เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ThaiArmedForce.com, Facebook ThaiArmedForce
ผู้บัญชาการทหารอากาศ รับมอบเครื่องบินกริพเพน 6 เครื่อง จากสวีเดน เข้าประจำการที่ กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี ขณะอีก 6 เครื่อง จะส่งมอบให้ไทยในปี 2556
พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีต้อนรับเครื่องบินกริพเพน 39 ซีดี จำนวน 6 เครื่อง จากประเทศสวีเดน ซึ่งองค์การบริหารจัดการยุทธภัณฑ์ทางทหารสวีเดน หรือ เอฟเอ็มวี ได้ทำการบินนำส่งให้แก่กองทัพอากาศ โดยออกเดินทางออกจากเมืองลิดเชอปิง ประเทศสวีเดน เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.พ. และเดินทางถึงกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 19.30 น. เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจรับ ก่อนจะทำการส่งมอบให้แก่กองทัพอากาศ ภายในเดือน มี.ค. เพื่อเข้าประจำการในฝูงบิน 701 กองบิน 7
ทั้งนี้ เครื่องบินกริพเพน 39 ซีดี จำนวน 12 เครื่อง เป็นการจัดหาเครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์ ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 เอฟ 5 บีอี ที่เตรียมปลดประจำการในวงเงิน 19,000 ล้านบาท โดยเครื่องบินรุ่นดังกล่าวจัดอยู่ในเครื่องเจเนอเรชั่นที่ 4.5 ซึ่งถือว่าทันสมัยที่สุดเท่าที่กองทัพอากาศไทยมีประจำการอยู่ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินกริฟเฟน ในระยะที่ 2 อีก 6 เครื่อง จะเดินทางมาประจำการในประเทศไทยปี 2556
สำหรับเครื่องบินทั้ง 6 ลำ ประกอบด้วย รุ่นสองที่นั่ง Gripen-D 4 ลำ และที่นั่งเดียว Gripen-C 2 ลำ ทำการบินจากประเทศสวีเดนด้วยนักบินของ SAAB ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา แวะพัก 18 จุด จุดสุดท้ายคือ หมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ก่อนบินตรงไปที่กองบิน 7 เพื่อร่วมพิธีต้อนรับที่กองบิน 7 จัดขึ้น ซึ่งขั้นตอนการตรวจรับจะมีคณะกรรมการดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนที่จะรับเครื่องเข้าประจำการอย่างเป็นทางการต่อไป
นอกจากนั้น สวีเดนยังสนับสนุน จรวดต่อต้านเรือผิวน้ำอากาศสู่พื้น RBS-15 F ซึ่งรวมอยู่ในแพ็กเกจเดียวกับโครงการด้วย ทั้งนี้ไม่นับรวม จรวดอากาศสู่อากาศ IRIS-T ของเยอรมัน ซึ่งถือเป็น มิสไซล์ชั้นดีที่ประเทศไทยจะมีประจำการเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ โดยทางกองทัพอากาศไทยก็ได้สิทธิ์จัดซื้อรวมกับ Gripen ในระยะที่ 2
พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า ภูมิใจที่เครื่องบินรุ่นดังกล่าวจะเข้าประจำการเพื่อใช้ในภารกิจป้องกันทางอากาศ การสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่น และการคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 2 คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการไปแล้ว คาดว่าจะเข้าประจำการอีก 6 ลำ จนครบ 1 ฝูงในปี 55-56 ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาการบินของไทยไปอีกก้าว โดยเฉพาะระบบเชื่อมโยงบังคับบัญชา เรดาร์เตือนภัยทางอากาศ อีกทั้งการเชื่อมโยงกับระบบของ F-16 ที่ทางสหรัฐพร้อมติดตั้งซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้ร่วมกับระบบของกริพเพนได้
ทำความรู้จักกับเครื่องบินขับไล่ กริพเพน
