x close

แรง!! สื่อตั้งฉายารัฐสภาปี 53 หลังยาว ผลาญภาษี




สื่อตั้งฉายารัฐสภาปี 53 หลังยาว ผลาญภาษี (ไอเอ็นเอ็น)
   

         สื่อมวลชนรัฐสภา ตั้งฉายา สภาผู้แทนราษฎร ประจำปีนี้  คือ "หลังยาว ผลาญภาษี" "ชัย ชิดชอบ-เฒ่าเก๋า-เจ๊ง" เหตุการณ์แห่งปี "เสื้อแดงบุกสภา" วุฒิสภา ได้ฉายา "อัมพฤกษ์ รับจ๊อบ"

          สื่อมวลชนสายรัฐสภา ได้ตั้งฉายาฝ่ายนิติบัญญัติประจำปี 2553 ว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี ที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ได้ร่วมกันระดมความเห็นในการตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสองสภาคือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิก และการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ  โดยผลการพิจารณามีดังต่อไปนี้

1.เหตุการณ์แห่งปี : เสื้อแดงบุกสภา

          หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดง ปักหลังชุมนุมถาวรที่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2553 เป็นต้นมา จากนั้นวันที่ 7 เมษายน 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้มาชุมนุมที่หน้ารัฐสภามีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา จากนั้น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำผู้ชุมนุม ได้ทำลายประตูและบุกเข้ามาในรัฐสภาโดยอ้างว่า มีการโยนระเบิดใส่ผู้ชุมนุม อย่างไรก็ดีเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกระป๋องแก๊สน้ำตา 2 กระป๋องที่ยังไม่ได้ถอดสลัก อย่างไรก็ดี ผู้ชุมนุมได้บุกเข้ามาและพยายามจะเข้าตัวอาคารรัฐสภา 1 บริเวณชั้นลอยเพื่อหาตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทำให้บรรดาส.ส.รวมถึงรัฐมนตรีต่างพากันวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด แม้กระทั่งนายสุเทพ ถึงกับต้องปีนกำแพงด้านหลังรัฐสภา โดยมีส.ส.คนใกล้ชิด คือ นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ถืออาวุธสงครามอารักขา นำมาซึ่งการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในวันเดียวกัน ก่อนที่วันที่ 10 เมษายน ในช่วงบ่ายรัฐบาลได้ใช้มาตรการขอคืนพื้นที่บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้า จนเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มคนเสื้อแดง มีผู้เสียชีวิต 26 ศพ บาดเจ็บ กว่าพันคน ทำให้ผู้ชุมนุมย้ายไปปักหลักชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์เพียงที่เดียว นำมาซึ่งการสลายการชุมนุมในเวลาต่อมาในวันที่ 19 พฤษภาคม

2.วาทะแห่งปี : "พูดเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตัวเองเชื่อคำโกหกตัวเอง"

          เป็นคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตอบโต้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระหว่างการตอบกระทู้ถามสดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2553 ทั้งนี้ในการอภิปรายนายจตุพรอ้างว่าการที่นายกฯพูดในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ว่าต้องไม่มีการนิรโทษกรรมและต้องยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและสอดคล้องกับแผนบันไดสี่ขั้นของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงเพราะเป็นหน้าที่ของศาล พร้อมกับตอบโต้นายจตุพรว่า "พูดเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตัวเองเชื่อคำโกหกตัวเอง"

3.สภาผู้แทนราษฎร : หลังยาว ผลาญภาษี

          การทำงานของ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานไม่ว่า บทบาทของคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภา ปัญหาการแต่งตั้งที่ปรึกษา ส.ส.ที่อื้อฉาวขึ้น โดยเฉพาะการประชุมสภาฯ ทุกนัดต้องลุ้นระทึกว่า ส.ส.จะเข้าประชุม ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ประชาชนเลือกมาหรือไม่  ซึ่งก็พบว่า สภาฯชุดนี้มีปัญหาองค์ประชุมล่มซ้ำซากเนื่องจาก ส.ส.ไม่ให้ความสำคัญกับ การทำหน้าที่ของตนเองเพราะติดงานนอก  อีกฝ่ายก็เล่นเกมไม่เข้าร่วมประชุม ขณะที่พฤติกรรมของ ส.ส. ยังคงด่าทอ หยาบคาย ไม่สมกับการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยที่ดี แต่กลับได้รับการขึ้นเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน ขัดกับความรู้สึกสังคมที่เห็นว่า ส.ส.ทำงานไม่คุ้มค่า ผลงานแย่ ภาพลักษณ์ตกต่ำ ควรที่จะลดเงินเดือนตัวเองด้วยซ้ำ

