x close

กอร์ปศักดิ์ ย้ำ นายกฯ ยุบสภาครึ่งปีแรกแน่






กอร์ปศักดิ์ย้ำนายกฯ ยุบสภาครึ่งปีแรกแน่ (ไอเอ็นเอ็น)

         
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ย้ำ นายกรัฐมนตรี  ยุบสภาในครึ่งปีแรก แน่นอน พร้อมโยน รองฯสุเทพ คุยพรรคร่วมจับมือตั้งรัฐบาล

          นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. โดยมั่นใจว่า ครึ่งปีแรก รัฐบาลจะยุบสภาอย่างแน่นอน โดยพรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดทำแผนเลือกตั้งไว้แล้ว ชูนโยบายที่ประสบความสำเร็จของรัฐลบาล อาทิ นโยบายประกันรายได้ นโยบายเพิ่มทุนการศึกษา อีกร้อยละ 25 นโยบายทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชานมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และโครงการก่อสร้างรถไฟไทย - จีน โดยนโบายต่างๆ จะชี้ใเห็นว่าทำได้จริง โดยเฉพาะ โครงการก่อสร้างรถไฟไทย - จีน ซึ่งไม่ได้หวังเจาะฐานเสียงภาคใดเป็นพิเศษ แต่ต้องการทำให้พี่น้องภาคอีสานมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยการส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ประเทศจีน 

          อย่างไรก็ตาม สำหรับตนนั้น ดูเฉพาะเรื่องยุทธศาตร์ ส่วนเรื่องการหารือพรรคร่วมรัฐบาลจัดตั้งรัฐบาล และการคัดเลือกผู้ลงสมัคร ส.ส. นั้น เป็นหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาล คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกันนี้ ยังชื่นชม นายกฯ ว่าเป็นคนเก่ง และเป็นคนที่ชาวบ้านรัก โดยจะเห็นได้จากการลงพื้นที่ จะมีประชาชนมาห้อมล้อมจำนวนมาก มีการขึ้นเวทีต่างประเทศบ่อย แต่ยอมรับว่า บางเรื่อง นายกฯ ไม่มีประสบการณ์ เช่น ด้านเศษฐกิจ ขณะเดียวกันยังแนะให้มีการดีเบตกันระหว่าง นายกฯ กับแกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร นาย ก. หรือ นาย ข. 

          นายกอร์ปศักดิ์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนตัว ไม่ได้คาดหวังว่าจะกลับเข้าไปนั่งเก้าอี้ ครม. หรือไม่ และไม่ได้รู้สึกน้อยใจที่ถูกจับให้ไปนั่งตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เพราะไม่มีใครจับตนได้ ตนมานั่งเอง พร้อมยืนยัน จะทำงานกับประชาธิปัตย์ต่อไป แต่จะไม่ลงสมัคร ส.ส. แล้ว เพราะเป็น ส.ส.มา 20 ปี แล้ว จึงอยากพักบ้าง

          คำต่อคำ บทสัมภาษณ์ ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ 

          พุทธอภิวรรณ : จากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯมานั่งกำกับดูแลยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง อันไหนยากกว่ากัน

          กอร์ปศักดิ์ : มันก็ง่ายทั้งคู่และก็ยากทั้งคู่แต่ที่เราพอจะควบคุมได้คืองานเลขา  เพราะว่าเราจะทำงานกับข้าราชการเราพอจะเดาทิศทางได้แต่ว่าพอมาเลือกตั้งการเดาอนาคตจะยากมากๆเพราะเรากำลังพูดถึงเดาจิตใจประชาชนซึ่งจะมาลงคะแนนกัน 40 กว่าล้านคนยากมาก

          พุทธอภิวรรณ : เดาใจยากแต่ดูเหมือนว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์หมายมั่นปั้นมือ ว่าศึกเลือกตั้ง ต้องได้ส.ส.มากกว่าเดิม

          กอร์ปศักดิ์ : เวลาเราลงสนามจะมาคิดว่าเราแพ้ มันก็แพ้ตั้ง  แต่ก่อนลงคงจะไม่ใช่   แต่เราก็มีเหตุผลว่าเวลาเราได้เป็นรัฐบาล 2 ปีเราทำงานสิ่งที่เราบอกว่าเราจะทำสิ่งที่เราคิดว่าเราจะทำสิ่งที่เราสัญญาว่าเราจะทำเราทำได้หมด ครบหมดเลยเพราะฉะนั้นเราก็มีความมั่นใจว่าไม่ว่าเราจะเสนออะไรเราเชื่อว่าประชาชนมีความสบายใจเพิ่มขึ้นว่าเขาคงทำได้หเมือนกับที่เขาเคยสัญญาไว้คราวที่แล้ว

