เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย
บรรยากาศงานรำลึก 37 ปี 14 ตุลา 2516 ประจำปี 2553 บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว เมื่อเช้าวันนี้ (14 ตุลาคม) บรรดาญาติวีรชน ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวนถึง 11 รูป พร้อมวางพวงมาลาสดุดีวีรชน รวมทั้งประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 3 ศาสนาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ โดยบรรยากาศในปีนี้เป็นไปค่อนข้างเงียบเหงา เพราะผู้ที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่มีเพียงญาติวีรชนเท่านั้น
ขณะที่เวลา 09.00 น. ตัวแทนจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นตัวแทนประธานรัฐสภา ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย และภาคประชาชน องค์กรสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมวางพวงมาลา และกล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตยด้วย โดยมีการรักษาความปลอดภัยภายในงานอย่างดี
เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516
ทั้งนี้ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือ วันมหาวิปโยค เป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาและประชาชนกว่า 5 แสนคน รวมตัวกันเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ ของ จอมพลถนอม กิตติขจร สืบเนื่องมาจากการที่จอมพลถนอม ทำการรัฐประหารตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 โดยไม่ยอมเกษียณอายุราชการ เนื่องจากอายุครบ 60 ปีในขณะนั้น และได้จัดตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติขึ้น จนเป็นที่วิจารณ์ไปทั่ว
ความขัดแย้งระหว่างนักศึกษากับรัฐบาลยิ่งเข้มข้นขึ้น ในเดือนเมษายน พ.ศ.2516 หลังจากเกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของทหารตกที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม นำไปสู่การเปิดโปงว่า เฮลิคอปเตอร์ของทหารบรรทุกซากสัตว์ที่มีคนล่ามาจากทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นจำนวนมาก ทำให้นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และประชาชนทั่วไปไม่พอใจ จนเกิดการรวมตัวของนิสิตนักศึกษากลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติฯ จาก 4 มหาวิทยาลัย ออกหนังสือเปิดโปงกรณีนี้ในเชื่อ "บันทึกลับจากทุ่งใหญ่"
ต่อมานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ขยายผลต่อ โดยออกหนังสือ "มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ" จนทำให้ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในขณะนั้น ตัดชื่อแกนนำนักศึกษา 9 คนออกจากมหาวิทยาลัย เหตุการณ์นี้เองนำไปสู่การประท้วง จนเกิดการชุมนุมของนักศึกษาในวันที่ 21 - 22 มิถุนายนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่ในที่สุดนักศึกษาทั้ง 9 คนจะได้กลับสู่สถานะนักศึกษาตามเดิม และ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ ลาออกจากตำแหน่ง
จากนั้น เหตุการณ์เริ่มขมวดเกลียวยิ่งขึ้น ในวันที่ 6 ตุลาคม เมื่อมีบุคคลหลากหลายอาชีพลงชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ และมีการแจกใบปลิวไปทั่วกรุงเทพฯ แต่ทางตำรวจนครบาลได้จับกุมแกนนำ 11 คนไว้ โดยอ้างว่า เป็นการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พร้อมประกาศจับอีก 2 คน รวมเป็น 13 คน ซึ่งทั้งหมดถูกเรียกขานว่า "13 ขบถรัฐธรรมนูญ" เหตุการณ์นี้ทำให้นักศึกษาและประชาชนไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้รวมตัวชุมนุมกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยื่นคำขาดให้รัฐบาลปล่อยตัวทุกคนภายในเที่ยงวันของวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม
เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516
เมื่อถึงเวลาเส้นตายที่นักศึกษากำหนดไว้ รัฐบาลยังไม่ยอมปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุม ทำให้นักศึกษาและประชาชนจำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 5 แสนคนเดินขบวน ออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปตามถนนราชดำเนิน พระบรมรูปทรงม้า โดยมีแกนนำนักศึกษาได้เข้าไปเจรจากับรัฐบาล อีกส่วนหนึ่งได้เข้าเฝ้าฯ จนได้ข้อยุติเพื่อจะสลายการชุมนุม
แต่ทว่า เนื่องจากมวลชนมีจำนวนมาก และไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ครอบคลุม ทำให้ในเช้าของวันที่ 14 ตุลาคม นักศึกษา ประชาชนที่กำลังจะสลายตัวกลับบ้าน ได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ จนกลายเป็นเหตุจลาจลลุกลามไปทั่วพื้นที่ กระทั่งเวลาบ่าย มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินวนอยู่เหนือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้กราดยิงปืนลงมาเพื่อสลายการชุมนุม ซึ่งมีผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า ผู้ที่ยิงปืนลงมาคือ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร
เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516
ต่อมาในช่วงหัวค่ำ จอมพลถนอม ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดแต่งตั้ง นายสัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้มีพระราชดำรัสแถลงออกทางโทรทัศน์ด้วยพระองค์เอง แต่เหตุการณ์ยังคงไม่สงบ เมื่อทหารได้ยิงใส่นักศึกษาจนเกิดเหตุจลาจลบานปลายอีกครั้ง จนกระทั่งช่วงหัวค่ำของวันที่ 15 ตุลาคม ได้มีการประกาศว่า จอมพลถนอม จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ ได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิต 77 ราย บาดเจ็บ 857 ราย และมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตที่ทิศเหนือท้องสนามหลวงด้วย ต่อมา ครม. ได้มีมติให้ก่อสร้าง "อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา" ขึ้นที่ สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2544 และเมื่อปี พ.ศ.2546 สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเอกฉันท์ให้วันที่ 14 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันประชาธิปไตย"
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ 14 ตุลา นี้ถือเป็นเหตุการณ์ลุกฮือของประชาชนครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 20 และยังสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนในประเทศอื่น ๆ ด้วย