x close

ตั้งธงยุบประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ ย้อนฝ่ายกังขา

พรรคประชาธิปัตย์

ตั้งธงยุบประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ ย้อนฝ่ายกังขา (ไทยโพสต์)


          "มาร์ค" ย้ำคดียุบพรรคเป็นไปตามเหตุและผล ย้อนบางฝ่ายที่วิจารณ์มีธงให้ "ยุบประชาธิปัตย์" ระบุเป็นเหตุผิดปกติ ทำให้มีการลากยาวคดีจนขัดต่อกฎหมาย "สมชัย" ยันกกต.ฟ้องซ้ำไม่ได้เพราะขาดอายุความ เพื่อไทยจี้ศาล รธน.-กกต.แจงเงิน 20 ล้านใช้จ่ายพิจารณาคดี

          พรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาคบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่นจำกัด เป็นเงิน 258 ล้านบาท ในวันที่ 9 ธ.ค.ว่า ตนไม่ไปเพราะคิดว่าเป็นการนัดพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาทางคณะผู้ว่าคดีจะไป คือในส่วนของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ฝ่ายกฎหมายของพรรคน่าจะเป็นหลักเพราะเข้าใจว่าเป็นการนัดพร้อม

          ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีการกดดัน เนื่องจากคดี 29 ล้านบาท พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับโทษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คดีนี้มีแรงกดดันมาโดยตลอดอยู่แล้ว และ สิ่งที่ต้องย้ำก็คือ ทุกอย่างควรจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงของข้อกฎหมาย

          เมื่อถามต่อว่ามีโอกาสที่จะนำประเด็นดังกล่าวไปเป็นประเด็นในการเคลื่อนไหวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ทุกคนอยู่กับเหตุและผล เพราะในการวินิจฉัยแต่ละเรื่องของศาลต้องมีฐานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงก็ตาม ก็อยากให้ทำความเข้าใจ เรายังไม่ทันทราบคำวินิจฉัย หรือ ยังไม่ได้ไปดูคำวินิจฉัยโดยละเอียด ก็ไปสรุปว่าเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางทีก็ไม่ใช่ อย่างเช่นช่วงนี้ที่ทางตุลาการได้ออกมาชี้แจง

          นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า บางคนที่บอกว่ามีการตั้งธงตนก็อยากจะถามเหมือนกันว่าแล้วบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ตั้งธงแต่แรกหรืออย่างไรว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องผิด ซึ่งความจริงเราจะเห็นว่าลำดับเหตุการณ์เป็นต้นมาที่ในที่สุดบอกว่าเป็นเรื่องของเทคนิค

          "ความจริงถ้าเหตุการณ์ หรือ คดีนี้มันปกติแต่ต้นมันก็จะจบไปนานแล้ว เพราะว่าอนุกรรมการของคณะกรรมการการเลือกตั้งก็สอบ 2-3 ครั้งก็บอกว่าไม่ผิด แต่ว่าที่มันลากยาวมาถึงวันนี้ก็เป็นเพราะความไม่ปกติ และ ความไม่ปกตินี้ก็ไปขัดต่อกระบวนการของกฎหมาย" นายกฯ กล่าว

          แหล่งข่าวระดับสูงจากศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่า จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้จำหน่าย คดีการรับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่อาจเข้าข่ายการทำนิติกรรมอำพรางโดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประชุมคณะตุลาการฯ แต่ตุลาการฯ ยังไม่ได้รับทราบว่ามีการยื่นกรณีดังกล่าวเข้ามา ซึ่งหากมีการยื่นเข้ามาแล้วก็ต้องเข้ามาตามระบบ โดยต้องผ่านประธานศาลรัฐธรรมนูญที่จะนำวาระเข้าสู่การประชุม

          ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีการส่งมาจริงก็น่าจะนำมาพิจารณาในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพร้อมคู่ความไว้ โดยน่าจะพิจารณาก่อนที่จะออกนั่งบัลลังก์นัดพร้อม และ ต้องดูเรื่องของรายละเอียดว่า พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องเข้ามานั้นจะมีประเด็นใดบ้าง ส่วนจะจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่องค์คณะ

          นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนและวินิจฉัยกล่าวถึงกรณีการฟ้องซ้ำในคดีพรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์ว่าโดยส่วนตัวเชื่อว่าการฟ้องซ้ำคงไม่มีประโยชน์ เนื่องจากที่ผ่านมาก็ถูกยกคำร้องไปแล้ว ส่วนในทางกฎหมายนั้น ที่มีการกล่าวว่ามีช่องการฟ้องซ้ำ ในทางกฎหมายแพ่งไม่น่าทำได้ เนื่องจากคดีนี้ไม่ใช่คดีแพ่ง และ คำวินิจฉัยของตุลาการได้ระบุแล้วว่าเป็นเรื่องของการขาดอายุความ ซึ่งก็ไม่สามารถฟ้องซ้ำได้

          "จึงมองว่าคดีเงิน 29 ล้านบาทนี้ กกต.ไม่น่าจะไปยื่นฟ้องซ้ำอีก อย่างไรก็ตามในคดีเงินบริจาคพรรค 258 ล้านบาทนั้น มีความแตกต่างกันอยู่โดยเฉพาะหลักคิดของตุลาการกับ กกต.ที่อาจจะไม่ตรงกัน ซึ่งคดีเงิน 258 ล้านบาท คณะตุลาการฯ อาจมองที่ประเด็นเรื่องขั้นตอนและกระบวนการยื่นเรื่องไม่ถูกต้องไม่ได้มอง เรื่องของระยะเวลา แต่ยืนยันว่า กกต.ไม่มีอคติ และ ไม่หวั่นใจในคดีที่ยื่นฟ้องยุบพรรคใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากทุกอย่างที่ กกต. ดำเนินการไปนั้นทำไปตามวิธีปฏิบัติและกฎหมาย ไม่มีการตั้งธงจะยุบพรรคการเมืองให้ได้แต่อย่างใด" นายสมชัยกล่าว

          นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าหลังจากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการพิพากษายกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กระบวนการในคดีดังกล่าว จึงอยากเรียกร้องให้สถาบันการศึกษาวิชากฎหมาย นักกฎหมาย ออกมาให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับผลของการตัดสินในคดีดังกล่าว

          อีกทั้งพรรคยังพบว่าในกระบวนการพิจาณาคดีดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.มีการใช้เงินมากกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งการใช้เงินดังกล่าวทั้ง 2 องค์กรต้องออกมาชี้แจง และ หากไม่มีการเปิดเผย ภายในสัปดาห์หน้าทางพรรคเพื่อไทยจะใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เพื่อขอให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมาให้ประชาชนรับทราบ เพื่อจะได้ทราบว่ากระบวนการดังกล่าวใช้เวลาในการพิจารณา และ ใช้เงินในการสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างไร เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการพิจารณาของคดีอื่น ๆ ต่อไป

          นายจิรายุกล่าวต่อว่า ส่วนคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพร้อมคู่กรณีในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ทางแกนนำพรรคไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแล้วว่าจะยุบหรือไม่ยุบ แต่จะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากคดีดังกล่าวนี้มีประชาชนที่เป็นผู้เสียประโยชน์จากการซื้อหุ้น บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตั้งธงยุบประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ ย้อนฝ่ายกังขา อัปเดตล่าสุด 5 ธันวาคม 2553 เวลา 16:42:00 14,222 อ่าน
TOP