4.วุฒิสภา : อัมพฤกษ์รับจ็อบ

          การที่วุฒิสภาถูกแบ่งออกเป็น ส.ว.สรรหาและเลือกตั้ง ทำให้การทำงานเป็นลูกผสม ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมาความขัดแย้งของสองกลุ่มยังปรากฏชัดเจน หลายครั้งยังเปิดศึกทำลายกันเอง ขณะที่การทำงานในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติกลั่นกรองกฎหมายและตรวจสอบรัฐบาล เป็นลักษณะงานประจำ และไม่ให้ความสำคัญกับการประชุม จนการประชุมเกือบล่มหลายครั้ง ขณะเดียวกันในการพิจารณาชี้ขาด เรื่องสำคัญ ส.ว.จำนวนหนึ่งทำหน้าที่รับใช้รัฐบาลและฝ่ายค้านตามเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ จนไม่มีอิสระในการลงมติ บทบาทการทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมาจึงเป็นเสือกระดาษไม่มีประสิทธิภาพ อย่างที่คาดหวัง

5.ประธานสภาผู้แทนราษฎร (ชัย ชิดชอบ) : เฒ่าเก๋า-เจ๊ง

          ในภาวะการเมืองแบ่งขั้วรุนแรงระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล ถือเป็นงานหนักของนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องควบคุมการประชุมสภาให้เกิดความเรียบร้อย ซึ่งนายชัยได้ใช้ประสบการณ์และความเก๋าในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของสภา จากลูกล่อ ลูกชน หลอกล่อสมาชิก ผสมความเป็นลูกทุ่ง พูดจาโผงผาง ในบางครั้ง มีทั้งเบี่ยงเบนประเด็น สลับกับการใช้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของนายชัย จนหลายครั้ง ส.ส.รุ่นลูกต้องยอมจำนนต่อความเก๋าเกมของนายชัย แต่บุคลิกของนายชัย กลับไม่ได้ช่วยคลี่คลายบรรยากาศความขัดแย้งในสภาลงได้ ตรงกันข้าม ได้ซ้ำเติมให้อุณหภูมิในสภา เดือดระอุเต็มไปประท้วงวุ่นวาย ของสองฝ่าย

6.ประธานวุฒิสภา (ประสพสุข บุญเดช) : ประสพสึก

          เป็นภาพสะท้อนถึงการทำงานของนายประสพสุข บุญเดช ที่หลายฝ่ายเห็นว่าไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หลายครั้งที่ประธานวุฒิสภาน่าจะใช้บทบาทความเป็นประธานวุฒิสภาในการร่วมคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติของประเทศแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวุฒิสภาเรียกประชุมด่วนส.ว. ระดมความเห็นจนได้ข้อยุติเสนอต่อรัฐบาล แต่เมื่อเสนอไปกลับไม่ได้รับความใส่ใจจากรัฐบาล โดยที่ประธานวุฒิสภาก็ไม่ยอมดำเนินการใด ๆ ขณะเดียวกันการบริหารงานในหน้าที่ก็ไม่ได้ปักหลักให้มั่นคง โอนอ่อนไปตามแรงกดดันของส.ว.กลุ่มต่าง ๆ ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาจึงมองว่าจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตของความเป็นผู้พิพากษาที่น่าจะเป็นที่คาดหวังของสังคมได้ แต่ก็ไม่ได้ใช้จึงทำให้ชื่อเสียงที่อุตส่าห์สะสมมานานต้องสึกหรอไป เพราะความไม่มั่นคงในจุดยืน

7.ดาวเด่น : ชวลิต วิชยสุทธิ์  (ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย)

          เนื่องจากนายชวลิตได้ปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สะท้อนผ่านกระทู้ถาม กระทู้สด การอภิปราย อย่างเป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช้คำพูดเสียดสี ปราศจากบุคลิกแข็งกร้าวและคำพูดก้าวร้าว เป็นแบบอย่างการทำหน้าที่ของส.ส.ท่ามกลางสภาพขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก ณ ขณะนี้ สื่อมวลชนเสียงส่วนใหญ่จึงโหวตให้นายชวลิต ดาวเด่นประจำปี 2553

8.ดาวดับ : กลุ่ม 40 ส.ว.

