ครม.ถกลับแก้ปมพิพาทไทย-เขมร










สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3, ไทยโพสต์

          ครม.ถกลับแก้ปมพิพาทไทย-เขมร "กษิต" ชี้ไทยควรขึ้นศาลโลก "มาร์ค" นัดประชุมเฉพาะหน่วยที่เกี่ยวข้อง 23 พ.ค. ม็อบคนไทยหัวใจรักชาติบุกบัวแก้ว จี้อุทธรณ์ช่วยวีระ-ราตรี กต.ยันทั้งคู่ต้องการขออภัยโทษ พร้อมประสานให้ถามเจ้าตัวเองที่พนมเปญ

          เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเจรจาระดับทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชากรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ว่าได้มีการหารือกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และในวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. ตนจะนัดประชุมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกและเรื่องคดีในศาลโลก

          ทั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่ควรที่จะให้เรื่องนี้เป็นปมขัดแย้งลุกลามหรือเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความรุนแรงกระทบกระทั่งกัน จึงควรเลื่อนการเสนอแผนการบริหารพื้นที่ของกัมพูชาออกไปก่อน และหาแนวทางที่เหมาะสมในเรื่องการกำหนดท่าทีการประชุมมรดกโลกในเดือน มิ.ย. 


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาวาระจรเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องลับ โดยที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ และอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมเป็นองค์ประกอบในคณะทำงานเพื่อเตรียมการต่อสู้คดีในศาลโลกในคดีข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดมอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ไปประชุมหารือกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

          ทั้งนี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สอบถามว่า "ถ้าเราไม่ไปเข้าร่วมการขึ้นศาลโลกจะผิดหรือไม่ จะถือว่าเราไม่ยอมรับได้หรือไม่ และถ้าไปร่วมจะเท่ากับฝ่ายไทยรับรู้ ยอมรับหรือไม่อย่างไร" ซึ่งนายกษิต ตอบว่า "เท่าที่รู้ไม่ว่าเราจะไปร่วมหรือไม่ เขาก็ตัดสินคดีอยู่แล้ว เพราะเป็นการอ้างอิงถึงคำตัดสินเดิมของศาลโลก เพียงแต่ให้ชี้ชัดว่าคำสั่งศาลโลกเดิมแปลความหมายว่าอย่างไร ดังนั้นไม่ว่าเราจะไปหรือไม่ เขาก็ตัดสินและเราก็ต้องรับผลนั้นอยู่ดี จึงคิดว่าเราควรจะไปร่วมดีกว่า"

          แต่นายสุวิทย์ยังพยายามถามนายกษิตลงลึกในรายละเอียดในการต่อสู้คดีต่อศาลโลก ทำให้นายกษิตตอบเลี่ยงว่า บางเรื่องเป็นรายละเอียดที่มีความละเอียดอ่อน และเป็นแท็กติกในการต่อสู้คดี ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ได้ให้ข้อแนะนำด้านกฎหมาย แต่นายกรัฐมนตรีตัดบทว่า หากเป็นเรื่องรายละเอียดขอให้พูดโดยตรงกับนายกษิต อย่าพูดในที่ประชุม ครม.

          อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ทับซ้อนนั้น ยังไม่มีการหารือในที่ประชุม ครม.ครั้งนี้ โดยจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมในสัปดาห์หน้าต่อไป

          วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ประมาณ 80 คน นำโดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอร์ และต้องการให้นายวีระได้ลงนามในเอกสารขออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น

          ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ ประกาศจะปักหลักชุมนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงการต่างประเทศอีก 7 วัน จนกว่าจะมีความคืบหน้า มิเช่นนั้นจะปักหลักชุมนุมถาวร

          ด้านนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานทูตไทยในกรุงพนมเปญได้ประสานกับทั้ง 2 คนมาโดยตลอด และทั้งสองได้ยืนยันว่าไม่ประสงค์ให้มีการดำเนินการอุทธรณ์ แต่จะขอพระราชทานอภัยโทษ โดยได้มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ หากแกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติต้องการพบกับนายวีระและ น.ส.ราตรี ทางกระทรวงก็ยินดีที่จะประสานและอำนวยความสะดวกให้ เพราะจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะรับทราบความประสงค์ของทั้ง 2 คนด้วยตนเอง





[19 พฤษภาคม ] ร.ร. 2 แห่ง ใกล้ตาเมือนธม เลื่อนเปิด 1 ก.ค.

           โรงเรียน 2 แห่ง ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ยังเปิดไม่ได้ เลื่อนเป็นวันที่ 1 ก.ค. นี้

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ร.บ้านหนองคันนา และ ร.ร.บ้านตาเมียง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ร.ร.ขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง อยู่ห่างจากชายแดนไทย -กัมพูชาประมาณ 3 กิโลเมตร จากการปะทะที่ผ่านมา ร.ร.บ้านหนองคันนา มีลูกกระสุนปืนใหญ่ทหารกัมพูชา ตกลงหน้าประตู ร.ร. หลายลูก แต่อาคารเรียนไม่ได้รับความเสียหาย

           อย่างไรก็ดี วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกของปีการศึกษา 2554 แต่ทางฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ขอความร่วมมือมายังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ให้เลื่อนการเปิดภาคเรียนไปก่อน ประกอบกับภายใน ร.ร. อยู่ระหว่างการก่อสร้างหลุมหลบภัย ที่คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ การเลื่อนเปิดภาคเรียนของ ร.ร. 2 แห่ง มีกำหนดเปิดในวันที่ 1 ก.ค. 54 ซึ่งทาง ร.ร. จะสอนเสริมในวันหยุดให้ เพื่อให้ครบตามชั่วโมงที่กำหนดในหลักสูตร





ส่อเค้าถก รมว.กลาโหมไทย-เขมรเหลว แค่จ้อ-ไร้ข้อสรุป

          ส่อเค้าถก รมว.กลาโหมไทย-เขมรเหลว แค่จ้อ-ไร้ข้อสรุป "เตีย บัณห์" ปัดถอนทหาร ยันส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่ก่อนถก "จีบีซี"  ด้าน ครม.พิจารณาโรดแม็พผู้สังเกตการณ์อินโดฯ แต่ย้ำมติเขมรต้องถอนทหาร 3 จุด ด้านชาวบ้านชายแดนสุรินทร์ ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์เฝ้าระวังตัว หวั่นเกิดเหตุปะทะอีก หลังมีข่าวทหารเขมรเตรียมยิงถล่มอีกรอบ

          พล.อ.เตีย บัณห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา กล่าวที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ก่อนการเดินทางเยือนกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคมนี้ โดยระบุว่า จะใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อหารือนอกรอบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดน ภายใต้การจัดเตรียมของนายเพอร์โนโม ยูสเจียนโตโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย โดยคาดว่า น่าจะได้หารือกันในช่วงเย็นวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.)

          นอกจากนี้ พล.อ.เตีย บัณห์ ยังกล่าวย้ำด้วยว่า กัมพูชาไม่รู้จักพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และไม่สามารถที่จะถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นอาณาเขตของตนเองได้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) จะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย ในแดนของกัมพูชา หรือของไทยแล้วเท่านั้น

          แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า สำหรับการพบปะระหว่าง รมว.กลาโหมกัมพูชาและไทย จะมีขึ้นระหว่างการประชุม รมว.กลาโหม อาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียในวันที่ 18 พ.ค.นี้ จะมีการหารือเกี่ยวกับการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนสองประเทศที่อยู่ตาม แนวชายแดน รวมทั้งให้การค้าขาย การใช้ชีวิตของประชาชนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดย มีแนวโน้มว่า รมว.กลาโหมของสองประเทศ จะได้เปิดใจเล่าความต้องการและท่าทีของสองชาติ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีข้อยุติ เนื่องจากท่าทีของสองชาติสวนทางกัน

          "การหารือระหว่าง รมว.กลาโหมประเทศครั้งนี้ ทาง รมว.กลาโหม กัมพูชามุ่งเน้นการส่งผู้สังเกตการณ์ก่อนจะมีการหารือทวิภาคีในจีบีซี ที่กำหนดการเดิมจัดให้มีขึ้นในเดือนมิถุนายน ในขณะที่ รมว.กลาโหมของไทยย้ำว่า ต้องมีการประชุมจีบีซีและมีการถอนทหารใน 3 จุดในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ก่อนจะมีการส่งผู้สังเกตการณ์  แนวโน้มในการพูดคุยคงเป็นการย้ำท่าทีเดิม เพราะท่าทีสองฝ่ายสวนทางอย่างสิ้นเชิง" แหล่งข่าวระบุ

          มีรายงานว่า กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ จะได้หารือเพื่อจัดทำโรดแม็พในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการดำเนินการตามกรอบของอาเซียน เรื่องการส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียลงพื้นที่ ทว่าการดำเนินการดังกล่าวฝ่ายไทยจะยืนยันข้อเสนอในการให้กัมพูชาถอนทหารออก จากพื้นที่พิพาทใน 3 จุดสำคัญคือ ปราสาทพระวิหาร, วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และชุมชน ซึ่งแน่นอนว่า กัมพูชาคงไม่ปฏิบัติตาม

          "เราจะใช้มติ ครม.ในการตอกย้ำให้กัมพูชาถอนทหาร จะไม่มีการระบุเรื่องดังกล่าวในทีโออาร์ รายละเอียดพวกนี้ต้องถูกนำกลับไปคุยในจีบีซีและเจบีซี ซึ่งจะกลับไปสู่การให้กัมพูชาปฏิบัติตามเอ็มโอยู 43 โรดแม็พดังกล่าว จะนำเข้า ครม. เพื่อให้เห็นว่า เราไม่ได้ฝ่าฝืนหรือดื้อแพ่งต่อมติอาเซียน แต่ได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและกฎหมาย เพียงแต่ไทยต้องเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง และไทยไม่เดินตามเกมฝ่ายกัมพูชา ที่จะยกระดับปัญหาที่ประสบความสำเร็จไปหนึ่งขั้น ในการมีมติให้ส่งผู้สังเกตการณ์แล้ว" แหล่งข่าวระบุ

          สถานการณ์บริเวณชายแดน จ.สุรินทร์ ถึงแม้เสียงปืนจะสงบลงไปกว่าครึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีกระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชาจะเปิดฉากยิงอีกระลอกใหม่ในระยะนี้ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังคงติดตามสถานการณ์และเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ทหารไทยในพื้นที่ก็ได้ทราบกระแสข่าวดังกล่าวเช่นเดียวกัน ประกอบกับที่บริเวณฐานทหารตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ทหารไทยพบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ทั้งการขนอุปกรณ์สัมภาระในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นการขนอุปกรณ์สิ่งปลูกสร้างฐานทหารถาวร ทำให้ทหารไทยจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดตลอดแนวชายแดน

          แหล่งข่าวในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมเปิดเผยว่า พ.อ.เนียะ วงศ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารชายแดนที่ 402 ภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา ได้เดินทางขึ้นมาบริเวณปราสาทตาเมือนธม เพื่อเข้ามาพูดคุยเจรจานอกรอบกับทหารพรานไทยแบบเป็นกันเอง พร้อมเปิดใจว่า ทหารกัมพูชาก็ไม่ได้อยากทำสงครามสู้รบกับทหารไทย แต่ด้วยความจำเป็นถูกสั่งมาจากเบอร์หนึ่ง

          นายชอุ่ม กรไกร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 3 จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 3 สุรินทร์ รับผิดชอบโรงเรียนในพื้นที่อำเภอที่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะ อ.กาบเชิง และพนมดงรัก มีโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ 50 แห่ง และพร้อมที่จะเปิดการเรียนการสอนได้ในวันที่ 18 พ.ค.

          ทั้งนี้ มีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบหนักอยู่ใกล้พื้นที่อันตรายมากจำนวน 28 โรงเรียน จึงเตรียมแผนรองรับไว้ 2 ส่วน เป็นแผนระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นจะเลื่อนเปิดเทอมออกไป และหากเหตุการณ์เกิดขึ้นรุนแรงและยาวนานถึงขั้นอพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่ ศูนย์อพยพ ก็จะใช้แผน 2 คือ จัดบุคลากรครูไปจัดการเรียนการสอนที่ศูนย์อพยพให้กับเด็กนักเรียน  เพื่อไม่ให้เด็กต้องขาดเรียนนาน

          สำหรับกำลังใจของบุคลากรครูในโรงเรียนทั้ง 28 แห่ง ที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้จัดเจ้าหน้าที่ในส่วนของศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารในสำนักงานออกไปพบปะและให้กำลังอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง ซึ่งพบว่าทุกคนมีกำลังใจที่ดี และพร้อมที่จะเปิดการเรียนการสอนให้เด็ก ๆ อย่างเต็มที่


กัมพูชาออกแถลงการณ์ ปัดเป็นฝ่ายเริ่มยิงไทยก่อน


[17 พฤษภาคม] ทหารเขมรเตรียมสร้างฐานถาวร ฝั่งตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม

          ทหารไทยจับตาความเคลื่อนไหวทหารเขมร หลังพบขนอุปกรณ์สิ่งก่อสร้าง ที่บริเวณตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม คาดเตรียมสร้างฐานทหารถาวร ด้าน มทภ.2 เผย สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร บริเวณ จ.สุรินทร์ กลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคุมเข้มสินค้ายุทธปัจจัยเข้าเขมรอยู่


         
สถานการณ์ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ถึงแม้เสียงปืนจะสงบลงไปกว่าครึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีกระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชาจะเปิดฉากยิงอีกระลอกใหม่ ในระยะนี้ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังคงติดตามสถานการณ์ และเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ทหารไทยในพื้นที่ ก็ได้ทราบกระแสข่าวดังกล่าวเช่นเดียวกัน ประกอบกับที่บริเวณฐานทหารตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก เจ้าหน้าที่ทหารไทยพบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ทั้งการขน อุปกรณ์ สัมภาระ ในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งฐานไทยคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นการขนอุปกรณ์สิ่งปลูกสร้างฐานทหารถาวร

          อย่างไรก็ตาม ทหารไทยยังคงตรึงกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ตลอดแนวชายแดน 

          ทางด้าน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง สถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เพื่อแต่ยังคงมีการตรึงกำลังของกองกำลังสุรนารี เพื่อปกป้องอธิปไตยกันอย่างเต็มที่ พร้อมฝ่ายสนับสนุนทางการรบ ถ้าเกิดเหตุขึ้นสามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที ส่วนของการค้าในแนวชายแดนเป็นไปตามปกติ วิถีชีวิตของชาวบ้านทั้งสองประเทศ ยังคงพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หากเกิดการพิพาทกัน ไทยก็ต้องปิดด่าน ทันที ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ภารกิจหน้าที่โดยตรงของทหาร เพราะต้องดูแลรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของคนไทย จึงอาจจะมีประชาชน ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบในส่วนตรงนี้ สำหรับสินค้าที่ซื้อขายในแนวชายแดน ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ถ้ามีการขนย้ายปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง น้ำมันเชื้อเพลิง ก็จะมีการสอบถามกับผู้ขนส่ง จะนำไปทำอะไรนำไปที่ใด

          อย่างไรก็ตาม มทภ. 2 เผยอีกว่า ไทยเป็นประเทศที่ใหญ่กว่ากัมพูชา แต่ไม่เคยรังแกหรือทำอะไรเกินกว่าเหตุ ถ้าทางไทยได้รับการกระทำจากฝ่ายเขาก่อน ก็จะต้องมีการตอบโต้ ให้สมศักดิ์ศรี ทหารมีภารกิจ หน้าที่ รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และดูแลพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ได้รับความสงบสุข


กัมพูชา

 




[14 พฤษภาคม] กัมพูชา แบนสินค้าไทย สั่งเลื่อนงานแสดงสินค้า

          กัมพูชาตัดสินใจเลื่อนงานจัดแสดงสินค้าไทยที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ที่ประเทศกัมพูชาออกไป อ้างไม่สมควรสนับสนุนในเวลานี้

          วันนี้ (14 พฤษภาคม) มีรายงานจากหนังสือของ นายจอม ประสิทธิ์ (Cham Prasidh) รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา ส่งถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงพนมเปญ ระบุ กัมพูชาตัดสินใจเลื่อนงานจัดแสดงสินค้าไทยที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าออกไปก่อน

          ทั้งนี้ นายจอม ให้เหตุผลว่า เวลานี้ไม่สมควรแก่การสนับสนุนสินค้าไทยในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่งปิดด่านพรมแดนของแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ด้วยข้อกล่าวหาว่า กัมพูชาต้องใช้สินค้าไทยในการสนับสนุนกองทัพกัมพูชาในการปฏิบัติงานกับกองกำลังตามแนวชายแดน

          นอกจากนี้ หนังสือจาก นายจอม ประสิทธิ์ ยังระบุว่า กัมพูชา ไม่สามารถให้การรับประกันได้ว่า ปฏิกิริยาจากผู้เข้าชมชาวกัมพูชาจะเป็นไปในทิศทางใดหากมีการจัดงานแสดงสินค้าของไทยต่อไป หลังจากที่ไทยได้แสดงพฤติกรรมออกมาเช่นนั้น


[12 พฤษภาคม] กัมพูชา โต้ ไม่เคยเห็นพ้อง ไทยถอนทหาร

          โฆษก กต.เขมร โต้ ไม่เคยเห็นพ้องกับไทย ในการหารือที่อินโดฯ ว่าจะถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท ด้านชาวบ้านกาบเชิง จ.สุรินทร์ ยังเข้าซ่อมบ้านไม่ได้ หลังพังเสียหายจากจรวด BM 21 ของกัมพูชา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาต

          เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงานข้อมูลจากหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ ค่ำวานนี้  (11 พ.ค.2554) ตามคำกล่าวของ นายโกย กวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นการตอบโต้ นายธานี ทองภักดี โฆษกกระทรวงต่างประเทศไทย ที่ระบุว่า ไทยและกัมพูชา เห็นพ้องที่จะถอนทหารทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่จริงและไทยเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด

          ตามรายงานระบุ นายโกย กวง กล่าวว่า การยกเรื่องขึ้นมาของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่จริงเป็นเพียง "เล่ห์กล" และไม่เป็นความจริง เพราะการประชุมกันระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ไทย และอินโดนีเซีย ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องถอนทหารเลย ในการหารือดังกล่าวได้เห็นพ้องต่อชุดทางออกที่พูดเกี่ยวกับหน้าที่ผู้สังเกต การณ์อินโดนีเซีย และการประชุม JBC และ GBC เท่านั้น

          นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาที่แนวหลัง กล่าวว่า เรื่องถอนทหารหรือไม่ถอนนั้น ไม่ใช่ฝ่ายขัดแย้งเป็นผู้พูด แต่ควรยกโอกาสให้กรรมการ เป็นผู้ตัดสิน นั้นหมายความว่าสองฝ่ายโต้แย้งกันควรมีกรรมการยืนมองว่าคนไหนผิดคนไหนถูก คนไหนเลวคนไหนดี อีกทั้ง ยังระบุด้วยว่า ถ้าหากฝ่ายขัดแย้งทั้งสองเห็นชอบกัน และถอนทหารของทั้งสองฝ่ายออกไปหมด แล้วยังจะจำเป็นให้มีผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมาทำอะไร เพราะเรื่องมันจบไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ไทยไม่ควรทำตัวเป็นตุลาการไปด้วยเป็นลูกความไปด้วยในเวลาเดียว กันแล้วมาตัดสินในเรื่องนี้ และไทยก็ไม่ควรกลัวผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย ให้เข้ามาเป็นกรรมการตัดสิน

          ขณะที่บรรยากาศทั่วไปหลังการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ได้สงบลงเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว สภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่บ้านน้อยร่มเย็น และบ้านเขื่อนแก้ว ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ยังคงพังยับเยินทั้งหลัง หลังจากถูกทางกัมพูชา ยิงจรวด BM 21 เข้าใส่ ทำให้ชาวบ้านที่ประส[เหตุขณะนี้ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านญาติ เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าไปซ่อมแซมบ้านได้ ต้องรอคำตอบจากทางการว่าจะให้สร้าง หรือ เข้าซ่อมได้เมื่อใด

