นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นางสดศรี สัตยธรรม
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
เมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดฉากอภิปรายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยยิงประเด็นถามนายกฯ ว่าได้สละสัญชาติอังกฤษหรือยัง และหากไม่สละสัญชาติ ประเทศไทยจะมีนายกฯ 2 สัญชาติได้หรือ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นมาชี้แจงว่า ตนไม่เคยปิดบังอะไร เกิดที่ประเทศอังกฤษ คุณพ่อคุณแม่เป็นไทย ยอมรับว่าในขณะนี้ตนถือ 2 สัญชาติจริง และไม่เคยดำเนินการเรื่องขอสละสัญชาติอังกฤษ ด้วยคิดว่าการถือ 2 สัญชาติ ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการบริหารบ้านเมือง เพราะตามกฏหมายขัดกันของสัญชาตินั้น ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หากบุคคลนั้นถือสัญชาติไทยด้วย ก็ให้ยึดกฎหมายไทยในการดำเนินการต่าง ๆ เป็นหลัก ทั้งตนก็ได้แสดงเจตนาชัดแล้วว่า ถือสัญชาติไทย เพราะทุกครั้งที่เดินทางไปประเทศอังกฤษก็ได้ทำเรื่องขอวีซ่าทุกครั้ง ซึ่งหากต้องการให้ตนไปสละสัญชาติก็ยินดีทำให้
"แต่ที่ท่านทำอยู่ไม่ใช่ห่วงประเทศไทย แต่ห่วงว่าทำอย่างไรให้โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ลากเรื่องปัญหาในไทยไปขึ้นศาลโลกเท่านั้นเอง ไม่ใช่ฝ่ายผมมีปัญหาปกป้องประโยชน์ของไทย หากผมไปทำเรื่องสละสัญชาติก็จะมาโวยวายอีกว่าไม่อยากขึ้นศาลโลกหรืออย่างไร ผมคิดว่าต้องการกลับมาทำงานเพื่อประเทศไทยอยู่แล้ว ผมไม่เคยคิดขอสัญชาติอื่นเพื่อไปทำธุรกิจ ไม่เคยขอสัญชาติเพื่อขอลี้ภัย ถ้าหากผมสละสัญชาติแล้วก็อยากให้ทำเหมือนกัน อยากรู้ว่าคนที่ถือพาสปอร์ตหลายเล่มจะกล้าสละหรือไม่" นายกฯ กล่าว
ในขณะที่ นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึง กรณีการถือสัญชาติของนายกรัฐมนตรี ที่ถูกอภิปรายในรัฐสภา วานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101-102 ( 1 ) นั้น มิได้มีการห้ามไม่ให้บุคคลถือ 2 สัญชาติดำรงตำแหน่ง ส.ส. หรือ รัฐมนตรี หรือ นายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรี ถือ 2 สัญชาติ คือ สัญชาติไทย และสัญชาติอังกฤษ ก็ไม่มีผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้ รวมถึงการลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยหน้าด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก