ตื่น“ยูเอฟโอ”กันทั้งกรุงเทพฯ (เดลินิวส์)
คนกรุงเทพฯ ตื่นวัตถุประหลาด เป็นลูกไฟหลายสิบดวง ลอยอยู่เหนือท้องฟ้ากลางกรุง ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา โดยเชื่อว่าเป็นจานบินจากนอกโลก เจ้าหน้าที่ศูนย์กู้ชีพโรงพยาบาลกลาง ถ่ายภาพไว้ได้ นำมาเผยแพร่เห็นจะจะ ไม่รู้เป็นวัตถุอะไรกันแน่ แต่มีคนเห็นจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนจำนวนมาก ว่าพบเห็นดวงไฟประหลาด ลอยอยู่บนท้องฟ้ากว่า 30 ดวง กลางใจเมืองกรุงเทพฯ เช่น ที่บริเวณแยกวรจักร ทำให้ผู้ที่พบเห็นดวงไฟดังกล่าว แตกตื่นตกใจระคนความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวมาสำรวจโลกบ้าง บางคนก็ว่าเป็นดาวเทียมจารกรรม
ทั้งนี้ นายทิฆัมพร อยู่คำ เจ้าหน้าที่วิทยุ ศูนย์กู้ชีพ รพ.กลาง ได้เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังด้วยเสียงที่ตื่นเต้นว่า ขณะที่ตนปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีดวงไฟประหลาดอยู่เหนือหลังคาของโรงพยาบาล ตนจึงรีบหยิบกล้องถ่ายรูป พร้อมเลนส์ซูมระยะไกลของตน ขึ้นไปบนดาดฟ้าอาคาร ก็ได้พบเห็นดวงไฟประหลาด มีลักษณะเป็นก้อนไฟ รูปวงรี คล้ายกับร่มชูชีพ ลักษณะบางและใส สามารถลอยได้อย่างอิสระ บางลูกสามารถหมุนได้กว่า 180 องศา บางลูกเคลื่อนที่ไปมาทางซ้าย ทางขวาสลับกัน โดยเกาะกลุ่มอยู่ประมาณ 30-40 ดวง ในความสูงประมาณ 10,000 ฟิต
นายทิฆัมพร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้เข้าอบรมเกี่ยวกับการกู้ภัยทางอากาศ เลยพอมีความรู้อยู่บ้างว่า ดวงไฟเหล่านี้ ต่างจากอากาศยานอื่นที่ตนได้เคยพบมา รวมทั้งเมื่อช่วงที่ผ่านมา ตนก็เคยพบวัตถุประหลาดคล้ายกันแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อนำกล้องส่องทางไกลส่องดูก็พบว่า เป็นถุงพลาสติก ซึ่งไม่เหมือนกับครั้งนี้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำมีผู้โทรศัพท์เข้ามาถามเรื่องดวงไฟลอยอยู่บนท้องฟ้าหลายราย แต่ไม่มีใครสามารถถ่ายภาพได้ มีเพียง นายทิฆัมพร ที่ถ่ายภาพไว้ได้ จึงขอภาพมาดูก็พบว่าเป็นลูกไฟเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถตอบหรือให้ความเห็นได้ว่าเป็นอะไรแน่
ขณะที่ อ.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิทยาศาสตร์ และนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ ดีเด่น ปี 2538 กล่าวว่า แสงประหลาดที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่โคมยี่เป็ง เพราะถ้าปล่อยจำนวนมากต้องขออนุญาตหน่วยงานเกี่ยวกับการบิน และลักษณะการดับและการจุดติดของโคมลอยจะไม่พร้อมกัน ส่วนจะเป็นจานบินหรือยูเอฟโอหรือไม่นั้น ไม่สามารถยืนยันได้ แต่ถ้าเป็นจานบินก็น่าจะมีการตรวจจับของเรดาร์ได้ ในส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด น่าจะเป็นปรากฏการภาพลวงตา หรือมิลาจ (Mirage) ซึ่งในทางวิทยาศาตร์ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา เป็นการหักเหของแสงที่เกิดขึ้นกับบรรยากาศและอุณหภูมิขณะนั้น