          พุทธอภิวรรณ : แสดงว่ายังมั่นอกมั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นก่อนช่วงนี้
 
          กอร์ปศักดิ์ : อุบัติเหตุไม่มีใครมั่นใจหรอก เขาถึงเรียกว่าอุบัติเหตุเพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นมาโดยเราไม่คาดเพราะฉะนั้นไม่มีใครบอกเราวันนี้ออกไปรถชนแน่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นถ้าเราจะบอกว่าอุบัติเหตุทางการเมืองจะเกิดขึ้นไหมถ้ามันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครรู้เดาไม่ได้แต่ว่าเราก็ต้องบอกว่าสิ่งที่เรากำลังทำใครได้ประโยชน์สูงสุด   ถ้าเราคิดว่าการที่เราเดินกลับไปที่คูหาเพื่อให้ประชาชนเขาได้ใช้สิทธิ์เขาเลือกตั้งเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชนเราก็คิดว่าทุกคนน่าจะคิดเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็ต้องคิด ทุกคนน่าจะคิดถึงประชาชนเป็นหลักไม่ควรจะคิดถึงตัวเองเราก็ต้องตั้งสมมุติฐานอย่างนี้

          พุทธอภิวรรณ : ปัจจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจก็ดี  เรื่องจะต้องไม่มีการต่อต้านในการหาเสียง ถึงวันนี้มันพร้อมหรือยัง

          กอร์ปศักดิ์ : ท่านวางไว้ 3 อย่างในเรื่องเศรษฐกิจถามว่าดีไหมตอนนี้ก็ดีแต่ก็ยังไม่ดีที่สุดถึงที่สุดแต่เรื่องเศรษฐกิจมาได้ระดับนี้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว อันที่สองก็คือเรื่องกติกาถ้าดูจากเสียงผู้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียงค่อนข้างจะมาก เหมือนกับว่าตัวแทนประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภามีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า น่าจะพอใช้ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้  เพราะฉะนั้นสองส่วนนี้เรียบร้อยแล้วเหลืออันเดียว ไปเลือกตั้งแล้วมีตีหัวกันหรือป่าวประชาธิปัตย์ไปหาเสียงในถิ่นคนเสื้อแดงจะถูกไล่ออกมาไหมซึ่งตรงนี้ผมว่าไม่มีใครรู้ 

           พุทธอภิวรรณ : หมายความว่าถ้าสถานการณ์ยังไม่นิ่งนายกฯก็ยังไม่จำเป็นต้องยุบสภาตอนนี้

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่ใช่ เพราะว่ายุบแล้วอาจจะนิ่งก็ได้ ถูกไหม วันนี้มันไม่นิ่งพอยุบปุ๊บนิ่งหมดเลยหรือวันนี้มันไม่นิ่งหรือทำท่าจะนิ่งพอยุบปุ๊บตีกันเลย อย่างนี้มันเป็นเรื่องของอนาคต   ผู้บริหารก็คือตัวท่านนายกฯ ถ้าท่านยุบไปท่านต้องมั่นใจลึกๆในตัวท่านเองว่าฉันยุบแล้วหาเสียงกันได้และประชาชนก็ได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งและก็จะได้รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย

          พุทธอภิวรรณ : นายกฯไม่เคยมาบอกหรือส่งสัญญาณให้ทราบเลยหรอ

          กอร์ปศักดิ์ : ท่านไม่รู้ว่าใกล้หรือไม่ใกล้

          พุทธอภิวรรณ : ไม่ปรึกษากันเลยหรอ

          กอร์ปศักดิ์ : คุยกันแต่เราไม่รู้อนาคตความ หมายก็คือว่าเราคุยกันและก็บอกว่าเสร็จทีละอย่างๆนะหรืออะไรบ้างแต่ถ้าถามท่านว่าตกลงท่านจะยุบเมื่อไหร่ท่านก็ตอบ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันเวลานี้ก็กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเป็นช่วงไหนอย่างไง

          พุทธอภิวรรณ : ไม่ใช่ประชาธิปัตย์แทงกั๊กไปเรื่อยๆ 

          กอร์ปศักดิ์ : ผมเคยบอกว่าผมเดาว่าน่าจะเป็น 6 เดือนแรกมากกว่า 6 เดือนหลัง และผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมเดาก็น่าที่จะใกล้ความจริง เพราะประชาธิปัตย์ก็ต้องถามตัวเองว่าถ้าจะอยู่นานอยู่เพื่ออะไร 

          พุทธอภิวรรณ : ยุทธศาสตร์หาเสียงต้องเน้นตรงใจประชาชนให้มากที่สุด
 
          กอร์ปศักดิ์ : แน่นอนอยู่แล้วมันไม่ใช่เพียงตรงใจประชาชนเท่านั้นต้องเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ใช่บอกว่าชาวบ้านอยากจะเพิ่มรายได้และก็บอกว่าค่าแรงขั้นต่ำเวลานี้ 200 บาท ให้ 500 เลย อย่างงี้พูดได้แต่มันทำไม่ได้หรือว่าเบี้ยยังชีพที่เราให้มา 500 ตลอดแต่ว่ารัฐบาลในอดีตให้ไม่ครบให้เฉพาะคนที่เส้นสายดีรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ก็บอกว่า 500 บาทได้ครบทุกคนและก็ได้อาจจะมีบางท่านบอก 500 น้อยไปเอาไป 1000 อย่างนี้โดนใจแน่แต่ทำไม่ได้ มันทำไม่ได้เพราะเราไม่มีเงินพอเพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคิดเราต้องคิดว่า 1.โดนใจ 2.ทำได้จริงและเป็นประโยชน์กับส่วนรวม อันนี้สำคัญมาก 

          พุทธอภิวรรณ : จะเอานโยบายที่กำลังเกิดขึ้น  หรือเอาสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว  หาเสียง

          กอร์ปศักดิ์ : มันก็มีของใหม่เพราะประเทศก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ  ยุทธศาสตร์ของเราขณะนี้ก็คือว่าเราต้องบอกผู้ที่เขามีสิทธิ์ 40 กว่าล้านคนให้ความมั่นใจกับเขาได้ว่าถ้าเลือกเรา เราเดินหน้าต่อได้แล้วก็ถ้าเลือกพรรคอื่นอาจจะย่ำอยู่กับที่อันนี้ก็คือประเด็นของเราถ้าเลือกเราเราเดินหน้าต่อไปเป็นนโยบายเพื่อประชาชนถ้าเลือกอีกพรรคนึงมันเพื่อคนๆเดียวหรือป่าวและมันกลับไปอยู่กับที่หรือป่าวอันนั้นประชาชนก็เลือกเอาตัดสินใจเอา

          พุทธอภิวรรณ : อะไรที่จะบอกกับประชาชนว่าเลือกเราแล้วจะก้าวไปข้างหน้า

          กอร์ปศักดิ์ : เราก็จะมีนโยบายที่ชัดเจน

          พุทธอภิวรรณ : บอกได้ไหมตอนนี้

          กอร์ปศักดิ์ : อย่างนโยบายประกันรายได้ เราจะเพิ่มทุนตัวนี้อีก แต่อยู่ในประมาณร้อยละ 25 ที่จะเพิ่มขึ้นเพราะเราคิดว่าตรงนี้หนึ่งก็คือพอจะทำได้   เราไม่ได้บอกว่าค่าใช้จ่ายนี้มันแพงนะเพราะฉะนั้นทุกอย่างห้ามขึ้นๆๆอันนี้พูดได้ทำไม่ได้

          พุทธอภิวรรณ : นโยบายให้ประชาธิปัตย์ต้องเป็นสิ่งที่ประชาชนจับได้จริง

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่เลยทุกอย่างจะชัดเจนว่า ทำได้แน่

          พุทธอภิวรรณ : ขีดเส้นไหมว่ากี่วันแต่ละนโยบายที่ทำออกมา

          กอร์ปศักดิ์ : ขีดสิอย่างรถไฟไทย-จีน ผมกล้าพูดว่าผมเริ่มไว้ตั้งแต่สมัยเป็นรองนายกฯและก็มาเป็นเลขาธิการเพราะฉะนั้นรถไฟไทย-จีน 4 ปีเสร็จ อันนี้ขีดเลย

          พุทธอภิวรรณ : ต้องอยู่ครบเลยอย่างนั้น

          กอร์ปศักดิ์ : ก็ต้องอยู่ครบสิ จะอยู่ไม่ครบทำไม 4 ปีเอง ไม่ดีก็พิจารณาไม่ต้องเลือกแต่ขอสัก 4 ปี ทำรถไฟไทย-จีนให้เสร็จอย่างนี้เป็นต้น รถไฟความเร็วสูงจากสุวรรณภูมิไปที่ระยองอันนี้ก็ต้องเสร็จต้องเสร็จแล้วก็เรามีนโยบายที่ทำมาบตาพุดที่ใสสะอาด ซึ่งก็จับมาตั้งแต่ต้นตรงนั้นก็ต้องเสร็จต้องใสสะอาดเราจะหารายได้ให้กับประเทศเราลดค่าใช้จ่ายเรื่องโลจิสติกโดยการมีรถไฟเราจะมีท่าเรือ เมืองท่าที่ระยองแหลมฉบังก็จะเป็นเมืองท่าใหญ่เราก็จะลงทุนตรงนั้นเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดเราก็จะชี้ให้เห็นว่าทำได้จริง 4 ปีข้างหน้า

          พุทธอภิวรรณ : นั่นหมายความว่าต้องให้โอกาสประชาธิปัตย์กลับมาบริหารเต็มเทอม
 
          กอร์ปศักดิ์ : เราบอกว่าอันนี้คือเดินหน้าต่อ

          พุทธอภิวรรณ : หวังจะเจาะฐานเสียงภาคไหนเป็นพิเศษหรือไม่

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่หรอกเพราะว่าจริงๆแล้วนโยบายพวกนี้ทุกภาคได้รับประโยชน์หมดอีสานจะได้เต็มๆรถไฟไทย-จีน  วิ่งสถานีแรกก็คือหนองคาย หนองคายเมืองอุดร อุดรไปขอนแก่น ขอนแก่นไปโคราช และโคราชถึงจะมากรุงเทพ อันนี้ 4 ปีนะ กรุงเทพไปภาคใต้อีก 4 ปี ภาคใต้ยังไม่ได้นะ 4 ปีแรก

          พุทธอภิวรรณ : นี่แสดงว่าช่วงรณรงค์หาเสียงจะชูยุทธศาสตร์ตัวนี้

          กอร์ปศักดิ์ : ชูหลายอัน

          พุทธอภิวรรณ : แต่ถ้าฟังเหมือนตรงนี้ก็คือเจาะอีสาน

          กอร์ปศักดิ์ : คือเป็นการให้พี่น้องภาคอีสานมีรายได้เพิ่มขึ้นและสินค้าเขาก็ส่งไปขายที่จีนได้ง่ายขึ้น

          พุทธอภิวรรณ : คิดว่าจะเปลี่ยนใจคนอีสานคนทางเหนือให้หันมาชอบประชาธิปัตย์ได้ไหม

          กอร์ปศักดิ์ : ได้บางส่วน

          พุทธอภิวรรณ : ที่ทำไม่ได้เพราะบางส่วนที่ยังไม่รักประชาธัปตย์

          กอร์ปศักดิ์ : ก็เขารักของเขา ก็เหมือนกับทางภาคใต้ของเราพี่น้องภาคใต้รักพรรคประชาธิปัตย์

          พุทธอภิวรรณ : คิดว่าเขารักพรรคหรือว่ารักคุณทักษิณ

          กอร์ปศักดิ์ : ผมไม่ทราบต้องไปถามเขาดู

          พุทธอภิวรรณ : คนวางยุทธศาสตร์ไม่คิดได้ด้วยหรอ

          กอร์ปศักดิ์ : ผมคิดว่าเขาชอบสิ่งที่คุณทักษิณทำแต่ถึงวันนี้คุณทักษิณก็กลับมาไม่ได้เพราะมีคดีติดตัวอยู่ก็เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย  ซึ่งผมไม่ทราบท่านเฉลิมออกมาพูดว่า  นโยบายที่ดี ก็คือว่าพรรคเพื่อไทยเพื่อเอาคุณทักษิณกลับมาซึ่งเราก็บอกอันนั้นเป็นหนังม้วนเก่า เพราะคราวที่แล้วตอนท่านสมัครเป็นนายกฯก็คุณทักษิณก็กลับมาของเราบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับใครเลยเลือกเราเดินหน้าต่อเพื่อประชาชน

          พุทธอภิวรรณ : แสดงว่า ณ วันนี้ยุทธศาสตร์ที่เรากำลังจะทำเราหวังว่าจะได้ส.ส.เพิ่ม

          กอร์ปศักดิ์ : แน่นอน

          พุทธอภิวรรณ : เท่าไหร่ ถึง 200 กว่าเลยไหม
 กอร์ปศักดิ์   : ก็อยากจะตั้งเป้าไว้ 250 ขึ้นแต่เป้าก็คือเป้า

          พุทธอภิวรรณ : เพื่อไทยเขาจะบอก ปชป.ขี้คุย 

          กอร์ปศักดิ์ : ก็ไม่เป็นไร

          พุทธอภิวรรณ : อะไรที่มั่นใจว่า 250 ขึ้น 
 
          กอร์ปศักดิ์ : ถ้าของเราดีจริงและเรามีโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจกันอย่างแท้จริงและถ้าเราสามารถที่จะบอกพี่น้องประชาชนว่าของเราดีสำหรับท่านนะไม่ได้ดีสำหรับใครเลยไม่ได้เกี่ยวกับใคร ๆ คนหนึ่งคนใดแต่เกี่ยวกับสิ่งที่เราพูดอยู่เสมอว่าประชาชนต้องมาก่อนผมว่าเรามีโอกาสนะ

          พุทธอภิวรรณ : คุณทักษิณเองประกาศออกมาตลอดเวลาว่ากำลังจะเปิดแผนเรื่องเศรษฐกิจหวั่นใจไหม

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่หวั่นใจหรอกก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนว่าจะเชื่อใคร ท่านเลือกเองเพราะว่ามันเป็นเรื่องของประชาธิปไตยว่าแข่งขันกันเราเอานโยบายมานำเสนอนโยบายเสร็จเราก็ถามว่าใครทำได้นโยบายของเราก็คือท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะท่านเคยสัญญาไว้แล้วว่าจะทำ 1 2 3 4 5 ท่านอยู่เพียง 2 ปี ท่านทำได้ครบหมดของคุณทักษิณก็ต้องถามว่าใครจะมาทำเพราะคุณทักษิณมาไม่ได้ ยกเว้นคุณทักษิณยอมที่จะเดิน..(พิธีกรพูด...-เข้าสู่เรือนจำ-.....) ก็แล้วแต่ตามระบอบว่าท่านก็มีคดีเยอะ

          พุทธอภิวรรณ : คิดไหมว่าหาเสียง บางพื้นที่ เดี๋ยวจะไปทับซ้อนกับพรรคร่วม

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่ใช่หน้าที่ผมของผมทำด้านยุทธศาสตร์ ความหมายก็คือเรื่องนโยบายกับยุทธศาสตร์สอดคล้องกันพอสมควร

          พุทธอภิวรรณ : การไปตกลงกับพรรคร่วมต่างๆไม่เกี่ยวกับคุณ

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่เกี่ยวกับผมและก็คงไม่มีใครไปตกลงอะไรกับใครหรอก

          พุทธอภิวรรณ : ถ้าจะจับไม้จับมือทำงานกันต้องคุยกันก่อนไหม

          กอร์ปศักดิ์ : มันทำไม่ค่อยได้หรอกผมไม่ทราบว่าใครไปทำบ้างนะแต่ผมคิดว่าในระบอบประชาธิปไตยพอถึงเวลาเลือกตั้งแล้วก็ตัวใครตัวมันแล้ว  เมื่อได้ตัวเลขมาตัวเลขอันนั้นมันเป็นสัญญาณจากประชาชนว่าประชาชนส่วนนึงชอบพรรคนี้ประชาชนอีกส่วนนึงชอบพรรคไหน หลังจากได้ตัวเลขแล้วมานั่งคุยกัน

          พุทธอภิวรรณ : ถ้าสมมุติว่า ปาร์ตี้ลิสต์  เลือกแบบถล่มทลายควรจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลไหม

          กอร์ปศักดิ์ : น่าสนใจที่ผมว่าน่าสนใจก็เพราะว่าเวลาคนไปเข้าคูหามี 2 ใบ ใบนึงเลือกพรรค ใบนึงเลือกผู้สมัครในพื้นที่  เขาอาจจะชอบพรรคนี้มากพรรคนี้ได้เยอะเลย  แต่ไม่เคยชอบผู้สมัคร เป็นการเลือกที่ขัดกันต่างกันพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนจะเป็นพรรคเราหรือพรรคเพื่อไทยก็แล้วแต่อาจจะได้ปาร์ตี้ลิสน้อยแต่ได้ส.ส.มาก   หรืออาจจะได้ปาร์ตี้ลิสมากได้ส.ส.น้อย  อันนี้ก็จะเป็นการบ้านที่จะต้องคิดต่อว่าจริงๆแล้วทำยังไงแต่ท้ายที่สุดมันอยู่ที่ว่าพรรคการเมืองเขาจะรวมตัวกันเพื่อให้ได้เสียงข้างมากแบบไหนพูดง่ายๆใครผสมกับใคร