          นางจิตร หงส์วิชุลดา ชาวบ้านเขื่อนแก้ว ซึ่งร้านค้าที่ขายของพังเสียหาย บอกว่า ที่ผ่านมาได้รับเงินช่วยเหลือสร้างบ้านจากผู้แทนใน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จำนวน 10,000 บาท ทำให้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ และทางจังหวัดช่วยเหลือเบื้องต้น 30,000 บาท และทาง ธ.ก.ส. ช่วย 5,000 บาท เพื่อนำไปซ่อมแซมร้านค้าที่เสียหาย ซึ่งเงินจำนวนนี้คงไม่เพียงพอ แต่ก็ยังดีที่พอมีบางแม้ว่าจะไม่พอก็ตาม แต่ปัญหาที่สำคัญขณะนี้ คือ ไม่สามารถที่จะไปซ่อมแซมบ้านได้ ต้องรอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อใด ยิ่งนานไปก็ยิ่งจะลำบาก อยากจะได้รับคำตอบโดยเร็ว เพราะขาดรายได้มาหลายวันแล้ว

          เช่นเดียวกันกับ นายพรชัย จงกฎ ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง ที่บ้านพังเสียหายทั้งหลัง ขณะนี้เวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ ก็อยากจะซ่อมแซมบ้าน แต่ต้องรอ ก็อยากได้คำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานรัฐบาล ว่าให้ดำเนินการได้เมื่อใด


[11 พฤษภาคม] กัมพูชา เมิน ไทยสั่งปิดด่านพรมแดน

          กัมพูชา เมิน ไทย สั่งปิดด่านพรมแดน ปิดกั้นการขนส่งน้ำมันและยุทธปัจจัย ยัน ไม่เคยพึ่งสินค้าไทย เพื่อหนุนกองทัพ

          "เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ" ของนักเคลื่อนไหวชาวไทย รายงานอ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ ช่วงค่ำวานนี้ (10 พ.ค.) จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่สนามบินนานาชาติ กรุงพนมเปญ หลังกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา โดยเป็นการตอบโต้การสั่งปิดด่าน ไม่ให้ส่งออกน้ำมันและยุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชาของ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 โดยให้เหตุผลว่า น้ำมันและยุทธปัจจัยดังกล่าวนั้น มีความจำเป็นในปฏิบัติการสู้รบของกองทัพกัมพูชาต่อกองทัพไทยตามแนวพรมแดน ที่มีปัญหาขัดแย้ง

          โดย นายฮอร์ กล่าวว่า ไทยต้องการปิดอะไรก็ปิดไป กองทัพกัมพูชา ไม่ได้พึ่งพาสินค้าจากประเทศไทย เพื่อสนับสนุนกองทัพกัมพูชา กองทัพของกัมพูชา ไม่มีรถขนส่งสินค้านำเข้าจากประเทศไทยเลย แต่ กัมพูชา คิดว่าคงเป็นไทยเองที่โยงเรื่องกองทัพเข้าเป็นเรื่องเดียวกับการค้าขาย ดูเหมือนสับสนไปกันใหญ่

          ขณะที่ แม่ทัพของกัมพูชา ประจำสมรภูมิแนวหน้า ระบุว่า ในการปะทะกันกว่า 10 ระลอกก่อนหน้านี้ กัมพูชา ไม่ได้ใช้สินค้าของไทย เพื่อสนับสนุนกองทัพเลย

          นอกจากนี้ นายโกย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เราเห็นใจประชาชนไทย ที่พึ่งพาอาศัยกัน พบหน้าทำมาหากินเลี้ยงชีพประจำวันร่วมกันตามแนวพรมแดน และยังกล่าวอีกว่า กัมพูชาแต่ละวันนำสินค้าทุกประเภทเข้าประเทศจำนวนมาก แต่เราไม่เลือกปฏิบัติในการนำสินค้าไทยเข้ามา แม้มีปัญหาความขัดแย้งตามแนวพรมแดนก็ตาม เราแบ่งแยกชัดเจนระหว่างกองทัพกับการค้าขาย


[10 พฤษภาคม] มาเลย์-เขมรโบ้ยไทยไร้เหตุผล

            รมต.ต่างประเทศมาเลย์ กล่าวหาไทยไม่ยึดข้อตกลงรับผู้สังเกตการณ์ เป็นสาเหตุให้เกิดการปะทะ "ฮุนเซน" โต้ไทยไร้เหตุผลให้เขมรถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท "สุเทพ" ยันไม่ต่อสายตรงนายกฯ กัมพูชา ชี้ต้องทำงานเป็นระบบ "ประวิตร" ย้ำต้องเอาทหารเขมรออกจากพื้นที่ ชายแดนเริ่มตึงเครียดอีกครั้งหลังเจรจาเหลว
 
            ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา จนทำให้มีการปะทะกันตามแนวชายแดน และเป็นประเด็นร้อนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 18 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย  โดยมีประธานาธิบดีสุสีโล บัมบัง ยุทโธโยโน เป็นคนกลางจัดประชุมไตรภาคีนอกรอบ ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ไทย กับสมเด็จฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา แต่ยังไม่สามารถหาแนวทางแก้ไขความขัดแย้งได้

            เมื่อวันจันทร์ นายริชาร์ด ไรโอต จาเอม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ไทยกับกัมพูชาตกลงกันแล้วที่จะรับผู้สังเกตการณ์ทางทหารอินโดนีเซียเข้าไป ยังชายแดน และไทยควรยึดมั่นกับข้อตกลง

            "ผมไม่อยากพูดว่าพวกเขาขาดความเชื่อมั่น แต่พวกเขาไม่ยึดมั่นในข้อตกลง ไทยปฏิเสธ และนี่เป็นสาเหตุให้มีการปะทะกันอีก ผมย้ำว่าทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงไทยกัมพูชาเห็นพ้องในข้อตกลง แต่น่าเศร้าที่จะพูดว่าข้อตกลงไม่คืบหน้าไปไหน เพราะกัมพูชายอมรับ แต่ไทยไม่ยอมรับ" นายจาเอมกล่าว

            นายริชาร์ดกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้กัมพูชาชี้ไปที่ไทยว่าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ส่วนไทยก็บอกว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม ดังนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศจึงตัดสินใจส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไป เพื่อตัดสินว่า ใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทั้งนี้ ไทยยืนยันว่ากัมพูชาต้องถอนทหารที่ประจำการอยู่ในวัด ชุมชน ออกจากพื้นที่พิพาทก่อนที่จะให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามา          

            สื่อต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน กล่าวโจมตีรัฐบาลไทยว่า จุดยืนของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้ทางการกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทก่อน ทางการไทยจึงจะยอมเปิดทางให้คณะผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนเดินทางเข้าไปได้นั้น ถือเป็นจุดยืนที่ปราศจากเหตุผลโดยสิ้นเชิง

            "รัฐบาลกัมพูชาไม่อาจยอมรับจุดยืนดังกล่าวของทางการไทยได้ ฝ่ายไทยต่างหากที่ต้องถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท" สมเด็จฮุน เซน กล่าว

            ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า การเจรจาจะต้องเจรจากันหลายครั้ง เป็นเรื่องที่จะต้องพยายามกันต่อไป เพราะว่าการเจรจาเป็นหนทางที่จะทำให้เกิดความเรียบร้อย อยู่ร่วมกันได้โดยสันติไม่เดือดร้อนประชาชนจึงต้องหาลู่ทางทำกันต่อไป อย่างไรก็ตามตนยังไม่ได้ต่อสายตรงไปยังฝั่งกัมพูชา เพราะต้องทำงานไปตามระบบ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละฝ่ายจะต้องทำกัน ไม่อย่างนั้นจะซ้ำซ้อน อาจทำให้ส่งสัญญาณผิดได้

            ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อตกลงในการส่งผู้สังเกตการณ์ลงมาได้มีการสอบถามไปยังกองทัพหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ได้ปรึกษากันแล้วในระดับของผู้ปฏิบัติการ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และได้หารือในที่ประชุม ครม.กันเป็นที่ชัดเจน โดยการส่งผู้สังเกตการณ์จะต้องมาในแบบพลเรือน ไม่ใช่ติดอาวุธมาเหมือนกับกองกำลังของสหประชาชาติที่ไปรักษาความสงบในประเทศต่าง ๆ

            เมื่อถามว่า เหตุใดกัมพูชาจึงนำเรื่องปราสาทพระวิหารมาหารือในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทั้งที่เกิดเหตุปะทะทีบริเวณปราสาทตาควายและตาเมือนธม จ.สุรินทร์ นายสุเทพกล่าวว่า ไทยก็สงสัยว่า ปราสาทตาควายและตาเมือนธมอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารหลายร้อยกิโลเมตร ทำไมจะต้องเอามาอ้างในประเด็นนี้ อย่างไรก็ตามต้องค่อย ๆ ดูไป เดี๋ยวความจริงก็ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ

            พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หารือกับสมเด็จฮุน เซน ถึงการส่งผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียลงพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารว่า เรื่องนายกฯชี้แจงชัดเจนถึงการส่งผู้สังเกตการณ์ ซึ่งทาง ครม.ได้ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว คือถ้าผู้สังเกตการณ์จะเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยได้ ต้องมีเงื่อนไขโดยจะต้องเอาทหารออกจากพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ จากนั้นทุกอย่างจึงจะสามารถเดินหน้าไปได้ตามปกติ ทั้งนี้ต้องมีการประชุมจีบีซีก่อน เพื่อพิจารณาว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ก่อนจะลงนามให้ผู้สังเกตการณ์เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาเพราะเป็นจุดยืนของรัฐบาล

            ขณะนี้รัฐมนตรีต่างประเทศกำลังหารือกับทางกัมพูชาอยู่ว่าจะหาทางออกกันอย่างไร ซึ่งทางไทยจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางด้านของกฎหมาย ซึ่งหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศหารือเสร็จ ก็จะออกมาชี้แจงว่า ต่างฝ่ายต่างมีจุดยืน คงจะต้องคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรให้สามารถปฏิบัติกันได้ทั้งสองประเทศ เพราะยังไงก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน ต้องอยู่ร่วมกัน คงต้องคุยกันได้ในระดับหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสงบต่อปัญหาชายแดนทั้งสองประเทศ พล.อ.ประวิตรกล่าว

            เมื่อถามว่า จะสามารถพูดคุยกันได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะได้หรือไม่ต้องปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันก่อน ตนก็มีความหวังว่า จะสามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต แต่จริง ๆ แล้วในเดือน มิ.ย.นี้ก็เป็นช่วงเวลาที่จะมีการประชุมจีบีซี

        ภายหลังจากที่ผู้นำกัมพูชากับผู้นำของไทย ไม่ประสบผลสำเร็จในการเจรจากันที่การประชุมผู้นำอาเซียน โดยทั้งสองประเทศยังยืนยันที่จะไม่ถอนกำลังทหารทั้งสองฝ่ายที่ตรึงอยู่ใน พื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด่านอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่กั้นสุดท้ายก่อนเดินทางตามถนนลาดยางสู่ปราสาทพระวิหาร และผามออีแดงของไทย ได้มีกองกำลังสุรนารีมาปิดกั้นตั้งด่านตรวจ ห้ามประชาชนทุกคนผ่านที่บริเวณบนสะพานลำห้วยดาน โดยอ้างความปลอดภัยของราษฎรตามแนวชายแดน

            ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน เชื่อกันว่า อาจจะเกิดการยิงสู้รบกันขึ้นอีก เพราะตราบใดที่ยังไม่มีความแน่ชัดในการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน หรือยังไม่ลงเอยกันในเรื่องการสร้างความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็อาจจะยังมีความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างถาวรแน่นอน

            ขณะที่ ด.ต.อุกฤษฎ์ ประกอบผล รอง ผบ.มว.ตชด.2243 ฐานปฏิบัติการช่องโดนโป อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ประสานกับเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก รวม 16 นาย ลาดตระเวนพื้นที่จากช่องโดนโปไปยังรอยต่อเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ถึงเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา เข้ามาฝั่งไทย 10 กิโลเมตร พบกองกำลังกัมพูชาที่เข้ามาคุมกลุ่มขบวนลักต้นไม้รุกล้ำเขตแดนไทย จึงได้หยุดสังเกตการณ์

          จากนั้นเมื่อกองกำลังกัมพูชาเห็นชุด ตชด. จึงได้ใช้อาวุธปืนอาร์พีจียิงเข้าใส่จำนวน 5 นัด ทางฝ่ายไทยจึงใช้ปืนเอ็ม 79 และเอ็ม 16 ยิงตอบโต้กลับไป โดยเกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที เสียงปืนจึงสงบลง หลังจากนั้นได้ตรึงกำลังไว้ในพื้นที่ เนื่องจากเกรงจะถูกลอบโจมตีตลบหลังเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน

          อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เข้าตรวจพื้นที่ปะทะ พบรอยเลือดและกองเสบียงจำนวนมาก เข้าใจว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 2 คน ซึ่งแน่ใจว่า จุดปะทะเป็นเขตแดนของไทยอย่างแน่นอน เพราะอยู่ห่างจากชายแดนเข้ามาในพื้นที่ของไทย 10 กิโลเมตร





[9 พฤษภาคม] ปิดฉากถกอาเซียนไทย-เขมรยังไม่จบ

        ปิดฉากการประชุมอาเซียน ซัมมิท ครังที่ 18 ให้คำมั่นเพิ่มบทบาทอาเซียนสู่เวทีโลก ขณะ ที่ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงคั่งค้าง

        ปิดฉากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 18 ที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม เหล่าผู้นำชาติสมาชิก สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN ตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์และการก่อการร้าย , การจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารพร้อมให้คำปฏิญาณเพิ่มบทบาทในเวทีโ ลก แต่ข้อพิพาทชายแดนไทยและกัมพูชา ยังไม่ได้รับการแก้ไข

        โดย ประธานาธิบดีซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ผู้นำอินโดนีเซีย กล่าวระหว่างการปิดการประชุม ระบุ จะเริ่มดำเนินการยกระดับบทบาทอาเซียนสู่เวทีโลก และก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีเศรษฐกิจโลก ด้วยความยังยืนและสมดุล ขณะที่ ความพยายามแก้ไขปัญหาความขัดแยงชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี อินโดนีเซีย เป็นผู้พยายามไกลเกลี่ยกลับยังไม่ประสบความสำเร็จ แม้การประชุมจะปิดฉากลงแล้วก็ตาม โดยทั้งสองประเทศตกลงที่จะดำเนินการเจรจาต่ออีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ (9) ตามข้อเสนอของผู้นำอินโดนีเซีย

        ขณะที่ความพยายามที่จะบรรลุการเป็นประชาคมอาเซียน ภายในปี 2015 โดยขึ้นอยู่กับสามเสาหลักอันประกอบด้วย ประชาคมความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community-ASC), ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) และประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC) ซึ่งผู้นำชาติอาเซียน เห็นพ้องให้จัดตั้งสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ ที่จะต้องจัดการประชุมอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน

        ส่วนข้อโต้แย้งจากการที่ ที่ประชุมเห็นชอบให้ สหภาพพม่า เป็นประธานอาเซียน ในปี 2014 นั้น ประธานาธิบดียุโดโยโน กล่าวชี้แจงว่า ผู้นำอาเซียน ไม่มีการคัดค้านการยื่นข้อเสนอดังกล่าวจากพม่า แต่เรียกร้องให้ปรับปรุงการละเมิดสิทธิมนุษยชน การดำเนินตามหลักรัฐธรรมนูญและปฏิรูปการปกครอง ก่อนขึ้นเป็นผู้นำอาเซียน ในปี 2014

        นอกจากนี้ แถลงการณ์ร่วมของผู้นำอาเซียน ยังตกลงที่จะกระชับความร่วมมือเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์

        ส่วนการเสนอขอเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของ ประเทศติมอร์ตะวันออก นั้น ประธานาธิบดียุโดโยโน กล่าวว่า ผู้นำอาเซียน ยินดีรับเข้าพิจารณา แต่จะมีการตัดสินใจในการประชุมครั้งต่อไป นอกจากนี้แล้ว ที่ประชุมอาเซียนยังตกลงที่จะขยายเพดานการสำรองข้าวเพื่อแก้ไขปัญหาราคาที่ ปรับตัวสูงขึ้น



ฮุนเซน อภิสิทธ์

สมเด็จฮุนเซน - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 

[8 พฤษภาคม] สมเด็จฮุน เซน ลั่นไม่ถอนทหาร อ้างเป็นพื้นที่ของกัมพูชา

           สมเด็จฮุน เซน ลั่นไม่ถอนทหาร อ้างเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ระบุหากไทยยอมรับผู้สังเกตการณ์ จะยอมประชุม จีบีซี ด้วย

          วันนี้ (8 พฤษภาคม) สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อม นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศ แถลงภายหลังหารือ 3 ฝ่าย กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย และ นายซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โดยกัมพูชาย้ำถึงจุดยืน ไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่โดยรอบประสาทพระวิหาร และพื้นที่ข้อพิพาทกับไทย โดยอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา

           พร้อมกันนี้ ยังระบุด้วยว่า หากไทยส่งหนังสือยอมรับผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย จะยอมเข้าร่วมประชุม จีบีซี และยืนยันหลังจากนี้จะไม่มีการหารือทวิภาคีดกับไทยอีกแล้ว ซึ่งการหารือนั้น จะต้องเป็น 3 ฝ่าย เท่านั้น โดยให้อาเซียนเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย

          ด้าน นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวถึงภาพรวมการหารือว่า ที่ประชุมยังมีความเห็นที่แตกต่าง และเห็นว่าควรให้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และ นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา หารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขเรื่องนี้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ (9 พฤษภาคม) เพราะจุดยืนของไทย ยืนยันว่าเห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของข้อตกลง ตามที่ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย ลงพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร แต่ทางกัมพูชาควรจะถอนทหารออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนกรณีที่ สมเด็จฮุน เซน ยืนยันไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่นั้น คงต้องพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป


อภิสิทธิ์ ฮุนเซน

          ทั้งนี้ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับน้ำหนักของประเทศอาเซียน ได้เน้นย้ำให้ไทยและกัมพูชาพูดคุยกันเพียง 2 ประเทศ ไม่อยากให้นำเรื่องเข้าสู่เวทีสากลหรือนอกครอบครัว หลังนายกรัฐมนตรีได้ปรึกษากับบรรดาผู้นำอาเซียน ให้ช่วยโน้มน้าวกัมพูชา ซึ่งสาเหตุนี้ก็เป็นแรงกดดันให้กัมพูชามีท่าทีอ่อนลง และหันมาตอบรับการหารือทวิภาคีวันนี้ โดยเชื่อว่ากรอบต่าง ๆ จะชัดเจนขึ้น

          ขณะเดียวกัน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าบรรยากาศการอ่านแถลงการของ สมเด็จฮุน เซน ที่กล่าวหาว่าไทยยิงถล่มกัมพูชาก่อนนั้น ตรึงเครียด แต่หลังจากที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้ชี้แจงไปแล้ว ก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง เป็นไปในลักษณะครอบครัวเดียวกัน

          อย่างไรก็ตาม ภาพรวมจากการพูดคุย ถือว่ากัมพูชาได้กลับมาเข้าสู่กระบวนการพูดคุยตามที่ไทยเรียกร้อง โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องการมีสันติภาพในพื้นที่ความขัดแย้ง ซึ่งโดยในอนาคต กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ของทั้ง 2 ประเทศ จะต้องมีการพบปะประสานงาน

          ขณะเดียวกัน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าบรรยากาศการอ่านแถลงการของ สมเด็จฮุน เซน ที่กล่าวหาว่าไทยยิงถล่มกัมพูชาก่อนนั้น ตรึงเครียด แต่หลังจากที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้ชี้แจงไปแล้ว ก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง เป็นไปในลักษณะครอบครัวเดียวกัน         


