ลิเบียเผยภาพลูกชายกัดดาฟี ยืนยันยังมีชีวิตอยู่

 

 

คามิส กัดดาฟี

 

คามิส กัดดาฟี


 

คลิป คามิส กัดดาฟี ท่ามกลางผู้สนับสนุนรัฐบาล

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์ ,english.ruvr.ru, rte.ie, ครอบครัวข่าว 3

           หลังจากมีข่าวลือว่า คามิส กัดดาฟี บุตรชายคนที่ 6 ของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี เสียชีวิตลงแล้วจากการถูกเครื่องบินรบพุ่งชนเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุด มีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอเผยภาพ คามิส กัดดาฟี ออกมาสยบข่าวลือดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คามิส กัดดาฟี ยังมีชีวิตอยู่และยังคงปลอดภัยดี

          โดยเว็บไซต์เทเลกราฟ ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาว่า สถานีโทรทัศน์ลิเบียได้แพร่ภาพ คามิส กัดดาฟี บุตรชายของกัดดาฟี ที่กำลังยิ้มร่ามีความสุขอยู่กับฝูงชนผู้สนับสนุนรัฐบาลที่รายล้อมอยู่หน้าที่พักในกรุงตริโปลี แสดงให้เห็นว่าเขายังแข็งแรง ปลอดภัยดี และไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่เป็นข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีรายงานระบุว่า คามิส กัดดาฟี อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ หลายสัปดาห์ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในลิเบีย

          ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานว่า คามิส กัดดาฟี ได้เสียชีวิตลงแล้ว จากการถูกเครื่องบินรบพุ่งชนบ้านพักในกรุงตริโปลี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งหลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดไปได้ไม่กี่วัน รัฐบาลลิเบียก็ได้ออกมาชี้แจงว่าข่าวลือดังกล่าวไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด อาจเป็นข่าวลือที่ผู้ปล่อยข่าวต้องการทำให้ผู้สนับสนุนเสียขวัญเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าทางการลิเบียจะออกมาแถลงการณ์เช่นนั้น สำนักข่าวหลายแห่งก็ยังคงตั้งข้อสันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นา ๆ จนมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอเผยภาพคามิส กัดดาฟี ออกมายืนยันในที่สุด

          ทางด้าน พันเอก โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้ส่งจดหมายถึงการประชุมนานาชาติ ที่ กรุงลอนดอน โดยเรียกร้องให้ยุติการโจมตีที่ป่าเถื่อนต่อลิเบีย ซึ่งส่งถึงประเทศที่เข้าร่วมประชุมอนาคตของลิเบีย หลังยุคกัดดาฟี ได้พาดพิงถึงการโจมตีทางอากาศ นำโดยองค์การนาโต ว่า เหมือนปฏิบัติการทางทหารของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 2 โดย กัดดาฟี บอกด้วยว่าจะยอมรับการตัดสินใจที่ทำโดยสหภาพแห่งชาติแอฟริกัน

         ทั้งนี้ ผู้แทนของลิเบีย ที่เข้าร่วมประชุมสหภาพแห่งชาติแอฟริกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ที่ เอธิโอเปีย กล่าวว่า รัฐบาลลิเบีย พร้อมดำเนินการตามแผนขององค์กรแห่งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติในลิเบีย และได้เรียกร้องให้ชาติตะวันตกยุติการโจมตี ซึ่งสหภาพแห่งชาติแอฟริกัน แสดงท่าทีคัดค้านการแทรกแซงทางทหารจากต่างประเทศ และต้องการเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เกิดการเจรจากันระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในลิเบีย ซึ่งหมายรวมถึงฝ่ายระบอบกัดดาฟีและฝ่ายต่อต้าน

 



[29 มีนาคม] กองกำลังพันธมิตรโจมตีบ้านเกิดกัดดาฟี

        สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กองกำลังพันธมิตร เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจาก ทริโปลี เป็นเมือง เซอร์เต บ้านเกิดของ กัดดาฟี ครั้งแรก เมื่อวานนี้

