บอมบ์สูท
บอมบ์สูท
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
ล่าสุด พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.สพ. ได้เปิดเผยกรณีเจ้าหน้าที่สวมบอมบ์สูทเข้าปฏิบัติงานแล้วโดนระเบิดชนิดบังคับจากมือถือของคนร้ายจนเสียชีวิตว่า บอมบ์สูทของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นยี่ห้อ MED-ENG รุ่น MK 8 หรือ EOD 8 ซึ่ง สพ.จัดซื้อเมื่อปีพ.ศ. 2547 และมอบให้หกับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดละ 3 ชุด รวม 9 ชุด เป็นชุดที่มีแผ่นเกราะใยสังเคราะห์ประเภทอารามิดเป็นวัสดุป้องกัน ซึ่งผู้ผลิตรับรองอายุการใช้งาน 5 ปี ทั้งนี้หากเก็บรักษาอย่างดี ไม่ถูกน้ำ, แสงแดด หรือความชื้น เป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้บอมบ์สูทมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น โดยมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันสะเก็ดระเบิดขนาด 17 เกรน (ประมาณ 300 กรัม) ตามมาตรฐาน V50 (มาตรฐานนาโต) ได้ที่ 400-800 เมตรต่อวินาที หรือป้องกันระเบิดน้ำหนักประมาณ 1-2 ปอนด์ ระยะประมาณ 3 เมตร มีแผ่นเกราะแข็งที่สามารถป้องกันสะเก็ดระเบิดได้ที่ความเร็วไม่เกิน 1,600 เมตรต่อวินาทีได้ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับการสนับสนุนบอมบ์สูท รุ่น EOD 9 อีก 2 ชุดจากกองทัพบก ซึ่งได้รับบริจาคจากรัฐบาลประเทศออสเตรเลียใช้ประจำที่ ศชต. และ บช.น.
แต่จากกรณีดังกล่าว เป็นการกดระเบิดให้ระเบิดในระยะประชิดมาก และอาจเป็นเพราะคนร้ายอาจประกอบระเบิดที่มีความสามารถในการทำลายล้างสูงมากกว่าที่บอมบ์สูทจะรับมือ จึงทำให้บอมบ์สูทไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดได้ ส่งผลให้ ด.ต.กิตติ มิ่งสุก ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ตชด.447 และ จ.ส.ต.กฤษฎา ทองโอ ผบ.หมู่ (จร.) สภ.สุไหงปาดี จว.นราธิวาส ต้องเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ไปอย่างน่าเสียดาย
บอมบ์สูท
โดยก่อนหน้านี้ กรรมาธิการวิสามัญติดตามปัญหาภาคใต้ วุฒิสภา ลุยสอบ "บอมบ์สูท" หมดอายุ ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ระเบิด เสียชีวิต 1 นาย
จากเหตุระเบิดที่ ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ทำให้ ด.ต.กิตติ มิ่งสุข เจ้าหน้าที่เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 447 ต้องเสียชีวิตในชุดป้องกันอันตรายจากแรงระเบิด หรือ "บอมบ์สูท" ส่งผลให้ คณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามปัญหาภาคใต้ วุฒิสภา นำประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุม เมื่อวันพุทธที่ 5 ที่ผ่านมา
ทางด้าน นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา จ.ปัตตานี หนึ่งในคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจะขอข้อมูลไปยัง ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้อธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมด และอาจต้องเชิญเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงด้วย เนื่องจาก เหตุการณ์ที่ อ.สุไหงปาดี เป็นเรื่องอ่อนไหวและละเอียดอ่อนมาก ถือเป็นบทเรียนที่ต้องนำมาพูดคุย เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีกในอนาคต เพราะความผิดพลาดนั้นมาจากทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะเรื่องของยุทโธปกรณ์ ทั้งชุดป้องกันอันตรายจากแรงระเบิดหมดอายุ และกรณีของหุ่นยนต์กู้ระเบิดที่มีปัญหา ขณะปฏิบัติหน้าที่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
, 
