ชวน หลีกภัย
มติศาล 4:3 ประชาธิปัตย์รอดยุบพรรคคดี 258 ล้าน (ไอเอ็นเอ็น)
วันนี้ (9 ธันวาคม) องคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องคดีการบริจาคเงิน 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยมติ 4 ต่อ 3 เสียง
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดย นายนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วย องค์คณะ ได้ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยที่อัยการสูงสุด ขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีข้อกล่าวหา การรับเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัท TPI โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะฯ ในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2548 ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง หรือไม่ โดยหลังจากนัดพร้อมคู่กรณีครั้งแรก
ตุลาการเห็นว่า พยานหลักฐานที่ทั้ง 2 ฝ่าย นำมายื่นนั้น มีน้ำหนักเพียงพอให้พิจารณา และเริ่มอ่านคำวินิจฉัยทันที โดย ตุลาการ มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 ให้ยกคำร้องในคดีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า นายทะเบียนพรรคการเมือง ยังไม่มีความเห็นให้ยุบพรรคในคดีนี้ ตามมาตรา 94 และ 95 ดังนั้น การที่ กกต. มีความเห็น เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ให้ส่งสำนวนให้ อัยการสูงสุด ยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการข้ามขั้นตอน โดย กกต. ไม่น่าจะมีอำนาจยื่นเรื่องให้ อัยการสูงสุด ยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ จึงมีมติให้ยกคำร้องในคดีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายของพรรค และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดพร้อมคู่ความ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับอัยการสูงสุด ในคดีเงินบริจาคพรรคการเมือง 258 ล้านบาท
ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การนัดพร้อมคู่ความของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ ในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ว่า ทางออกของคดี อาจเป็นเช่นเดียวกับคดี 29 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ ที่เป็นการยื่นคำร้องโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากรูปคดีมีความคล้ายกัน แต่แตกต่างกันในเรื่องของเนื้อหาสาระ มุมมอง โดยส่วนตัวคิดว่าศาลจะมีมติเสียงข้างมาก
ขณะที่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่า จะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ซึ่งเห็นว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเบิกความแย้งกับพยานเอกสารอีกไม่ได้ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มขึ้นมาจริงๆ ส่วนคดี 29 ล้านบาท นั้น ตอนนี้สบายใจขึ้น หลังจากศาลได้เผยคำวินิจฉัยส่วนตัว และถือเป็นการลดแรงกดดัน ทำให้ข้อกฎหมายกระจ่างขึ้น ยืนยันว่าศาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
