เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com , ไทยโพสต์, สำนักข่าว Rede Globo
, pantip.com โพสต์โดยคุณ หมูเหมียว
33 เลขปาฏิหาริย์และมหัศจรรย์กับภารกิจช่วยคนงานเหมืองชิลี ขณะที่ ประธานาธิบดีชิลีเยี่ยม 33 คนงานเหมือง ขณะที่มีรายงานว่า นายยอนนี่ บาริออส โรยาจ คนงานที่ขึ้นมาจากเหมืองเป็นลำดับที่ 21 โผกอดกับกิ๊กที่มารอรับ แทนที่จะเป็นภรรยา
แม้การช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่เหมืองในชิลีทั้ง 33 คนจะสิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า ผู้คนจะยังพูดถึงเหตุการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดลงได้ง่าย ๆ เมื่อเกิดความบังเอิญครั้งยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเลข 33 อย่างไม่น่าเชื่อ จนกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงกันมากที่สุดในขณะนี้เลยทีเดียว
สำหรับความบังเอิญที่เกี่ยวข้องกับเลข 33 จากปฏิบัติการช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ใต้เหมือง ได้แก่
จำนวนคนงานที่มีทั้งหมด 33 คน
ใช้เวลาการช่วยเหลือทั้งสิ้น 33 วัน
วันที่เริ่มช่วยเหลือคนงานเหมืองได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 13/10/10 ซึ่งบวกกันแล้วได้ผลลัพธ์เท่ากับ 33
ขนาดปล่องที่ขุดเจาะลงไปในเหมืองมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 66 เซนติเมตร ซึ่งหาร 2 ก็จะได้เลข 33
จำนวนตัวอักษรในข้อความแรกที่คนงานเหมืองส่งมาขอความช่วยเหลือ ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ก็นับรวมกันได้ 33 ตัวเช่นกัน โดยข้อความดังกล่าวคือ (นับช่องเว้นวรรคด้วยค่ะ) "estamos bien en el refugio los 33"
ข้อความแรกที่คนงานเหมืองชิลีส่งมาขอความช่วยเหลือ
เมื่อทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเลข 33 แล้ว มันจึงถูกเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์มากกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ อีกทั้งมันยังเป็นตัวเลขอายุของพระเยซูคริสต์ขณะถูกตรึงด้วยไม้กางเขนด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในต่างประเทศ แต่คนไทยก็ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางไม่แพ้กัน และแน่นอนว่าตัวเลข 33 ที่ชาวต่างชาติเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ ก็ถูกนำไปตีเป็นเลขเด็ดที่หลายคนจ้องจะนำไปเสี่ยงโชคในงวดนี้โดยไม่ลังเล เพราะหากจะพิจารณาถึงสถิติของตัวเลขที่ออกตั้งแต่ช่วงต้นปี ก็จะพบว่า มีหลายครั้งที่ออกเป็นเลขซ้ำหรือเลขเบิ้ล จนสร้างความประหลาดใจกันมาแล้ว
ภารกิจช่วย คนงานเหมืองชิลี
ทางด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเนร่า ของชิลี ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคนงานเหมืองทั้ง 33 คน ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโคปิอาโป พร้อมกับให้สัญญาว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
โดยประธานาธิบดีปิเนร่า ได้กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การพิจารณาด้านความปลอดภัยของการทำงานในเหมือง ซึ่งจะต้องมีการดูแลและให้ความสำคัญกับสุขภาพ และความปลอดภัยของคนงานในอุตสาหกรรมการก่อสร้างอย่างเหมืองมากขึ้น และในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศ ตนสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันขึ้นอีกครั้ง
ระหว่างที่ประธานาธิบดีปิเนร่าเข้าเยี่ยมคนงานเหมืองทั้ง 33 คนนี้ ก็ได้มีการถ่ายรูปหมู่กับประธานาธิบดีภายในโรงพยาบาล และประธานาธิบดีปิเนร่า ก็ได้เปิดเผยว่า จะจัดให้มีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างคนงานเหมืองกับทีมช่วยเหลือในปลายเดือนนี้ โดยได้กล่าวติดตลกว่า ทีมที่ชนะจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าพักในบ้านของประธานาธิบดี ส่วนทีมที่แพ้จะต้องกลับลงไปติดอยู่ใต้เหมืองอีกครั้ง สร้างเสียงหัวเราะให้กับบรรดาคนงานเหมืองเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ คนงานเหมืองทั้ง 33 คนได้รับการปรนนิบัติจากทีมแพทย์และตรวจสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่ต้องรักษาปัญหาเรื่องฟันและการมองเห็น ขณะที่คนงานจำนวน 2 คน มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องปอด ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับการดูแลและรักษาในโรงพยาบาลต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจช่วยชีวิตคนงานเหมืองชิลีขึ้นมาเมื่อวันก่อนนั้น หนึ่งในคนงานเหมืองที่ถูกจับตามากที่สุดคนหนึ่ง ขณะกำลังขึ้นแคปซูลขึ้นมานั้น คือ นายยอนนี่ บาริออส โรยาจ วัย 50 ปี เนื่องจากเมื่อเดือนก่อน นางมาร์ตา ซาลินาส วัย 56 ปี ภรรยาของนายยอนนี่ ได้มาพบกับนางซูซานา เวเลนซูเอลา วัย 50 ปี ซึ่งมาตามหานายยอนนี่ที่เหมืองแห่งนี้เช่นกัน และเพิ่งทราบว่า นายยอนนี่แอบคบนางซูซานามานานกว่า 4 ปีแล้ว ทำให้เธอโมโหเป็นอย่างมาก ถึงขนาดไปฉีกโปสเตอร์ตามหานายยอนนี่ ที่นางซูซานาเขียนข้อความแสดงความห่วงหา และลงชื่อว่า "ภรรยาของคุณ" มาแปะไว้ที่บริเวณเหมืองเลยทีเดียว
และหลังจากนายยอนนี่ ถูกนำขึ้นมาจากเหมืองเป็นลำดับที่ 21 นางซูซานาก็ได้มารอรับถึงหน้าเหมือง ก่อนที่ทั้งคู่จะโผกอดและจูบกันด้วยความรัก ขณะที่นางมาร์ตา ซึ่งเป็นภรรยาหลวงไม่ได้มารอรับสามีแต่อย่างใด ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์ว่า ตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่ไปรับสามีที่เหมือง เพราะคงจะไม่ดีนัก หากมีภรรยาสองคนไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้เธอไม่ทราบว่า สามีมีภรรยาอีกคนมานานกว่า 4 ปีแล้ว และเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เพราะเธอกับสามีจบกันแล้ว แต่ก็ดีใจที่เห็นทุกคนออกมาได้
นายยอนนี่ บาร์ริออส โรยาจ โผกอดภรรยาน้อยที่มารับ
ย้อนรอยเหตุระทึก คนงานเหมืองชิลี 33 ชีวิต ติดอยู่ใต้ดิน ลึกเกือบ 700 เมตร 68 วัน แห่งการรอคอย 68 วันแห่งความทรงจำ
13 ตุลาคม : วันที่หลายคนเฝ้ารอก็มาถึง ภายหลังการทำงานกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เริ่มดำเนินการช่วยเหลือคนงานเหมือง 33 คน ในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาประเทศไทย จนสามารถช่วยชีวิตคนงานคนแรกไว้ได้ ในเวลา 24:10 น. ตามเวลาท้องถิ่น คือ นายฟลอเรนซิโอ อวาลอส คุณพ่อลูกสอง วัย 31 ปี โดยมีประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเนรา ผู้นำชิลี เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตนเอง พร้อมด้วยการโห่ร้องด้วยความยินดีของคนทั้งโลก
9 ตุลาคม : การส่งท่อกู้ภัย ซึ่งมีความยาว 624 เมตร ลงไปใต้ดินเสร็จสิ้นลง ซึ่ง นายโกลบอร์น กล่าวว่า ปฏิบัติการช่วยชีวิตคนงานเหมืองทั้ง 33 คน จะเริ่มขึ้นในวันพุธที่ 13 ต.ค.
8 ตุลาคม : นายโกลบอร์น เชื่อมั่นว่า ท่อ T-130 หรือที่เรียกว่า Plan B จะถูกส่งลงไปใต้ดินจนถึงตำแหน่งที่อยู่ของคนงานเหมืองในวันดังกล่าว และคาดว่าการอพยพคนงานจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ถัดไป
5 ตุลาคม : คนงานเหมืองทั้ง 33 คน ติดอยู่ใต้เหมืองครบ 2 เดือน นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เหมืองถล่ม เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม
1 ตุลาคม : นายโกลบอร์น กล่าวว่า เดือนตุลาคม จะเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นปฏิบัติการช่วยเหลือคนงานเหมือง 33 คน
21 กันยายน : นายโกลบอร์น กล่าวว่า การช่วยเหลือคนงานเหมืองทั้ง 33 คน อาจจะไม่แล้วเสร็จก่อนที่จะถึงเดือนพฤศจิกายน
8 กันยายน : คนงานเหมือง ที่ติดอยู่ใต้ดินทั้ง 33 คน ไม่ลืมที่จะเฉลิมฉลอง 200 ปี แห่งการเป็นเอกราชของชิลี แม้พวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย โดยวิดีโอได้แพร่ภาพจากใต้ดิน ว่าคนงานเหมืองพร้อมใจกันร้องเพลงชาติ และเต้นรำกันอย่างรื่นเริง
7 กันยายน : ชาวชิลี เฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี แห่งอิสระภาพจากการปกครองของสเปน พร้อมฉลองความสำเร็จของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ที่สามารถใช้เครื่องมือขุดเจาะลงไปใต้พื้นดิน จนถึงตำแหน่งที่อยู่ของคนงานเหมืองทั้ง 33 คน
5 กันยายน : เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและคณะแพทย์ ระบุว่า คนงานเหมือง 33 คน ยังสามารถเอาตัวรอดในเหมืองได้ และสภาพร่างกายและจิตใจของคนงานอยู่ในสภาพที่ดี
24 สิงหาคม : ประธานาธิบดีปิเนรา กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า คนงานเหมือง ทั้ง 33 คน จะได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาได้ก่อนสิ้นปีนี้
23 สิงหาคม : เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เริ่มส่งสารอาหารจำพวกกลูโคส และน้ำ ลงไปให้คนงานเหมือง 33 คน
22 สิงหาคม : ชาวชิลี ตื่นเต้นดีใจอย่างสุดซึ้ง หลังทางการสามารถแพร่ภาพคนงานเหมือง 33 คน ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก หลังจากคนงานที่ติดอยู่ใต้เหมือง มาแล้ว 17 วัน
12 สิงหาคม : ประธานาธิบดีปิเนรา กล่าวว่า เขายังคงมีความหวังว่า คนงานเหมืองทั้งหมดจะได้รับความช่วยเหลือ แม้โอกาสรอดจะมีอยู่เพียงน้อยนิด
10 สิงหาคม: ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเนรา แห่งชิลี กล่าวว่า รัฐบาลชิลี ได้ติดต่อคณะผู้เชี่ยวชาญจากเปรู สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย เพื่อความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ในการปฏิบัตการกู้ชีวิตคนงานเหมือง ทั้ง 33 คน
8 สิงหาคม : เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เริ่มขุดเจาะปล่องหลุม ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 12 เซนติเมตร ลงไปยังเหมืองดังกล่าว เพื่อค้นหาตำแหน่งของคนงานเหมืองทั้งหมด
6 สิงหาคม : นายลอว์เรนซ์ โกลบอร์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่ รีบบินกลับมายังประเทสชิลี พร้อมนำทีมปฏิบัติการกู้ภัยด้วยตนเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของชิลี เปิดเผย ถึงความเป็นไปได้ที่คนงานเหมืองที่ติดอยู่ใต้ดินจะสามารถหาแหล่งที่พักพิง ซึ่งมีอ็อกซิเจน น้ำ และ อาหาร เพื่อประทังชีวิต
5 สิงหาคม : เกิดอุบัติเหตุเหมืองแร่ทองแดงและทองคำ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลทรายในชิลีถล่ม ส่งผลให้คนงานเหมืองทั้งหมด 33 ชีวิต ติดอยู่ใต้เหมือง ที่มีความลึกเกือบ 700 เมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย พยายามใช้อุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่ เพื่อติดต่อกับคนงานเหมืองเหล่านี้
เหมืองชิลี
คนงานเหมืองชิลี คนสุดท้ายที่ได้รับการช่วยเหลือ