ประธานอาเซียน


[7 พฤษภาคม] อินโดฯ เผยไทย-กัมพูชา ยอมให้อินโดฯ ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่ทับซ้อน

          อินโดฯ เผย ไทย-กัมพูชา ตกลงที่จะอนุญาตให้อินโดนีเซีย ส่งผู้สังเกตการณ์ เพื่อไปยังชายแดนระหว่างสองประเทศ เพื่อช่วยป้องกันการปะทะกันทางทหาร

          นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซีย ได้กล่าวว่า ไทยและกัมพูชาตกลงอนุญาตให้อินโดนีเซีย ส่งผู้สังเกตการณ์เพื่อไปยังชายแดนระหว่างสองประเทศ เพื่อช่วยป้องกันการปะทะกันทางทหาร

          โดย นายมาร์ตี ได้กล่าวในวันศุกร์ ( 6 พฤษภาคม) ว่า อาเซียนมีความพยายามที่จะเป็นสื่อกลางช่วยแก้ไขปัญหาขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และจะรายงานให้ทั้งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงของการอ้างอิงสำหรับทีมผู้สังเกตการณ์, ทีมงานผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียที่เราได้รับการพูดถึงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ตอนนี้

          นายมาร์ตี้ กล่าวว่า นั่นเป็นสิ่งที่ทำ และคาดหมายว่าการเจรจาจะได้บทสรุป กัมพูชาและไทยได้ตกลงและยอมรับข้อเสนอนี้ แต่พวกเขาจะยังไม่สรุปอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนทางเอกสารข้อตกลงของการอ้างอิง รวมถึงวิธีการสังเกตการณ์ของชาวอินโดนีเซีย จะได้รับการส่งไปพื้นที่เฉพาะตามแนวชายแดนที่พวกเขาจะดำเนินการ

นายกอภิสิทธิ์

นายกฯ ยอมเจรจา 3 ฝ่ายยุติข้อพิพาทชายแดน

          นายกรัฐมนตรี เผยพร้อมเจรจา 3 ฝ่าย ปมพิพาทชายแดนไทย ยินดีอินโดฯ คนกลาง ขณะที่ฮอร์นัมฮงยันไม่ถอนทหาร

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอินโดนีเซีย ถึงข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา และจะมีการหารือ 3 ฝ่าย คือไทย อินโดนีเซีย และกัมพูชา ว่า หากสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ไทยก็ไม่มีปัญหา  และคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้ เพราะไม่ต้องการให้ปัญหาดังกล่าวกระทบต่อภาพรวมของอาเซียน ดังนั้นไทยต้องการที่จะแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ขณะเดียวกัน ต้องแน่ใจว่าจะไม่มีฝ่ายใดต้องการให้นานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวและสร้างปัญหานี้ให้มากขึ้นไปอีก

          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันไทยเปิดเสมอสำหรับการเจรจาทวิภาคี แต่หากจะมีอินโดนีเซีย เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในฐานะประธานอาเซียน

          ทั้งนี้ภายหลังจากในช่วงเช้าของการประชุมผู้นำอาเซียน สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ใช้เวทีนี้ในการกล่าวหาใส่ร้ายประเทศไทย ว่าเป็นผู้รุกราน ไม่จริงใจ ในการแก้ปัญหาชายแดน แต่ในช่วงบ่าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมอาเซียน ในประเด็นปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา ว่า ไทยต้องการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีตามกลไกลต่าง ๆ ที่มีอยู่ ด้วยการเจรจาทวิภาคี และไม่รุกรานใคร แต่กัมพูชา กลับพยายามนำปัญหานี้เข้าสู่ระดับสากลฟ้องสหประชาชาติ และพยายามที่จะดึงชาติอื่น ๆ เข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งไม่ตรง และไม่สอดคล้องกับหลักการของอาเซียน ที่พยายามสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งแบบครอบครัว มีปัญหาก็แก้ไขกันภายใน

          ภายหลังจากมีการชี้แจงของ นายอภิสิทธิ์ ทำให้ชาติต่าง ๆ ในอาเซียน แสดงความคิดเห็น และส่วนใหญ่ต้องการที่จะให้ทั้ง 2 ประเทศเจรจากัน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยสันติวิธี

ตาเมือนธม ตึงเครียดเหตุทหารไทยซ่อมรั้ว
 
          พรมแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ยังตึงเครียด ทหารเขมรค้านไม่ให้ทหารไทยซ่อมรั้ว จนทหารไทยต้องถอนกำลังหวั่นปะทะ

          แหล่งข่าวทหารไทยแจ้งว่า ทหารกัมพูชา นำโดย พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารชายแดนที่ 402 ภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา นำกำลังทหารจำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธครบมือ มาประชิดแนวกั้นเขตแดนไทยและกัมพูชา ด้านทิศใต้ ห่างจากตัวปราสาทตาเมือนธม ประมาณ 50 เมตร ซึ่งเป็นแนวรั้วเดิมที่สร้างขึ้นมานานหลายปี และอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

          โดยทหารกัมพูชากลุ่มนี้ ค้านไม่ให้ทหารไทย กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ลงมือซ่อมแซมรั้วบริเวณดังกล่าว จึงเปิดการเจรจาขึ้นระหว่างนายทหารไทยกับนายทหารกัมพูชา บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด ท้ายสุดทหารไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ต้องวิทยุขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง และมีคำสั่งให้หยุดการซ่อมแซมรั้วไว้ก่อน ป้องกันอาจมีการกระทบกระทั่งจนเป็นเหตุให้มีการปะทะขึ้นอีกได้

          อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวทางทหาร ยังแจ้งอีกว่า ทหารกัมพูชาเร่งสร้างสนามเพาะ และหลุมบังเกอร์ ตลอดแนวติดรั้วลวดนาม ห่างจากปราสาทตาเมือนธมเพียง 50 เมตรเท่านั้น

กษิต ยันไทยพร้อมเจรจาทวิภาคีเขมรทุกเวที

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  ยืนยัน ไทยพร้อมเจรจาทวิภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

          นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้า ความร่วมมือใน 5 ด้าน คือ พลังงาน อาหาร ภัยพิบัติ การก่อการร้าย และโรคภัยไข้เจ็บ

          และในระหว่างการประชุม นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ได้พยายามนำเรื่องปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา พูดในเวทีการประชุม โดยอ้างว่า ไทยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ขณะที่ไทยได้แย้งผ่านประธานอาเซียน ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ทำให้ ประธานอาเซียน สั่งให้ยุติเรื่องไทย-กัมพูชา ลงเนื่องจากไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม นอกจากนี้ นายกษิต ยืนยันว่า ไทยพร้อมทุกเวทีที่จะมีการพูดคุยในระดับทวิภาคี


เขาพระวิหาร

[6 พฤษภาคม] กัมพูชาลั่นไม่ถอนกำลังจากเขาพระวิหาร

          ศึกไทย-กัมพูชาส่อยืดเยื้อ ศาลโลกอาจใช้เวลาหลายปีตีความคำวินิจฉัยข้อพิพาทเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่กรณีขอให้ไทยถอนทหารใช้เวลา 2-3 สัปดาห์

          หลังจากที่ประเทศกัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ตีความกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ล่าสุด เว็บไซต์หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ รายงานอ้างการเปิดเผยของ นายอองเดร ปอสกาคูคีน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ว่า ศาลโลกอาจใช้เวลาหลายปีในการตีความคำวินิจฉัยกรณีพิพาทเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา

          อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่ทางกัมพูชาร้องขอให้ศาลโลกออกมาตรการเฉพาะกาล เพื่อสั่งให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาท และยุติความเคลื่อนไหวทางทหารทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าวนั้น อาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน

          โดยในการวินิจฉัยทั้งการตีความคำพิพากษาและการออกมาตรการเฉพาะกาลนั้น ศาลโลกจะรับคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรจากฝ่ายต่าง ๆ ก่อนเปิดการไต่สวนสาธารณะ ศาลโลกเองไม่มีอำนาจบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาฝ่ายต่าง ๆ ในคดีสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้

เขมรประกาศไม่ถอนทหารจากเขาพระวิหาร

          กัมพูชาปฏิเสธข้อเรียกร้องของไทย ที่ต้องการให้ถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร อ้าง ไทยไม่มีความจริงใจในการสร้างสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศ

          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยหลังจากการหารือกับ นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ว่า ทางกัมพูชาจะไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของฝ่ายไทย ที่พยายามจะให้มีการถอนกำลังทหารออกจากจุดพิพาทเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด พร้อมกับกล่าวหาว่า ประเทศไทยไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศ

          ขณะที่ นายมาร์ตี กล่าวว่า กัมพูชานั้น ยอมที่จะให้มีการส่งผุ้สังเกตการณ์ไปยังพื้นที่ของตนแล้ว แต่ฝ่ายไทยนั้น เคยยืนยันว่า ต้องการให้กัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท ก่อนที่จะมีการส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่

          สำหรับอินโดนีเซีย ในฐานะประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ได้พยายามไกล่เกลี่ยให้มีการหยุดยิง และนำผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังพื้นที่พิพาทระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ยังไม่บรรลุผล ซึ่งจากการปะทะครั้งล่าสุด ทำให้มีทหารและพลเรือนเสียชีวิตไปถึง 18 ราย โดยจะมีการนำปัญหาพิพาทดังกล่าว หารือในเวทีอาเซียน ประธานในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 พ.ค. นี้

นายกฯ ลั่นเขมรต้องออกจากพื้นที่พิพาท

          นายกฯ อภิสิทธิ์ ลั่นเขมรต้องออกจากพื้นที่พิพาทก่อนอินโดฯ ส่งผู้สังเกตการณ์มาเพราะละเมิดเอ็มโอยู

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่จะมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียมาบริเวณพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชาว่า ตรงนั้นไม่เป็นปัญหา แต่ควรจะให้ทางกัมพูชานำทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รวมถึงประชาชนก็ควรจะออกจากพื้นที่ทั้งหมด ก่อนที่ผูสังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียจะเข้ามา เพราะว่าเป็นการละเมิดเอ็มโอยู

          เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกัมพูชายอมรับข้อเสนอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องที่ทางอินโดนีเซียควรจะไปประสานกับกัมพูชา ซึ่งหากทางกัมพูชายังไม่มีการตอบรับก็จะยังไม่มีการลงนาม แต่ตัวเนื้อหาในทีโออาร์ไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนการจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยในที่ประชุมอาเซียนหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าเนื้อหาของการพูดคุยระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย และทางอินโดนีเซียกับกัมพูชา โดยเป้าหมายสุดท้ายคือการจะไม่ให้มีเหตุการณ์ที่ปะทะกัน

[5 พฤษภาคม] กษิต เตรียมหารือทีมกฎหมาย สู้คดีปราสาทเขาพระวิหาร

          รมว.ต่างประเทศ เตรียมหารือทีมกฎหมายทั้งไทย และต่างประเทศ เพื่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร หลังกัมพูชายื่นฟ้องศาลโลก

          นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหารือกับทีมกฎหมายชาวฝรั่งเศส ออสเตรเลีย แคนาดา เพื่อต่อสู้คดีที่กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลก ให้มีการตีความกรณีคำพิพากษาปราสาทพระวิหารปี 2505 ว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮค ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นหัวหน้าคณะทีมกฎหมาย

          ส่วนทีมที่ไทยจะเป็นข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่ปรึกษาและคณะพิเศษเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายที่แต่งตั้งจาก ครม. ทั้งนี้จะเชิญนักประวัติศาสตร์โบราณคดี เข้าร่วมทีมด้วย

          นอกจากนี้ยังมีการหารือเพิ่มเติมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลโลก ในวันที่ 30-31 พ.ค.นี้ โดย ไทยและกัมพูชาจะใช้เวลาในการชี้แจง 3-4 ช.ม. อย่างไรก็ตามหลังจากชี้แจงต่อศาลโลกด้วยวาจาแล้ว ฝ่ายไทยจะต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ให้ต่อศาลโลก อีก 4-5 เดือน ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงหลังปีใหม่

ศาลโลกเล็งกำหนดวันตีความคำตัดสินพระวิหาร

          ศาลโลก เผยเตรียมกำหนดวันเวลา ในการไต่สวนจากไทยและกัมพูชา ในการแปลความคำตัดสินกรณีปราสาทพระวิหาร

          จากคำร้องของประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ดำเนินการอย่าง "เร่งด่วน" เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับปราสาทพระวิหาร อันเป็นผลมาจากการปะทะกัน ระหว่างทหารกัมพูชาและไทย ตามแนวชายแดน รวมถึงการร้องขอให้แปลความคำตัดสิน กรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 1962

          ล่าสุด โฆษก ICJ กล่าวเปิดเผยว่า ทาง ICJ กำลังจะกำหนดวัน สำหรับคู่กรณี ทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อแสดงตนก่อนที่จะมีการไต่สวนขึ้น และคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่วันหลังจากนี้ ซึ่งคู่กรณีทั้งสองสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ได้ และศาลจะแปลความคำตัดสิน โดยการรับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย

ชาวเขมรข้ามชายแดนหาซื้อสินค้าฝั่งไทย

          ชาวเขมร ข้ามชายแดนหาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฝั่งไทยวันแรก หลังปิดด่าน คาด 1-2 วัน การค้ากลับมาเป็นปกติ

          ขณะนี้ ชาวกัมพูชาข้ามแดนมาเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค หลังจาก ขาดแคลนอาหาร ของอุปโภคจำเป็นหลายอย่าง หลังมีการปิดด่านนานถึง 13 วัน แต่ยังพบว่ามีชาวกัมพูชาเข้ามาบางตา และไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากบางส่วนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์และรอดูท่าทีอีกระยะ ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่ชาวกัมพูชา ข้ามมาซื้อและนำสินค้ามาขาย หลังจาก พลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเจรจากับ พลโท เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ที่ โรงแรมโอเสม็ด รีสอร์ท ฝั่งกัมพูชา เพื่อยุติการสู้รบและหารือแก้ปัญหาการปะทะกันตามแนวชายแดน รวมทั้งได้สั่งให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมให้เป็นปกติเมื่อวานนี้

          ขณะที่ ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมในฝั่งไทย ที่มีการปิดร้านค้ากว่า 13 วัน วันนี้ พบชาวกัมพูชาประมาณ 40 % เดินทางมาเก็บกวาด เพื่อเปิดร้านตามปกติ ขณะที่บางส่วนก็กำลังทยอยเดินทางกลับมาเปิดร้านเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดครบ 100 % ใน 1-2 วันนี้ แต่คาดว่าอาจจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา และอาจจะบางตาอยู่ เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ซึ่งจะต้องใช้เวลากว่าการค้าขาย จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หากไม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดน พบว่าไม่มีเหตุปะทะเข้าวันที่ 3 แล้วคาดว่า สถานการณ์จะกลับคืนสู่ปกติโดยเร็ววันนี้


ไทยปะทะเขมร

ไทยปะทะเขมร

ผู้ค้ากัมพูชานำสินค้าวางขายด่านช่องจอม

          กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชากว่า 50 คน นำสินค้าเตรียมวางขายด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เป็นวันที่ 2 ยัน ไม่หวั่นเหตุปะทะชายแดน

          กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ชาวกัมพูชา กว่า 50 คน เตรียมผักผลไม้และของป่า เข้ามารออยู่บริเวณด่านชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อนำสินค้ามาวางขายที่ตลาดชายแดน ซึ่งวันนี้ ด่านชายแดนช่องจอม เปิดเป็นวันที่ 2 หลังจากต้องปิดไปตั้งแต่ วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์ความไม่สงบ บริเวณแนวชายแดนกัมพูชา
         
          ขณะที่ แม่ค้าขายเสื้อผ้าที่ตลาดชายแดน ซึ่งเป็นชาวกัมพูชา บอกว่า ไม่รู้สึกกลัวกับเหตุการณ์แนวชายแดนรวมถึง การปิดด่าน เพราะเคยเจอเหตุการณ์ปิดด่านมาแล้วหลายครั้ง

          สำหรับด่านชายแดนช่องจอม เปิดให้ชาวไทยและชาวกัมพูชา ผ่านเข้าออกในช่วง 07.00-20.00 น. ของทุกวัน สอบถามเจ้าหน้าที่ ทราบว่า ในช่วงเหตุการณ์ปกติ จะมีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเข้ามาขายของที่ตลาดชายแดนคึกคักกว่านี้ โดยผ่านแดนช่องจอมเข้ามาวันละ กว่า 300 คน

ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชาทำบุญรับขวัญ
 
          ชาวบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ริมชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มทำบุญรับขวัญชาวบ้านและหมู่บ้านกันแล้ว

          บรรยากาศภายในหมู่บ้าน บริเวณแดนชายแดนกัมพูชา ที่จังหวัดสุรินทร์ ในช่วงเช้านี้ หลายหมู่บ้านเริ่มมีการจัดงานทำบุญรับขวัญหมู่บ้าน อย่างเช่นหมู่บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก มีการทอดผ้าป่า ทำบุญรับขวัญชาวบ้าน รวมถึงทอดผ้าบังสุกุลให้กับผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา

          และในบางหมู่บ้าน เริ่มมีการจัดงานมงคล อย่างในหมู่บ้านตาเมียง ได้มีการจัดงานมงคลสมรสของคนในหมู่บ้าน ซึ่งมีกำหนดจัดงานตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ บริเวณแนวชายแดน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ต้องเลื่อนงาน มาจัดในวันนี้แทน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้านได้มาขอความร่วมมือกับทางผู้จัดงานว่า ขอให้งดการใช้เสียงดัง เพราะเกรงว่าอาจจะกระทบกับเรื่องของความปลอดภัย

พ่อค้ากัมพูชาอ้างทหารกัมพูชาดับนับพัน

          พ่อค้ากัมพูชา เผยช่วงศึกสงคราม เห็นรถบรรทุกศพทหารกัมพูชา วันละ 3 - 4 เที่ยว มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด กว่า 1,000 นาย

          นายเจริญ เชือน พ่อค้าชาว จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ในช่วงเกิดการสู้รบ เห็นรถทหารกัมพูชาบรรทุกศพทหารกัมพูชา วันละ 3 - 4 เที่ยว ในรถแต่ละคัน มีศพไม่ต่ำกว่า 30 - 40 นาย สอบถามแล้วพบว่าไม่มีพลเรือนเสียชีวิต เพราะได้อพยพไปก่อนที่จะมีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา และแจ้งอีกว่า ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากการปะทะ ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน และที่เข้ามาภายในวันนี้ เพื่อมาดูสินค้า และจะเปิดร้านขายของในวันพรุ่งนี้

          ขณะที่บ่อนกาสิโนเงียบเหงา มีเพียง 2 คนไทยเท่านั้น ที่เข้าไปเล่นการพนัน แต่บ่อนกาสิโนก็ยังเปิดให้บริการตลอดเวลา ขณะที่ตำรวจกัมพูชาที่อยู่ประจำด่าน บอกว่า อยากให้เปิดด่านตลอดเวลา เพราะชาวกัมพูชาเดือดร้อนมากไม่มีอะไรจะกิน

ชาวตาเมียงทำพิธีเรียกขวัญหมู่บ้าน
 
          ชาวบ้าน ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทำพิธีเรียกขวัญหมู่บ้าน และก่อเจดีย์ทราย เพื่อให้สงบร่มเย็นและขจัดภัยร้ายให้กับชาวบ้านทุกคน

          ชาวหมู่บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พร้อมใจกันทำพิธีเรียกขวัญหมู่บ้าน เพื่อปลอบขวัญชาวบ้านและทหารไทย จากเหตุการณ์การปะทะกันกับทหารกัมพูชาตามแนวชายแดน โดยชาวบ้านได้นิมนต์พระมาสวดทำพิธีเรียกขวัญ หลังจากตกใจกับเหตุการณ์บริเวณแนวชายแดน พร้อมกับมีพิธีก่อเจดีย์ทราย ซึ่งชาวบ้านที่นี่มีความเชื่อว่า จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ไปอยู่กับธงที่ปักไว้บนกองทรายแห่งนี้

