เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ปตท.หนุนรัฐ แยกแก๊สแอลพีจี เป็น 2 ราคา ระบุหากไม่รีบทำให้ชัดเจน อาจทำให้ยอดการนำเข้าสูงถึงปีละ 3 ล้านตัน ขณะที่ราคาน้ำมันครึ่งปีหลัง มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาแก๊สหุงต้ม หรือแอลพีจี ว่า ทาง ปทต. เห็นด้วยหากกระทรวงพลังงานจะปรับราคาแก๊สแอลพีจีเป็น 2 ราคา คือภาคขนส่ง-ครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม-ปิโตรเคมี เพราะการใช้แก๊สเพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และนำเงินกองทุนน้ำมันที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินในแต่ละลิตรมาจ่ายชดเชยการนำเข้าดังกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. กล่าวว่า หากในระยะยาวถ้าไม่ดำเนินการอย่างใดเลย ยอดการนำเข้าอาจสูงถึงปีละ 3 ล้านตัน จากปีนี้มีการนำเข้าแก๊สแอลพีจี 1 ล้านตัน โดยกองทุนน้ำมันฯ มีภาระค้างจ่ายการนำเข้าแก๊สในปี 51 จำนวน 1,237 ล้านบาท ส่วนปี 53 คาดว่าจะมีภาระการนำเข้า 5,332 ล้านบาท
ด้าน นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดเพิ่มขึ้นอีก 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 18 มิ.ย.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศแถบยุโรปปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังคงมีความผันผวน แต่ไม่เกินแนวต้านที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านมาราคาน้ำมันยังอยู่ในช่วงขาลงหรือทรงตัว เฉลี่ยภาพรวมในตลาดโลกปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 70-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยบวกที่จะทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจะมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่จะเริ่มฟื้นตัว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันขยายตัวตามไปด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