        มีรายงานว่า กองกำลังพันธมิตร ได้มีการโตมตีทางอากาศ เมืองเซอร์เต ซึ่งเป็นบ้านเกิด ของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี เป็นครั้งแรกวานนี้ หลังจากเริ่มโจมตีมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อบังคับให้เกิดเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

        ซึ่งจากการโจมตีทางอากาศของพันธมิตร ทำให้กลุ่มกบฏเริ่มโจมตีและยึดเมืองทางทะวันตกของลิเบียได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น หวังที่จะยึดเมืองสำคัญ เมืองท่าสำคัญ อาทิ ราส ลานุฟ, บรีกา, อุกายลา และ บิน จาวัด เป็นต้น หลังจากที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้เข้ารับหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติการโจมตีลิเบีย อย่างเป็นทางการ

         อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กองทัพเครื่องบินรบของชาติพันธมิตรตะวันตก ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ค ถล่มกรุงทริโปลีของลิเบีย และที่มั่นทหารลิเบีย ตามแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กว่า 100 ลูก

         กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ระบุว่า การยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ค ถล่มทหารลิเบียในเมืองมิสราตา และอัจดาบิยา อย่างหนักตลอดคืนนั้น เรือพิฆาต ยูเอสเอส สเตาท์ ที่ลอยลำอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็ร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย รัฐบาลสหรัฐ ถูกแรงกดดันจากประชาคมโลกให้อธิบายถึงการระดมโจมตีลิเบียในครั้งนี้ จนต้องโอนภารกิจไปให้องค์การนาโต

         กระนั้นประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีนั้น มีจุดประสงค์ในการรักษาชีวิตประชาชนลิเบียนับหมื่นคน และเพื่อรักษาเสถียรภาพของดินแดนตะวันออกกลางทั้งมวล

 

มูอัมมาร์ กัดดาฟี

 


   
[27 มีนาคม ] ผู้นำลิเบียประกาศกร้าว กวาดล้างกบฏให้สิ้น

            ผู้นำลิเบีย ประกาศกร้าว เดินหน้ากวาดล้างกลุ่มกบฏ ที่จ้องล้มล้างรัฐบาล แช่ง ตะวันตก จ้องฮุบครองบ่อน้ำมันต้องพินาศ

            พ.อ.มู อัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล ว่า จะดำเนินการกวาดล้างกลุ่มกบฏ ที่พยายามต่อต้านล้มล้างรัฐบาลมากว่า 1 เดือน ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเร็ว ๆ นี้

            "ผมไม่สนว่า เป็นแผนการของใคร คนในชาติที่จ้องทำลายรัฐบาลต้องปราบให้หมด ถ้าเป็นแผนของต่างชาติ ก็จะจัดการขั้นเด็ดขาด ทำลายให้ได้" กัดดาฟีกล่าว

            ทั้งนี้ กัดดาฟี มั่นใจ และยืนยันมาโดยตลอดว่า สถานการณ์วุ่นวายการก่อการประท้วง จนนำมาซึ่งความแตกแยกของคนในชาติ มาจากการยุยงของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์

            นอกจากนี้ การประกาศผ่านสื่อของ กัดดาฟี ยังมีการกระทบกระแทกแดกดัน ชาติตะวันตก อย่าง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ที่จ้องจะใช้กำลังทหารบุกลิเบียว่า จะต้องพบกับความพินาศ หากคิดที่จะโจมตีลิเบีย เพราะประชาชนผู้รักเสรีภาพของลิเบีย จะไม่ยอมให้ใครรุกราน รวมถึง ท้าทายประเทศอาหรับ และชาติต่างๆ ว่า กล้าให้เสรีภาพประชาชนเหมือนกับที่เขาได้ให้กับชาวลิเบียหรือไม่


         กองทัพเครื่องบินรบของชาติพันธมิตรตะวันตก ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ค ถล่มกรุงทริโปลีของลิเบีย และที่มั่นทหารลิเบีย ตามแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กว่า 100 ลูก 