          ซึ่งประกอบด้วยส.ว.เลือกตั้ง อดีตมือตรวจสอบภาคประชาชน อย่าง รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. และส.ว.สรรหา อาทิ นายสมชาย แสวงการ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายประสาร มฤคพิทักษ์ ซึ่งเป็นความหวังในการเข้ามาตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อย่างไรก็ดี เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ผลงานถดถอยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงปีสุดท้ายของวาระส.ว.สรรหา ไม่มีผลงานการตรวจสอบที่เป็นรูปธรรม แต่กลับมีการส่งเอสเอ็มเอสแจ้งสมาชิกไม่ให้เข้าร่วมประชุมกรณีที่วุฒิสภานัดประชุมด่วนเพื่อหาทางออกให้ประเทศ กรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงเดือยเมษายน-พฤษภาคม และเพิกเฉยที่จะตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างจริงจังหลังจากมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บเกือบ 2,000 ราย ผิดกับกรณีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลืองหน้ารัฐสภาเมื่อปี 51 นอกจากนี้ บางรายยังมีการใช้ตำแหน่งโอบอุ้มคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรณีรักษาการผู้ว่าการสตง. รวมถึงการไม่มีผลงานตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เหมือนที่เคยประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มไว้

9.คู่กัดแห่งปี : อภิวันท์ VS บุญยอด 
         
          พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยที่มาเนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ พ.อ.อภิวันท์ ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายบุญยอดจะลุกขึ้นประท้วงและอภิปรายโจมตีการทำหน้าที่ประธานของพ.อ.อภิวันท์ แทบทุกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าพ.อ.อภิวันท์ เคยขึ้นเวทีคนเสื้อแดงและมีข้อหาบุกรุกหน้าบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ จึงเรียกร้องให้แสดงจริยธรรมด้วยการลาออกตามมาด้วยการแถลงข่าวขับไล่อีกนับครั้งไม่ถ้วน โดยครั้งหนึ่งในการไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 นายบุญยอด ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำกลุ่ม นปช. แต่พ.อ.อภิวันท์ วินิจฉัยว่านายจตุพร มีเอกสิทธิ์ส.ส. สร้างความไม่พอใจให้นายบุญยอดและโยงความสัมพันธ์แกนนำเสื้อแดงมาถึงพ.อ.อภิวันท์ จนเกิดความปั่นป่วน สุดท้ายพ.อ.อภิวันท์ ได้ใช้อำนาจประธานที่ประชุมเชิญนายบุญยอดออกจากห้องประชุมด้วยเหตุผลเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย  

10.คนดีศรีสภา : ทิวา เงินยวง

          คนดีศรีสภาปีเสือดุตกเป็นของ "อาจารย์ทิวา เงินยวง" ผู้ทำหน้าที่ตัวแทนของปวงชน และส.ส. เขต 6 กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ตราบลมหายใจสุดท้าย แม้ช่วงป่วยเป็นโรคมะเร็งร้ายคุกคาม ในยุคส.ส.ชอบกระโดดร่ม หรือบางช่วงมีมวลชนเสื้อแดงมาปิดล้อมสภา ก็ไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณนักการเมืองมืออาชีพถดถอยลง ยังเดินทางมาร่วมประชุมสภาอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งในช่วงวิกฤติการเมืองแตกแยกทางความคิดลุกลามเข้ามาในสภา ก็ไม่ได้กระทบต่อการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ท่านวางตัวได้เหมาะสม ไม่เล่นเกมการเมือง ใช้เหตุผลอภิปรายในสภาอย่างมีสติ ไม่ใช่อารมณ์ จนเป็นที่เคารพของส.ส.ต่างพรรค ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองระดับชาติที่ควรเดินตาม

11.ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นปีที่ 2 ที่ไม่มีการตั้งฉายา

          เนื่องจากพรรคเพื่อไทยยังคงไม่ตั้งหัวหน้าพรรคจากบุคคลที่เป็นส.ส.อยู่ในสภา ทำให้ไม่สามารถแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 110 บัญญัติว่า ผู้นำฝ่ายค้านคือ ส.ส.ผู้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่ ส.ส.สังกัดของพรรคตนมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และมีจำนวนมากที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองที่ส.ส.ในสังกัดมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรในขณะแต่งตั้ง เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กรณีดังกล่าว สื่อมวลชนประจำรัฐสภา จึงมีมติเอกฉันท์ งดการตั้งฉายาผู้นำฝ่ายค้าน ในฉายารัฐสภาประจำปี 2553


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แรง!! สื่อตั้งฉายารัฐสภาปี 53 หลังยาว ผลาญภาษี อัปเดตล่าสุด 30 ธันวาคม 2553 เวลา 11:48:07 13,155 อ่าน
TOP