กูเกิลหักลำจีนปิดเว็บเสิร์ช.cn (ไทยโพสต์)
กูเกิลสวมหัวใจพยัคฆ์กระตุกหนวดมังกร ตัดสินใจปิดเครื่องมือค้นหาของตนในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว โยกบริการเข้าเว็บท่าในฮ่องกงที่ไม่มีการเซ็นเซอร์แทน ทำจีนพิโรธบอกเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่จากสหรัฐทำผิดอย่างสิ้นเชิง แถมเบี้ยวสัญญาการค้าที่ทำไว้ก่อนตีตลาดจีนด้วย ทำเนียบขาวผิดหวัง แต่กลุ่มสิทธิเริงร่า
เดวิด ดรัมมอนด์ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายของบริษัทกูเกิลอิงค์จากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศผ่านเว็บบล็อกเมื่อวันจันทร์ว่า กูเกิลตัดสินใจปิดเว็บไซต์ Google.cn และได้โอนการเข้าใช้งานของผู้ใช้ในจีนไปยังเว็บท่าในฮ่องกง Google.com.hk ซึ่งไม่มีการเซ็นเซอร์แทน
การตัดสินใจหยุดให้ความร่วมมือกับการคัดกรองของรัฐบาลจีน อันนำไปสู่การปิดเครื่องมือค้นหาที่ครองตลาดอันดับ 2 หรือร้อยละ 30 ของจีนครั้งนี้ เกิด 2 เดือนให้หลังกูเกิลขู่ว่าตนจะปิดเว็บเสิร์ช .cn ของตน เนื่องจากมาตรการเซ็นเซอร์และการลอบเจาะข้อมูลที่กูเกิลระบุว่าเป็นฝีมือแฮ็กเกอร์ในจีน
อย่างไรก็ดี ดรัมมอนด์กล่าวว่า บริษัทยังมีคงแผนการพัฒนาและค้นคว้าวิจัย รวมถึงพนักงานแผนกขายของกูเกิล ในตลาดอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ใช้ถึง 384 ล้านคนแห่งนี้ต่อไป
ด้านรัฐบาลจีนมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างโกรธแค้นทันที โดยระบุว่ากูเกิล "ผิดล้วน ๆ" ที่ยุติการเซ็นเซอร์และมากล่าวหาจีนว่าเจาะข้อมูลอีเมล์กูเกิลของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวจีน อีกทั้งกูเกิลยังละเมิดคำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรที่ทำไว้เมื่อครั้งเข้ามาทำตลาดในจีนเมื่อเดือนมกราคม 2549 ด้วยการยุติการคัดกรองเครื่องมือค้นหาของตน
ฝ่ายทำเนียบขาว โดยไมค์ แฮมเมอร์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐ "ผิดหวัง" ที่กูเกิลไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลจีนได้ ขณะเดียวกันเขาย้ำว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยัง "ยึดมั่นในเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต และคัดค้านการเซ็นเซอร์" กระนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐมีความสุกงอมพอที่จะยอมรับความแตกต่างกันได้
ปัญหาขัดแย้งกรณีกูเกิลเกิดในช่วงยามที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติยักษ์ใหญ่ที่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 1 และ 3 ของโลกกำลังมึนตึง ทั้งด้วยเรื่องเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต, การค้า, ค่าเงินหยวน, การคว่ำบาตรอิหร่าน และการที่สหรัฐขายอาวุธแก่ไต้หวัน
หลังกูเกิลประกาศการตัดสินใจในวันจันทร์ ราคาหุ้นของกูเกิลได้ตกลง 0.45% ในขณะที่หุ้นของไป่ตู้ เว็บเสิร์ชถิ่นมังกรที่ครองตลาด 60% ก็พุ่งขึ้นสวนทางโดยปิดที่เพิ่มขึ้น 1.77% แต่นักวิเคราะห์มองกันว่าการปิดเว็บในจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของกูเกิลทันทีทันใด และที่จริงรายได้จากตลาดจีนถือเป็นอัตราส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ตกปีละ 24,000 ล้านเหรียญฯ ของกูเกิล
กลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งสมาชิกสภาคองเกรสในสหรัฐพากันยกย่องกูเกิล เช่น คริสโตเฟอร์ สมิธ ส.ส.รีพับลิกัน บอกว่าเป็นการดำเนินการสำคัญที่ช่วยกระตุ้นขวัญกำลังใจของนักสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและศาสนาหลายล้านคนในจีน ฮิวแมนไรต์วอชต์กล่าวว่า เป็นก้าวสำคัญที่ท้าทายการเซ็นเซอร์ที่รัฐบาลจีนใช้ควบคุมพลเมืองของตน
กระนั้นรอยเตอร์กล่าวว่า ภายหลังกูเกิลโยกบริการของตนไปยังฮ่องกง นักข่าวของตนในปักกิ่งได้ทดลองใช้งานค้นหาคำอ่อนไหว เช่น ชื่อนักเคลื่อนไหว "หลิวเซี่ยวโป" หรือ "ทะไล ลามะ" ผ่านเว็บใหม่ ก็ปรากฏว่าการค้นหาถูกบล็อกเช่นเดิม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