  
กองกำลัง กัดดาฟี โจมตีฝ่ายค้านหนัก


[14 มีนาคม]กลุ่มสนับสนุนกัดดาฟี ยึดเมืองเบรกาได้แล้ว


          กองกำลังที่สนับสนุน พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยึดเมืองเบรกา ได้แล้ว หลังจากที่สามารถ ยึดเมืองซาวิยา และ ราส ลานุฟ มาได้ก่อนหน้านี้

          สื่อของรัฐบาลลิเบีย เผยว่าในตอนนี้กองกำลังสนับสนุนพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี สามารถยึดเมืองเบรกาเมืองท่าขนส่งน้ำมันสำคัญทางตะวันออกของประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการโจมตีอย่างหนัก

          ซึ่งก่อนหน้านี้ กองกำลังของรัฐบาลลิเบียก็สามารถขับไล่กลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านให้ออกจาก จุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างเมืองซาวิยาและเมืองท่าราส ลานุฟ

 

กองกำลัง กัดดาฟี โจมตีฝ่ายค้านหนัก


[11 มีนาคม] กองกำลัง กัดดาฟี ถล่มหนัก - นาโต้ จ่อห้ามบิน

          กองกำลังกัดดาฟี ถล่มฝ่ายต่อต้านอย่างหนัก ยึดเมืองซอวิยาห์คืนได้แล้ว ด้านนาโต้ เริ่มส่งเครื่องบินตรวจการณ์เหนือน่านฟ้าลิเบีย
 
          เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กองกำลังของฝ่ายรัฐบาลลิเบีย ภายใต้การนำของ พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ใช้รถถังโอบล้อมและระดมยิงโจมตีฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านในพื้นที่รอบเมืองราส ลานุส เมืองท่าและแหล่งขุดเจาะน้ำมัน ขณะที่เครื่องบินรบหลายลำ ระดมโจมตีศูนย์กลางที่ตั้งคลังน้ำมันในพื้นที่ทางตะวันออก ส่วนพื้นที่ทางตะวันตกกองทัพของ กัดดาฟี ยึดเมืองซอวิยาห์ ซึ่งอยู่ใกล้กับที่มั่นสำคัญของเขาในกรุงทริโปลี คืนได้แล้ว 

          ด้าน องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ และสหภาพยุโรป หรือ อียู กำลังหาทางบังคับใช้เขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย เพื่อขัดขวางรัฐบาลไม่ให้ใช้เครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ ยิงถล่มฝ่ายต่าต้านที่มีอาวุธด้อยกว่า โดยพวกเขาตัดสินใจส่งเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศอย่างน้อย 3 ลำ บินตรวจการณ์ 24 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 06.30 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี เพื่อตรวจสอบสถานการณ์การสู้รบ ระหว่างกองกำลังฝ่ายสนับสนุนและต่อต้าน กัดดาฟี

          โดย เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของนาโต ไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ด้วยเครื่องบินติดอุปกรณ์เรดาร์บินตรวจตราเหนือน่านฟ้าลิเบีย ทำให้เราสามารถมองภาพต่าง ๆ ได้ดีขึ้น อันจะช่วยแจ้งข้อมูลต่าง ๆ สำหรับนำไปประกอบการพิจารณาระหว่างการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ แต่การกระทำดังกล่าวไม่ใช่ลางบอกเหตุถึงการกำหนดเขตห้ามบิน อย่างไรก็ตาม เขาบอกด้วยว่า รายงานข่าวของสื่อมวลชนต่อการโจมตีทางอากาศของเครื่องบินกองกำลังกัดดาฟี เป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดมาตรการนี้ขึ้น

          ขณะที่ รัฐบาลรัสเซีย ได้ออกคำสั่งห้ามขายอาวุธให้แก่ลิเบีย ตามมาตรการคว่ำบาตรอาวุธและมาตรการลงโทษอื่น ๆ ซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ รัสเซีย เตือนว่า จะคัดค้านการแทรกแซงทางทหารในลิเบีย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า สหรัฐและองค์การนาโต กำลังให้น้ำหนักกับทางเลือกที่จะสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกัดดาฟี รวมถึงประกาศเขตห้ามบินในลิเบีย

          สำหรับรัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกอาวุธที่สำคัญรายหนึ่งของลิเบีย ซึ่งคำสั่งห้ามขายอาวุธให้ลิเบีย ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ลงนามเมื่อวานนี้ ได้ครอบคลุมไปถึงการโอนและการส่งมอบอาวุธทุกประเภทและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับ อาวุธ และเพื่อให้คำสั่งนี้มีผลจริงในทางปฏิบัติ รัสเซีย จะตรวจตราสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าและส่งออกจากลิเบีย เพื่อป้องกันการซุกซ่อนอาวุธ หรือ อุปกรณ์ทางทหาร นอกจากนี้ ยังได้สั่งห้ามการให้สินเชื่อและการฝึกให้แก่กองทัพลิเบียด้วย ซึ่งจะทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



[10 มี.ค.] นักข่าว BBC ถูกกองกำลังกัดดาฟีรุมทำร้าย (ไอเอ็นเอ็น)


ประท้วงที่ลิเบีย


          ผู้สื่อข่าว สำนักข่าว BBC ถูกกองกำลังผู้ภักดีต่อ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย คุมตัวและรุมทำร้าย

          เว็บไซต์สำนักข่าว BBC รายงานว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้จับกุมและทำร้ายทีมข่าวของ BBC จำนวน 3 คน ที่พยายามจะเข้าไปในเมืองซาวิยาห์ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งกำลังมีการสู้รบกันอย่างดุเดือด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

          โดยเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง ได้ใช้ทั้งกำปั้น เข่า และปืนไรเฟิล ทำร้ายทีมข่าว นอกจากนี้ ทีมข่าวดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ได้เห็นการล่วงละเมิดคนที่ถูกจับอื่น ๆ ด้วยการเอาผ้าคลุมศีรษะเลียนแบบการประหารชีวิตนักโทษ ตามรูปแบบของกองทัพและตำรวจลับลิเบีย ขณะที่หลังจากถูกกักตัวอยู่นาน 21 ชั่วโมง ทีมข่าวทั้งหมดได้เดินทางออกจากลิเบีย ในขณะที่กองกำลังที่ภักดีต่อ พ.อ.กัดดาฟี ได้ใช้รถถังและปืนใหญ่ระดมยิงอย่างหนัก เพื่อหวังจะยึดเมืองซาวิยาห์ ที่อยู่ห่างจากกรุงทริโปลี เพียง 50 กิโลเมตร คืนจากฝ่ายต่อต้าน

          อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวของ BBC ดังกล่าวระบุว่า ได้แสดงบัตรประจำตัวขณะถูกจับกุมที่ด่านตรวจของทหารลิเบีย แล้ว ซึ่งได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้สื่อข่าวจำนวนมาก ที่ต้องการเข้าไปในเขตหวงห้ามของรัฐบาล โดยเฉพาะในเมืองซาวิยาห์ โดยหลังจากถูกจับ ถูกนำตัวไปที่ค่ายทหารในกรุงทริโปลี ก็จะถูกปิดตาและถูกทำร้าย

          ขณะที่ หนึ่งในทีมข่าว เปิดเผยว่า ได้ถูกนำไปยืนเรียงหันหน้าเข้าหากำแพง เขาเห็นผู้ชายแต่งกายนอกเครื่องแบบ และถือปืนกลเบา ที่ถูกนำไปจ่อที่คอของทุกคน ขณะที่ทีมข่าวอีกคนหนึ่ง ถูกแยกตัวไปทำร้ายเดี่ยว ยังถูกกล่าวหาว่า เป็นสายลับด้วย




 

     
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลิเบียเผยภาพลูกชายกัดดาฟี ยืนยันยังมีชีวิตอยู่ อัปเดตล่าสุด 30 มีนาคม 2554 เวลา 10:15:25 46,696 อ่าน
TOP
x close