x close

พระไพศาลเตือนสติคนไทย





พระไพศาลเตือนสติคนไทย “ถอนพิษความทรงจำเลวร้าย-เปิดรับความสุขด้วยปัญญา”
(ไอ เอ็น เอ็น)


          ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าเราจำไม่เป็นก็จะเจ็บปวด เคียดแค้น ขณะเดียวกันคนไทยก็ยังมีทางเลือกที่จะมีความสุข ซึ่งไม่ได้หมายถึงการละเลยหรือหลงลืม แต่หมายถึงความสามารถจดจำเหตุการณ์ร้ายๆได้โดยไม่เจ็บปวด โดยการรู้จักเก็บเกี่ยวบทเรียนและฉลาดถอนพิษจากความทรงจำที่เลวร้าย

          พระไพศาล วิสาโล พระนักพัฒนา เจ้าของรางวัลศรีบูรพา 2553 กล่าวปาฐกถา “สุขแท้ด้วยปัญญาท่ามกลางความขัดแย้งของสังคม” ในงานมอบรางวัลคลิปวีดีโอสุขแท้ด้วยปัญญา ของเครือข่ายพุทธกิกา โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 สี่แยกคอกวัว เมื่อเร็วๆนี้ ท่านเตือนสติคนและสังคมไทยว่าเหตุการณ์ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ให้บทเรียน 4 ประการ ซึ่งถ้าเข้าใจก็จะเป็นต้นทุนสร้างสุข หรืออย่างน้อยป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ซ้ำรอยอีก

          ข้อแรก-คนเราเมื่อหลงติดในตัณหา มานะทิฐฐิ เต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ก็ทำอะไรได้ทั้งนั้น รวมทั้งทำร้ายซึ่งกันและกัน ตัณหาก็คือความยึดติดในผลประโยชน์ ทิฐฐิคือความถือตัว และมานะคือถือว่าตัวเองสูงกว่าดีกว่าคนอื่น
          สอง-เมื่อมีการใช้วิธีการรุนแรง ทุกฝ่ายก็ต่างพ่ายแพ้ด้วยกันทั้งนั้น

          สาม-เมื่อไม่มีฝ่ายไหนถอย ย่อมเกิดความพินาศ

          สี่-ความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมทางสังคม นำไปสู่ความแตกแยก


          “จึงน่าจะจำบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ เพื่อนำชีวิตและสังคมไทยให้พ้นขวากหนาม และกับดักแห่งความรุนแรง ไปสู่ความสุขทางปัญญา เผชิญหน้าความจริง ไม่ใช่เรียกร้องให้สามัคคีด้วยคำขวัญ หรือให้หลงลืมอดีต นี่เป็นการสร้างความสุขระดับสังคม ประเทศชาติ”

         ส่วนความจริงเฉพาะหน้าคือผู้คนทั้งหลายมีความทุกข์มาก ใจยังปิดรับความสุขเพราะมีภูเขาขวางกั้นคือความโกรธเกลียดฝังแน่นทำให้เร่าร้อน เห็นอีกฝ่ายเป็นคนเลว ปิศาจ เดรัจฉาน ติดป้ายตีตรากัน ถ้าเราเห็นทุกคนเป็นมนุษย์ ศัตรูแท้จริงคือความโกรธเกลียดพยาบาทโลภเห็นแก่ตัว ก็จะหันมาใช้ความรัก เมตตา ดีต่อกัน ส่วนใครที่มีความเห็นต่าง ซึ่งเรามักจะผลักเขาออกไปกระทั่งกลายเป็นศัตรู ถ้ามีปัญญาเห็นว่าความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้เกิดขันติอดทนต่อกัน ใจกว้าง และคลายความโกรธเกลียดลง

         “ปัญญายังทำให้เห็นว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน คนที่เกลียดโกรธกันวันนี้ พรุ่งนี้อาจรักกัน คนที่เคยเข่นฆ่ากันเมื่อ 30 ปีที่แล้ว 6 ตุลา 19 ฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐ อีกฝ่ายคอมมิวนิสต์ วันนี้อยู่พรรคการเมืองเดียวกัน ถ้าเรามีปัญญาเห็นความจริงในมุมที่กว้างไกล รู้เท่าทัน ก็จะรู้ว่าจะเข่นฆ่ากันไปทำไม”

         คนจำนวนมาก ล้วนมีความเจ็บแค้นเศร้าโศกเพราะสูญเสียสิ่งรัก คนรัก ไม่ว่าสีเหลือง แดง ไม่เหลือง ไม่แดง การได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่นว่าเหมือนเราหรือมากกว่า เปิดใจรับรู้ก็จะเปลี่ยนมุมมองจากที่คิดว่าเขาเป็นฝ่ายกระทำ-เราถูกกระทำ เป็นเราต่างกระทำสร้างความทุกข์ให้แก่กัน และต่างได้รับผลพวงจากความทุกข์เสมอหน้า เมื่อเห็นคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ก็จะคลายความเจ็บปวดคับแค้น การให้อภัยก็เกิดขึ้นได้

         ภูเขาขวางกั้นอีกลูกคือ ความหดหู่เศร้าหมอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บางคนท้อแท้สิ้นศรัทธาในมนุษย์ หมดหวังกับบ้านเมือง แต่บ้านเมืองไม่ใช่เพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ คนไทยหลายคนก็เคยรู้สึกเช่นนี้ในเหตุการณ์ 6 ตุลาที่ฝ่ายซ้ายขวาสู้กันอย่างถึงที่สุด แต่ก็กลับมามีศรัทธา ความหวัง สร้างสรรค์ความดีงามได้

          “คนชอบหลงลืมและทำซ้ำรอยอดีต ไม่ถึง 20 ปีมีพฤษภาทมิฬ ไม่กี่ปีมีเหตุการณ์ 10 เมษา ถ้าเรามีทัศนะที่กว้างไกลเชิงประวัติศาสตร์ ก็เริ่มอนาคตที่สดใสได้”

           ถ้าจัดการกับสิ่งต่างๆข้างต้นได้ ใจจะเปิดรับความสุข บ้านเมืองจะมีความหวังขึ้นใหม่ เมื่อเยียวยาจิตใจตัวเองได้แล้วก็ออกมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าสีใด อุดมการณ์ใด อย่างน้อยอย่าไปซ้ำเติมให้เขาเจ็บปวดเคียดแค้นมากขึ้น มากกว่านี้คือรับรู้เข้าใจความทุกข์เขา ถ้าช่วยเยียวยาด้วยการกระทำยิ่งดี

           ผลักดันให้คนทำร้ายกัน ทำให้เกิดความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตอนนี้เชื้อความรุนแรงระบาดมา 73 จังหวัดที่เหลือ เราจึงต้องใช้ปัญญาเห็นถึงรากเหง้าที่อยู่ในใจเรา และในโครงสร้าง

          “อยากจะย้ำว่า ความสุข ไม่ว่าระดับบุคคลหรือสังคม ต้องใช้ปัญญา และถ้ามีเมตตา กรุณา เข้ามาประกอบด้วย ก็จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด และดึงพลังปัญญาออกมาเป็นพลังสร้างสรรค์”






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พระไพศาลเตือนสติคนไทย อัปเดตล่าสุด 28 พฤษภาคม 2553 เวลา 15:26:07 18,001 อ่าน
TOP