          พุทธอภิวรรณ : ไม่ใช่เป็นการโยนหินถามทางเผื่อว่าวันนึงประชาธิปัตย์ได้ส.ส.เขตน้อยแต่ได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะ
 
          กอร์ปศักดิ์ : หรือส.ส.ประชาธิปัตย์ได้เครดิตมากแต่ปาร์ตี้ลิสน้อยจะไปถามทำไม ไม่มีใครถามหรอกแต่เป็นสิ่งที่ผมโยนออกไปเพื่อให้สังคมได้เริ่มคิดว่าในระบอบเป็นครั้งแรกที่เราจะมีระบบบัญชีรายชื่อที่มีจำนวนถึง 125  ก็ต้องนั่งคิด  เกิดพรรคการเมืองพรรคนึงได้เป็นร้อย คน มันแสดงได้ปาร์ตี้ลิสต์สูงถึงร้อยละ 70-80%    คนในประเทศบอกว่าอยากได้พรรคนี้เป็นพรรครัฐบาล  มันเป็นการบ้านนะที่จะบอกว่า ถามทางหรือจะบอกว่าเตรียมไว้อย่างนู้นอย่างนี้ไม่มีใครเตรียมอะไรได้หรอก  เพราะว่ามันอยู่ที่คนเขาไปกากบาทว่าเขาจะกาเลือกใคร

          พุทธอภิวรรณ : ความเป็นจริงมันเป็นไปได้ไหมที่จะเลือกส.ส.เขตจำนวนนึง หรือว่าปาร์ตี้ลิสจำนวนมากแบบโดดลิ่วเลย

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่ทราบผมว่ายาก

          พุทธอภิวรรณ : ในความเป็นจริงอย่างส.ส.เขตกับสัดส่วน  ส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกเท่าๆกัน

          กอร์ปศักดิ์ : ก็ดีถ้าเป็นอย่างงั้นก็จะได้หมดปัญหาผมไม่เถียงเลย ผมอยากให้เป็นอย่างงั้น เพราะฉะนั้นเวลาเพื่อไทยไปหาเสียงเพื่อไทยก็อาจจะบอกเลยว่าถ้าเลือกเพื่อไทยก็กา 2 เบอร์ผมก็จะบอกถ้าเลือกประชาธิปัตย์ก็กา 2 เบอร์ กาเบอร์เดียวทั้ง 2 ใบก็ง่ายดี

          พุทธอภิวรรณ : ถ้ากลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งนึงทิศทางของคุณกอร์ปศักดิ์หลังจากนี้

          กอร์ปศักดิ์ : ของผมไม่ค่อยสำคัญความหมายของผมก็คือว่าผมก็เป็นเพียงคนๆนึงเท่านั้นผมก็กำลังคิดอยู่ในเรื่องตัวของตัวเองแต่ผมคิดว่าเรื่องของผมไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตเรื่องของเราก็คือว่ายุทธศาสตร์มันดีนะแล้วก็ท่านนายกฯถ้าท่านได้มีโอกาสเข้าไปทำงานถ้าท่านต้องการจะใช้ผมท่านก็ใช้ผมได้อยู่แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร

          พุทธอภิวรรณ : ไม่ได้วางว่าจะต้องกลับเข้าไปมีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล

          กอร์ปศักดิ์ : ถ้าผมเป็นรองนายกฯ ท่านนายกฯไม่มีเลขา ผมก็ลาออกจากรองนายกฯ มาเป็นเลขา พอถึงเวลาจะเลือกตั้งไม่มีคนทำ  ผมก็ลาออกมาได้ ก็ไม่เห็นเป็นไร

          พุทธอภิวรรณ : ไม่ใช่เป็นอาการน้อยใจที่โดนย้ายจับมานั่งตรงนั้นตรงนี้

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่มีใครจับผมหรอกผมจับตัวผมเองไม่มีปัญหาหรอก

          พุทธอภิวรรณ : ถูกมองว่าไปว่าไปขัด  กรณ์ จาติกวณิช หรือป่าว

          กอร์ปศักดิ์ : ก็พูดกันหลายครั้งให้สัมภาษณ์ไปหลายหนว่าถ้าขัดเพียงแค่นี้ และก็สะบัดก้นลาออกมันก็เด็กมากๆเลยนะ  เพราะมันไม่ใช่เรื่อง เป็นเรื่องไร้สาระแต่ว่าไม่ควรหรอกและมันก็เป็นไปไม่ได้

          พุทธอภิวรรณ : แสดงว่าคุณกอร์ปศักดิ์ก็จะทำงานกับประชาธิปัตย์ต่อไป

          กอร์ปศักดิ์ : แน่นอน 

          พุทธอภิวรรณ : นานขนาดไหน

          กอร์ปศักดิ์ : ก็จนเลิก 

          พุทธอภิวรรณ : จนเลิกนี่คือ

          กอร์ปศักดิ์ : แล้วแต่ว่าจะเลิกเมื่อไหร่ ไม่เล่นการเมือง

          พุทธอภิวรรณ : ยังไม่วางอนาคตทางการเมือง

          กอร์ปศักดิ์ : ผมไม่ต้องวางเพราะว่าคราวที่แล้วไม่ได้สมัครส.ส.เที่ยวนี้ก็คงต้องขอ อนุญาตพรรคว่าจะไม่สมัครส.ส.อีก เพราะว่าเล่นมานานแล้วเป็นผู้แทนมา 20 กว่าปีแล้ว

          พุทธอภิวรรณ : เบื่อไหม

          กอร์ปศักดิ์ : ไม่เบื่อหรอกก็สนุกดีแต่ว่าคนเรามันไม่ได้มีอย่างเดียวที่ต้องทำมีหลายอย่าง

          พุทธอภิวรรณ : มองนายกฯยังไง

          กอร์ปศักดิ์ : ผมว่าท่านเก่งนะความอดทนไม่ต้องพูดถึงผมยังคาดไม่ถึงว่าจะอดทนเก่งขนาดนี้คือว่าสู้ได้เหมือนกับว่ายิ่งมีอะไรหนักยิ่งสู้  อันนี้ต้องยอมรับว่าท่านเก่ง  ผมว่าท่านก็เป็นคนที่ชาวบ้านรักมากคนนึงสังเกตุได้เวลาออกไปพื้นที่คนก็เข้ามาห้อมล้อมเยอะ  ท่านเป็นคนที่สังคมชอบเชิญผมชอบ นายกฯบางคนไม่มีใครเชิญไปไหนเลย  แต่ว่าอันนี้เชิญวันนึงเป็นสิบๆรายการแล้วท่านก็เป็นคนเกรงใจก็ต้องออกบ่อยๆ อออกบ่อยก็มีคนนินทาเพราะชอบออกไป จริงๆไม่ใช่ จริงๆไปสักงานนึงปฏิเสธไป 9 งานแล้วอย่างนี้ เพราะฉะนั้นหลายๆอย่างดีๆ เวทีทางต่างประเทศไม่ได้ใครเลย  น่าจะเป็นนายกฯคนแรกมั้งที่พบกับประธานาธิบดีสหรัฐจนเบื่อพบกันประมาณ 3-5 ครั้ง เพราะฉะนั้นก็ผมว่าโอเคนะไม่ใช่ว่าพวกกันเองเชียร์กันเองนะแต่ผมดูแล้วเปรียบเทียบแล้วบางอย่างท่านอาจจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องเช่นธุรกิจแต่ก็มีข้อดีเหมือนกันเพราะท่านก็จะไม่ลำเอียงเนื่องจากไม่เคยอยู่ในธุรกิจซีกไหนเลย

          พุทธอภิวรรณ : ไม่สนใจจริงหรอว่าเพื่อไทยชูใครขึ้นมาเป็นนายก

          กอร์ปศักดิ์ : สนใจมากแต่พูดไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าไปโจมตีกัน

          พุทธอภิวรรณ : เพราะเชื่อว่าทางด้านเพื่อไทย เขาก็ต้องมองว่า  เขาจะทำยังไงสู้กับคุณอภิสิทธิ์
 
