เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
จากกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐบมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องร้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณากรณี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2552 โดย นายจตุพร แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ กระทำการมิบังควร ตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยนั่งเก้าอี้เทียบเสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการถวายรายงานราชการนั้น
ล่าสุดวันนี้ (9 มิถุนายน) เวลา 9.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปยังศาลอาญารัชดา เพื่อขึ้นเบิกความในชั้นสืบพยานโจทก์คดีที่ฟ้องร้อง ขณะเดียวกัน นายจตุพร ก็ได้เดินทางมายังศาลอาญารัชดา เพื่อรับฟังการสืบพยานโจทก์คดีดังกล่าวด้วย โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ในการจัดที่นั่งในการถวายรายงานดังกล่าว ทางสำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งตนก็เคยเห็นภาพของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลถวายรายงาน ก็นั่งในลักษณะดังกล่าว อีกทั้ง จาการสอบถาม นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ก็บอกว่า นั่งในลักษณะนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ ภายหลัง นายอภิสิทธิ์ เบิกความต่อศาลแล้วเสร็จ ศาลได้นัดสืบพยานจำเลยอีกครั้ง ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ขณะที่ นายจตุพร ได้กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้ง นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเหตุปะทะในการชุมนุมทางการเมือง ว่า ไม่ยอมรับการแต่งตั้งดังกล่าว เนื่องจาก นายคณิต มีความใกล้ชิดบุคคลในรัฐบาล และเคยช่วยเหลือในคดี ที่ดิน สปก.4-01 สมัยของรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เคยเป็นเลขานุการหน้าห้องของ นายคณิต มาก่อน จึงเชื่อว่าแนวทางการตรวจสอบนั้นจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายจตุพรจะออกมาคัดค้าน แต่นายอภิสิทธิ์ ยังได้ยืนยันว่า จะให้ นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์ปะทะทางการเมือง เนื่องจาก นายคณิต ได้แสดงออกว่า จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา ตามงานที่ได้รับมอบหมาย ขณะเดียวกัน นายคณิต ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้องค์กรต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบนั้น มองว่าเป็นความตั้งใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และลูกน้อง ที่พยายามดึงต่างประเทศเข้ามา เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ด้วยการปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบภายในประเทศ ซึ่งเป็นแนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
