
เขาพระวิหาร
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Wikipedia
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมทีผ่านมา เจ้าศรีสวัสดิ์ โทมิโก พระราชนัดดาในองค์สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ที่ปรึกษาองค์กษัตริย์แห่งกัมพูชา ซึ่งเป็นตำแหน่งเทียบเท่ากับนายกรัฐมนตรี ได้ส่งจดหมายถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหาร ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2553
โดยใจความในจดหมายของกัมพูชานั้น ได้ระบุว่า ทางไทยและกัมพูชานั้นมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมายาวนานนัก ถึงแม้จะมีความบาดหมางกันจนทำให้เกิดความขัดแย้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็คงไม่แข็งแกร่งเท่ากับความผูกพันของทั้งสองประเทศ และการแบ่งแยกดินแดนดังกล่าวนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดโดยชาติมหาอำนาจซึ่งก็ไม่ได้ให้ความเคารพต่อไทยและกัมพูชาเลย นอกจากจะแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น ทางกัมพูชาจึงเข้าใจความรู้สึกของคนไทยดีว่ารู้สึกอย่างไรกับการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากชาติมหาอำนาจนี้ ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าไทยและกัมพูชาเป็นประเทศที่ถูกกำหนดให้เคียงข้างกันอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงไม่อยากให้รอยร้าวใด ๆ เกิดขึ้นอีกและไม่อยากให้การอ้างสิทธิเหนือเขตแดนร่วมมาทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ดังนั้น ทางกัมพูชาจึงอยากให้คนไทยมองว่าปราสาทพระวิหารเป็นสัญลักษณ์ของความปรองดองระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงเป็นแบบอย่างของความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศอีกด้วย
สำหรับจดหมายฉบับดังกล่าว นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้รับจดหมายดังกล่าวแล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าจดหมายฉบับดังกล่าวจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างแน่นอน ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ตนอยากให้มีความร่วมมือกันระหว่างสองประเทศอยู่แล้ว และสิ่งที่ต้องดำเนินการเป็นหลัก คือ การตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อรักษาอธิปไตย ระหว่างกองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมต.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน ส่วนเรื่องที่ทางกัมพูชาขอความร่วมมือเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาปราสาทพระวิหาร และให้ปราสาทพระวิหารเป็นสัญลักษณ์ของความปรองดองนั้น ตนก็ยินดีเป็นอย่างมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