          ทางด้าน นายมงคล แหล่งเจริญ อายุ 62 ปี คนเก่าแก่ในพื้นที่เล่าว่า พิธีเรียกขวัญหมู่บ้าน เป็นพิธีกรรมที่ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปกติจะจัดขึ้นในช่วงแรม 15 ค่ำ เดือน 5 หรือประมาณกลางเดือน เม.ย. ของทุกปี แต่ในช่วงนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน จึงต้องเลื่อนมาจัดในวันนี้ ทั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ได้แต่หวังว่า หลังจากทำพิธีเรียกขวัญดังกล่าวแล้ว เหตุร้ายต่าง ๆ คงจะหมดไปจากหมู่บ้านแห่งนี้

ฮุนเซน ลั่นคืนวันอังคารไร้ปะทะชายแดน
 
          ฮุน เซน โว คืนวันอังคารไร้ปะทะ ทหารไทย-กัมพูชา นอนเคียงข้าง แนะควรสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เพื่อเลี่ยงการสู้รบ

          เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ พนมเปญโพสต์ รายงานอ้างคำกล่าว สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา วานนี้ ( 4 พฤษภาคม) ระหว่างพิธีเปิดงานเจดีย์ในกรุงพนมเปญ โดยระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน และถือเป็นคืนแรกของความสงบสุข นับตั้งแต่การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา เริ่มต้น เมื่อวันที่ 22 เมษายน

          นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวด้วยว่า ทหารจากกัมพูชาและไทย ที่ประจำการอยู่ใกล้กับปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ได้นอนหลับอย่างเต็มที่ และทหารที่ปลดอาวุธของแต่ละฝ่าย สามารถนอนเคียงข้างกัน ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากมันเกิดขึ้นจริง จะทำให้การสู้รบไม่เกิดขึ้นอีก

ทหารไทยปะทะกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ


[4 พฤษภาคม] เปิดคำร้องกัมพูชาขอศาลโลกสั่งไทยพ้นเขาพระวิหาร

          ศาลโลกเปิดคำร้องกัมพูชา ขอออกมาตรการคุ้มครองฉุกเฉิน จี้ทหารไทยพ้นพื้นที่ปราสาทพระวิหารโดยไม่มีเงื่อนไข  ด้านฮุน เซน กล่าวหาไทย ยิงกระสุนปืนใหญ่ กว่า 50,000 ลูก โจมตีกัมพูชา

          เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมศาลโลกแถลงคำขอของกัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหารเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.icj-cij.org โดยมีเนื้อหาสำคัญใน 3  ประการ ได้แก่ 

          สำนักข่าวเอพี และ วอชิงตัน โพสต์ รายงาน ตามคำร้องของกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 เมษายน และ ถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ เมื่อวันอังคารที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการร้องขอให้ ICJ สั่งการให้ไทย ถอนกำลังทหาร และหยุดกิจกรรมทางการทหาร ในพื้นที่รอบวัดอันเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเร่งด่วน เนื่องจากสถานการณ์ที่มีแนวโน้มของความรุนแรงเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีการกล่าวอ้าง ตามคำตัดสินของศาลเมื่อ ปี 1962 มายืนยันว่า ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา รวมถึงเตือนว่า หากการร้องขอถูกปฏิเสธ และการปะทะยังคงดำเนินต่อไป จะสร้างความเสียหายให้กับตัวปราสาทพระวิหาร รวมถึงนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิต และการทุกข์เข็ญของมวลมนุษย์  

          ทั้งนี้คำเผยแพร่ดังกล่าวสรุปสาระสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 

          1. กัมพูชาได้ยื่นร้องต่อศาลโลกให้มีการออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว และให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทปราสาทพระวิหารทันที โดยไม่มีเงื่อนไข 

          2. ให้ยุติกิจการทางการทหารของไทยทุกประเภทในพื้นที่พระวิหาร

           3. เรียกร้องให้ไทยหยุดกิจการดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นการแทรกแซงสิทธิของกัมพูชา

          ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลโลกระบุว่าการยื่นเรื่องดังกล่าวของกัมพูชาเป็นการเริ่มต้นคดีพิพาทครั้งใหม่ กัมพูชาต้องการให้ศาลโลกอธิบายความหมายและขอบเขตของคำวินิจฉัยดังกล่าว ซึ่งการตีความนี้จะมีผลผูกมัดต่อกัมพูชาและประเทศไทย และจะเป็นพื้นฐานของการหาข้อยุติต่อกรณีพิพาทนี้ โดยใช้การเจรจาหรือวิถีทางสันติอื่นๆ

          "เหตุปะทะอย่างรุนแรงกำลังเกิดขึ้น ขณะมีการยื่นเรื่องขอตีความนี้ ซึ่งประเทศไทยมีส่วนรับผิดชอบอย่างเต็มที่" สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างกัมพูชากล่าวในคำร้อง


สุวิทย์ คุณกิตติ

สุวิทย์จ่อถกนอกรอบเขมร 25 พ.ค.นี้

          "สุวิทย์ คุณกิตติ"  ไม่แสดงความเห็น กัมพูชา ร้อง ศาลโลก ขณะเตรียมหารือกัมพูชานอกรอบ 25 พ.ค. เลื่อนการทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหาร

          นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก กล่าวว่า วันที่ 25 พ.ค.นี้ ที่จะมีการประชุมนอกรอบระหว่างไทยกัมพูชาที่ยูเนสโกจัดขึ้น จะมีการหารือ เพื่อเลื่อนการจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่นอกปราสาทพระวิหาร

          โดยก่อนหน้านี้ ผู้แทนพิเศษของยูเนสโก ได้เดินทางไปกัมพูชา ซึ่งหากกัมพูชา ยอมรับข้อเสนอนี้ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเดือนมิถุนายนแล้ว ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ทำความเข้าใจกับประเทศภาคีสมาชิก ว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นสาเหตุทำให้เกิดความตึงเครียดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทำให้เกิดการปะทะ 7-8 ครั้งที่ผ่านมา จึงเชื่อว่า ทุกฝ่ายจะเข้าใจปัญหาที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันไม่ขอออกความเห็นที่ทางกัมพูชา ยื่นเรื่องให้ศาลโลกมีคำพิพากษา ในปี 2505 เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ


ไทยปะทะเขมร

แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุเจรจาหยุดยิงกับกัมพูชาแล้ว
 
          แม่ทัพภาค 2 รุดเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดน พร้อมระบุ เจรจาหยุดยิงกับผู้บัญชาการทหารระดับสูงของกัมพูชาแล้ว

          พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 รุดเยี่ยมอาการทหารเจ็บ ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พร้อมมอบเงินบำรุงขวัญให้แก่ทหารไทย และระบุว่า สำหรับทหารเกณฑ์ที่กำลังจะปลดประจำการ ถ้าอยากเป็นทหารต่อ ทางกองทัพพร้อมที่จะดูแลเป็นพิเศษ เพราะผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว

          พล.ท.ธวัชชัย ยังกล่าวต่อด้วยว่า ได้เจรจาในระดับผู้บัญชาการทหารระดับสูงแล้ว ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ในการเรื่องการหยุดยิง หากมีเหตุขัดข้องก็จะได้ประสานงานทางวิทยุ หรือทางโทรศัพท์ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนกันไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ขณะนี้ยังคงต้องดูไปอีกสักระยะ และทหารไทยยังคงปฏิบัติหน้าที่เข้มในการรักษาอธิปไตย รวมถึงการดูแลทุกข์สุขให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยต่อไป

กมธ.ต่างประเทศค้านแนวทางรัฐสู้คดีเขมรศาลโลก

          มติคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ค้านแนวทางรัฐบาลต่อสู่คดีกัมพูชาในศาลโลก หวั่นเป็นการเผชิญหน้า แนะเจรจาหาทางออกร่วมกัน หรือรอรัฐบาลใหม่เหมาะสมกว่า

          นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการว่า ในวันนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้รองอธิบดีกรมสนธิสัญญา และกฎหมาย เข้าชี้แจงในกรณีการต่อสู้ที่กัมพูชา ยื่นศาลโลกให้มีการทบทวนคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 โดยทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตั้งคณะทำงานของฝ่ายไทย ซึ่งมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และประสานฝ่ายทนายความ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส และคดี ขณะที่ในประเทศไทย มีคณะกลไกของกระทรวงการต่างประเทศ โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในเรื่องของคดี

          นอกจากนี้ นายต่อพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของมติคณะกรรมาธิการ ไม่เห็นด้วยในการดำเนินการของรัฐบาลต่อกรณีดังกล่าว โดยการนำประเทศไทยเข้าสู่การต่อสู้คดีในศาลโลก เพราะถือเป็นการเผชิญหน้า แต่อยากให้มีการกลับเข้าสู่การเจรจา เพื่อหาทางออกร่วมกันใน 3 มิติ คือ การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ มากกว่า ส่วนอีกแนวทางหนึ่ง คือ รอให้การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการ

ด่านช่องจอม คึกคัก หลังเปิดวันแรก
 
          ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เปิดให้บริการแล้ว ผู้จัดการตลาดระบุ พ่อค้า ทยอยกลับมาเปิดร้านบางส่วน

          จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เปิดให้บริการแล้ว หลังถูกปิดจากกรณีเหตุความไม่สงบตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการสู้รบมากว่าสัปดาห์ โดยมีประชาชนชาวกัมพูชา เริ่มเดินทางผ่านแดนถาวรช่องจอม เพื่อเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ตลาดชายแดนช่องจอม

          โดยนายพัฒนา ชื่นยง ผู้จัดการตลาดการค้าชายแดนไทยช่องจอม กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีสำหรับพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยและชาวกัมพูชา ซึ่งทยอยมาเปิดร้านบางส่วนแล้ว เพราะเป็นวันแรกของการเปิดด่าน คาดว่า เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นเหมือนเดิม

