลักฐานในเรื่องนี้ก็ให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามไปนานแล้ว แต่ยังมาให้ข่าวว่ากำลังจะไปหาหลักฐานที่พลาธิการ ตนจึงไม่แน่ใจว่าที่ทำแบบนี้ ให้ข่าวแบบคะนองปาก สื่อบางรายก็เอาไปลง ออกข่าวแบบคึกคะนอง เสนอข่าวฟันธงว่ามีคนผิดอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร การทำคดีนี้มันไม่ง่ายเหมือนเปิดตู้เย็น ที่เปิดประตูก็เห็นว่าข้างในมีอะไร แต่ครั้งนี้ต้องหาว่ามันเคยใส่อะไรมาบ้าง คงไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องนี้คงเป็นเพราะหวังผลในทางการเมืองจึงเปิดประเด็นขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่พนักงานสืบสวนสอบสวนต้องดำเนินการไป

          "ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่สิ่งที่เราจัดซื้อจัดเช่าหามาให้ได้ใช้กัน ทั้งรถสายตรวจ รถจักรยานยนต์ รถตู้ ไม่ดีหรืออย่างไร ความจริงเราก็ทำตามนโยบายผู้บังคับบัญชาทั้งนั้น ไม่มีนโยบายมาใครจะไปทำได้ และนโยบายให้ไปทำผิดกฎหมาย ให้ไปโกงไม่มีหรอก มีแต่ให้จัดซื้อของมาให้ใช้ ใช้เงินให้คุ้มค่า ก่อนเราจะทำทีโออาร์เราต้องดูแล้วว่ามีผู้ที่มีคุณสมบัติมากกว่า 3 ราย ทุกอย่างตามขั้นตอน เราดูรอบคอบ ยืนยันว่าทำตามระเบียบแน่นอน แต่หากพบว่าการจัดซื้อครั้งนี้มีความผิดพลาดจริงก็ต้องตรวจสอบกันว่าผิดพลาดที่จุดใด มีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่" หนึ่งในคณะกรรมการจัดประกวดราคากล่าว

          มีรายงานข่าวจากกองปราบฯ ระบุด้วยว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ได้นัดหมายพยานสำคัญรายหนึ่ง เพื่อเตรียมสอบปากคำและเปิดประเด็นใหม่ในคดีนี้ เกี่ยวพันกับนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.ผู้หนึ่ง โดยพบว่าได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.รายหนึ่ง ให้เข้ามาดูแลอารักขานักธุรกิจใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้วครั้งนี้ แล้วใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบอย่างรุนแรง ซึ่งกองปราบฯ กำลังพิจารณารายละเอียดเพื่อดำเนินคดีแยกออกมาต่างหากอีกคดี


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จ่อเชือดอีก พล.ต.ต. แก๊งตำรวจ อัปเดตล่าสุด 1 ธันวาคม 2552 เวลา 17:30:24 4,729 อ่าน
TOP