          กอร์ปศักดิ์ : ใช่ และสิ่งที่ดีที่สุดก็ คือต้องจับ 2 คนมาออกทีวีด้วยกัน อันนั้นดีสุดและก็ให้เขามีดีเบตกันให้มาพูดคุยกันให้มาเถียงกันเรื่องนโยบายและให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจเช่นแต่ละครั้งเขาไม่เคยขึ้นมาไม่เคยออกมาถ้าอย่างงี้ก็ต้องขอกันอยู่เรื่อยๆ  อย่างนี้บางทีก็ต้อง 2 ต่อ 2 แบบนี้

          พุทธอภิวรรณ : ถ้ามั่นใจว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลแน่ๆ  ฝ่ายค้านก็บอกก็ยุบสภาซะ  จะได้พิสูจน์กันเร็วๆ

          กอร์ปศักดิ์ : จวนแล้ว

          พุทธอภิวรรณ : ครึ่งปีแรก

          กอร์ปศักดิ์ : ผมเดาไว้ว่าครึ่งปีแรก แต่มันมีหลายอย่างนะอย่างเช่นขณะนี้อภิปรายไม่ไว้วางใจเขาก็ยังไม่ได้ยื่นเราก็ยังไม่รู้ว่ายื่นเมื่อไหร่ซึ่งเขาต้องยื่นแน่ภายในไม่สิ้นเดือนนี้ก็ต้องต้นเดือนหน้าเพราะฉะนั้นเมื่อยื่นเสร็จก็ยุบสภาไม่ได้ก็อีกตั้ง 2 อาทิตย์

          พุทธอภิวรรณ : มารยาทจริงๆ แล้วต้องบอกกับพรรคร่วมไหมถ้าจะยุบสภา

          กอร์ปศักดิ์ : น่าสนใจคำถามนี้นะแต่ผมก็ไม่เกี่ยวตัวผมไม่เกี่ยวผมไม่ทราบอันนี้ต้องถามท่านสุเทพ

          พุทธอภิวรรณ : คนเป็นเลขาธิการนายกฯไม่มีความสนิทถึงขนาดที่นายกฯจะบอกเรื่องลึกๆลับๆให้คุณกอร์ปศักดิ์รู้บ้างเลยหรอ
 
          กอร์ปศักดิ์ : อย่างนี้มันไม่ลับอะไรหรอกเพราะว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่ผมพยายามมีขอบเขตของการรับผิดชอบของผม  อะไรบางอย่างผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว และก็ไม่ถาม  แล้วท่านนายกฯเองก็ไม่บอกในเรื่องของพรรคร่วม ไม่ค่อยเกี่ยวกับผมหรอก  มันเป็นเรื่องของท่านผู้จัดการรัฐบาลหรือท่านสุเทพเหมือนกับการเลือกตั้งในเรื่องของคัดตัวผู้สมัครผมก็ไม่เกี่ยวนะ ไม่เกี่ยวเลย

          พุทธอภิวรรณ : วางยุทธศาสตร์ต้องมีการมานั่งคุยกับส.ส.ด้วย
 
          กอร์ปศักดิ์ : ทุกอาทิตย์

          พุทธอภิวรรณ : ส.ส.รับได้หมดไหม
 
          กอร์ปศักดิ์ : ยังไม่ได้คุยเลยในเรื่องนโยบายแต่มีตัวแทนมานั่งแล้ว

          พุทธอภิวรรณ : เพราะฉะนั้นหลังจากนี้มั่นใจ

          กอร์ปศักดิ์ : มันต้องมั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจมันไม่มีกำลังใจ

          พุทธอภิวรรณ : แต่ไม่ถึงขนาดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
 
          กอร์ปศักดิ์ : มันก็อยากทำแต่ว่าทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนนะสิ่งดีของระบอบประชาธิปไตยก็คือว่านักการเมืองอยากได้นู่นอยากได้นี่แต่ถ้าเขาไม่เลือกก็จบ

          พุทธอภิวรรณ : ในพรรคประชาธิปัตย์มีการนั่งวิเคราะห์ไหม ว่าครบ 2 วาระของการเป็นนายกฯ ของคุณอภิสิทธิ์ ตัวเลือกต่อไปจะเป็นใครในประชาธิปัตย์

          กอร์ปศักดิ์ : เอาอันแรกก่อนดีกว่า ให้ครบ 2 วาระก่อนดีกว่า วาระแรกยังไม่ถึงเลย




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กอร์ปศักดิ์ ย้ำ นายกฯ ยุบสภาครึ่งปีแรกแน่ อัปเดตล่าสุด 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 16:50:22 4,296 อ่าน
TOP