กริพเพน (JAS-39C/D Grippen) เครื่องบินรบ หรือเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ สัญชาติสวีเดน ผลิตโดยบริษัทซ้าบ SAAB ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ทางอาการ และมีความยืดหยุ่นสูง โดยคำว่า JAS ย่อมาจาก J : Jakt (อากาศสู่อากาศ) A : Attack (อากาศสู่พื้น) และ S : Spaning (การลาดตระเวน) ซึ่งหมายความว่า กริพเพน เป็นเครื่องบินรบหลากบทบาท สามารถทำภารกิจที่แตกต่างกันไปได้
สำหรับความน่าสนใจของกริพเพน คือการที่มันสามารถบินขึ้น-ลงได้บนถนนสาธารณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ของสวีเดน ที่สามารถปฏิบัติการได้ แม้ว่าทัพอากาศจะสูญเสียความได้เปรียบทางอากาศไป และมีความเร็วสูงกว่าเสียง 2 เท่า หรือเท่ากับเครื่องบิน F16 แต่จะช้ากว่าเครื่องบินรบ SU30 ของมาเลเซียที่สั่งซื้อจากรัสเซียเล็กน้อย ทว่าเครื่อง SU30 เป็นแบบสองเครื่องยนต์ ต้องการเชื้อเพลิงและค่าการบำรุงรักษาสูงกว่า กริพเพน หลายเท่า เหยียบราว ๆ 3-4 แสนบาท ส่วน กริพเพน อยู่ที่ประมาณ 90,000 บาทต่อหนึ่งชั่วโมงบิน
ในส่วนของลักษณะตัวเครื่อง กริเพนจะไม่มีหางหลัง แต่ใช้ปีกเสริมด้านหน้า (Canard) เพิ่มความคล่องตัวและแรงยก พิสัยปฏิบัติการอยู่ที่ 800 กิโลเมตร เพดานบิน: 15 กิโลเมตร สามารถบรรทุกน้ำหนัก รวมอาวุธและน้ำมันได้ 8 ตัน ใช้เรดาร์สมัยใหม่ เป็นเรดาร์พัลส์-ดอปเปลอร์ พีเอส-05/เอ ถูกสร้างขึ้นโดยอิริกส์สันและจีอีซี-มาร์โคนี สามารถตรวจจับ ระบุตำแหน่ง ระบุเป้าหมาย และติดตามเป้าหมายได้หลายเป้าหมายแบบอัตโนมัติ ทั้งบนพื้น ทะเล หรืออากาศ และในทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ ยังสามารถถูกใช้เพื่อนำทางขีปนาวุธอากาศสู่อากาศได้ 4 ลูก ในเวลาเดียวกัน
ส่วนห้องนักบินให้พื้นที่การมองมากกว่าเครื่องบินขับไล่ส่วนมาก 30% และจอแสดงผลที่กินพื้นที่น้อยจนเหลือพื้นที่เพิ่มขึ้น 75% มีจอแสดงแบบเฮดดาวน์สีสมบูรณ์ 3 จอ และจอแสดงอุปกรณ์ฉุกเฉินของเครื่องบินแบบดิจิตอล โครงสร้างของห้องนักบินทำให้นักบินมีความสะดวกสบายในการทำงานและยังเพิ่มความระวังต่อสถานการณ์อีกด้วย
ปัจจุบัน เครื่องบิน กริพเพน ได้เข้าประจำการกองทัพอากาศของสวีเดน กองทัพอากาศเช็ก กองทัพอากาศฮังการี และกองทัพอากาศแอฟริกาใต้ รวมทั้ง กองทัพอากาศไทย และยังมีประเทศที่แสดงความสนใจจะสั่งซื้อดังนี้
บัลแกเรีย สนใจที่จะจัดหาจำนวน 20 เครื่องทดแทน MiG-29 กลุ่มประเทศบอลติก สนใจจะเช่าใช้งานจำนวน 12 เครื่อง บราซิล เริ่มต้นโครงการ F-X ใหม่อีกครั้ง และคาดว่ากริพเพนจะเข้าร่วมแข่งขันด้วย โครเอเซีย ต้องการเครื่องบิน 12 เครื่องตามโครงการปรับปรุงกองทัพ โดยจะประกาศเลือกแบบใน พ.ศ. 2551 ซึ่งกริพเพนต้องแข่งขันกับ เอฟ-16 มือสองจากสหรัฐ กรีซ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดซื้อเครื่องบินรบอีก 30 - 40 เครื่อง โรมาเนีย ต้องการเครื่องบินขับไล่ 40 เครื่อง โดยจะประกาศเลือกแบบใน พ.ศ. 2551 ซึ่งกริพเพนต้องแข่งกันกับ ยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น ของยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ ต้องการเครื่องบินทดแทน F-5 จำนวน 20 - 33 เครื่อง โดยสวิสเซอร์แลนด์ได้ร้องขอให้ผู้ผลิตที่ส่งแบบแผนเครื่องบินเข้าแข่นขัน ทั้ง 4 ราย ประกอบไปด้วย เอฟ/เอ-18อี/เอฟ, ราฟาล, ยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น, และ กริพเพน นอร์เวย์ ต้องการเครื่องบินทดแทน เอฟ-16 เอ็มเอลยูจำนวน 48 ลำ โดยได้ร้องขอให้ผู้ผลิตที่ส่งแบบแผนเครื่องบินเข้าแข่งขันทั้ง 3 รายอันประกอบไปด้วย เอฟ-35, ยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น, และ กริพเพน เดนมาร์ก ต้องการเครื่องบินทดแทน เอฟ-16 เอ็มเอลยู จำนวน 48 ลำขอขอบคุณข้อมูลจาก