EOD เร่งกู้ระเบิดในพื้นที่สุรินทร์

          ร.อ.โอสถ การหัส หัวหน้าชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 นำเจ้าหน้าที่ชุด EOD เข้าเก็บกู้ส่วนขับเคลื่อนจรวด BM 21 ภายในสวนยางพารา พื้นที่หมู่บ้านบุอำเปา ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

          โดย ร.อ.โอสถ กล่าวว่า ทำการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ มาตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยสามารถเก็บกู้ส่วนขับเคลื่อนจรวด BM 21 ได้แล้วกว่า 50 ลูก โดยจรวด BM 21 หนึ่งชุด มี 40 นัด รัศมีทำลายล้างประมาณ 0.9 ตารางกิโลเมตร โดยในพื้นที่หมู่บ้านบุอำเปา ได้รับแจ้ง มีจรวด BM 21 มาตกประมาณ 20 ลูก ซึ่งขณะนี้ยังคงต้องตรวจสอบในพื้นที่ เพื่อทำการเก็บกู้เพิ่มเติม

          อย่างไรก็ตาม ในส่วนของระเบิดที่เก็บได้ในพื้นที่ และยังไม่ทำงาน ทางหน่วย EOD จะขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเพื่อขอทำลายวัตถุระเบิด ในวันที่ 10 พ.ค. นี้

สุเทพเตรียมเปิดตัวทนาย สู้กัมพูชาดึงพระวิหารขึ้นศาลโลก

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชาดึงเรื่องปราสาทเขาพระวิหารขึ้นศาลโลกว่า ทางรัฐบาลไทยเตรียมพร้อมสู้คดีอย่างเต็มที่ และเตรียมจะเปิดตัวทนายความที่จะช่วยสู้คดีในอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นใคร และสัญชาติอะไร พร้อมกับแสดงความมั่นใจว่า จะชนะคดี เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยได้แน่นอน

ชายแดนสุรินทร์สงบ ชาวบ้านยังผวา
 
          สถานการณ์ชายแดน ใน จ.สุรินทร์ ตลอดคืนยังสงบ แต่ชาวบ้านยังไม่วางใจ หนีออกมานอนในหลุมหลบภัยและบ้านญาติ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขอให้หยุดยิงถาวร

          สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น แต่ชาวบ้านในพื้นที่ติดแนวชายแดน ยังคงต้องออกจากบ้านไปอยู่ที่ศูนย์อพยพ และบ้านญาติที่อยู่ห่างจากออกไปจากแนวชายแดน

          โดย นางถนอม จิตนงค์จิต ชาวบ้านในพื้นที่หมู่บ้านไทยสันติสุข 16 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 3 กิโลเมตร เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้จะไม่มีเหตุปะทะกัน แต่ก็ยังไม่นิ่งนอนใจ จึงได้พาครอบครัวไปนอนที่ศูนย์อพยพนิคมปราสาท พร้อมกับกล่าวเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลให้เหตุการณ์สงบโดยเร็ว และอยากให้มาสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพราะทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดระแวง

          อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูเรื่องของการเจรจาหยุดยิงถาวร รวมถึงการพิจารณาเปิดด่านชายแดนช่องจอม ว่า ฝ่ายความมั่นคง จะอนุมัติให้เปิดในวันนี้หรือไม่

 กัมพูชาบอกไทยยิงปืนใหญ่ 5 หมื่นลูกใส่กัมพูชา 

          สำนักข่าว ดืม อัม ปึม ของกัมพูชา รายงานเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม อ้างคำกล่าวของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในวันงานกาชาด ว่า ระหว่างการปะทะกันกับฝ่ายไทย นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ยิงอาวุธหนักขนาด 105-155 มิลลิเมตร กว่า 50,000 ลูก เข้ามาในฝั่งของกัมพูชา  

นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้เรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น รวมถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดวัตถุระเบิด จัดการกับระเบิดที่ยังไม่ทำงาน เพื่อให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชานับหมื่นคน สามารถกลับสู่บ้านเรือนของตนได้






[3 พฤษภาคม] ปภ.สรุปเหตุปะทะชายแดน 12 วัน ทหารไทยตาย 8 นาย

          โฆษกกองทัพภาค 2 เผย บริเวณปราสาทตาควาย ยังมีเหตุปะทะ ส่งผลทหารดับ 1 เจ็บ 3 นาย ยันเขมรยิงก่อน ขณะที่ ผู้บัญชาการทหารบก ระบุรบเพื่อชนะไม่ยาก แต่หวั่นปัญหาเจรจาภายหลัง

          พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาค 2 เปิดเผยเกี่ยวกับ สถานการณ์เหตุปะทะกัน ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดนว่า เมื่อเวลา 21.00 น. (2 พฤษภาคม) เกิดเหตุปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย โดยทางกัมพูชาได้ใช้ปืนเล็กและยิงระเบิดจำนวน 3 ลูก มายังฝั่งไทย ซึ่งทางไทยก็มีการตอบโต้ด้วยปืนเล็กกลับไปเช่นกัน ทำให้มีการปะทะเป็นระยะ ตั้งแต่เวลา 21.00-03.00 น. มีการยิงปืนหลายร้อยนัด ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย และเสียชีวต 1 นาย ส่วนประชาชนในพื้นที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์อพยพ อ.ปราสาท แล้ว

          ทั้งนี้ โฆษกกองทัพภาค 2 ยังกล่าวด้วยว่า ในวันนี้ จะมีการร่วมเจรจากันระว่างหน่วยในพื้นที่ของทั้งทางไทยและกัมพูชา เพื่อหารือมาตรการที่จะไม่ให้เกิดเหตุการปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย โดยคาดว่า น่าจะมีความเข้าใจกันเกิดขึ้น

  ปภ.สุรินทร์ สรุปเหตุปะทะ ทหารไทยตาย 8 นาย
 
          นายทวีศักดิ์ บัวพา หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย -กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน- 3 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ทหารเสียชีวิตจากการปะทะกันในแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 8 นาย บาดเจ็บ 123 นาย พลเรือนเสียชีวิต จำนวน 4 ราย โดยเสียชีวิตจากการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 1 ราย พลเรือนเสียชีวิตในศูนย์อพยพฯ 3 ราย

          ทั้งนี้ จังหวัดสุรินทร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ส่วนการให้ความช่วยเหลือราษฎรซึ่งบ้านเรือนได้รับความเสียจากการปะทะนั้น ได้ให้การช่วยเหลือ ดังนี้

          อำเภอพนมดงรัก บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 67,400 บาท เสียหายบางส่วน 12 หลังมอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 240,000 บาท

          อำเภอกาบเชิง บ้านเรือนราษฏรเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 51,000 บาท เสียหายบางส่วน 4 หลัง มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 82,000 บาท คอกสัตว์เสียหาย 1 ราย มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 3,000 บาท และเครื่องมือประกอบอาชีพเสียหาย 2 ราย มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 20,000บาท


แม่ทัพภาค 2 ยันปะทะเมื่อคืน เขมรยิงก่อน
 
          ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ว่า เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 19.00 - 20.00 น. มีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยมีรายงานว่า มีลูกกระสุนปืน ค.82 เข้ามาตกในฐานทหารฝั่งไทย ทหารไทยจึงได้ทำการยิงโต้ตอบด้วยปืน ค. เช่นกัน และเมื่อเวลา 02.30 น. ของวันที่ 3 พ.ค. ได้มีการปะทะกันอีกระลอก ด้วยปืนยาว ปืนเล็ก และ ปืน ค. ประปรายตลอดเวลา

          โดยหยุดการปะทะเมื่อเวลา 04.00 น. ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ขณะนี้ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ยืนยันว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนจากเหตุดังกล่าว และ พ.อ.ปรีดา บุตรราช ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 2 ยืนยัน พร้อมรับสถานการณ์การอพยพกลับของประชาชน เนื่องจากกองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการซักซ้อม และทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา


  ผบ.ทบ.รับชายแดนยังปะทะ ชี้รบชนะไม่ยาก


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ยังมีการปะทะกันอยู่และกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ซึ่งทหารไทยได้ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียกำลังพล และไม่ต้องการให้เกิดการปะทะขยายวงกว้าง เพราะการรบเพื่อชนะไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อเสร็จสิ้นจะยากในเรื่องของการเจรจา และผลกระทบที่ตามมา ทั้งนี้ ได้ย้ำกับกำลังพลในเรื่องการปฏิบัติให้ระมัดระวัง เนื่องจาก จะเป็นหลักฐาน เมื่อนำสู่การพิจารณาระดับสากล นอกจากนี้ ยังมีการปรับการทำงานและตอบโต้ตามความจำเป็นและกฎการใช้กำลังของกระทรวง กลาโหม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่มีเรื่องของไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง

          ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวด้วยว่า ได้มีการชี้แจงให้ผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทย รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนการเจรจาต้องมีการพูดคุยในทุกระดับที่เป็นกลไก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่ การส่งผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่แนวชายแดน บริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อกำหนดกรอบอย่างชัดเจน ซึ่งไทยมีจุดยืนที่จะให้ทหารและชุมชนออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารก่อน


เขมรกล่าวหาไทยยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง
 
          เขมรกล่าวหาไทย  ยังทำการโจมตีเข้ามาที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ตลอดวันอาทิตย์ จนถึงเช้ามืดวันจันทร์ ที่ผ่านมา และถือเป็นวันที่ 11 ของเหตุปะทะกันรุนแรง

          พล.ต.เสก สุเชียต (Seak Socheat) รองผู้บัญชาการรทหารภาค 3 ของกัมพูชา กล่าวให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กับสำนักข่าวซินหัว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 10.15 น. คืนวันอาทิตย์ (2 พฤษภาคม) จนถึง 05.00 น. เช้าวันนี้ (3 พฤษภาคม) กองกำลังทหารไทย ได้ทำการขว้างระเบิดขนาดเล็กเข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม รวมถึงการยืงปืนเล็กเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวตลอดทั้งคืน ซึ่งทางกัมพูชา เพียงยิงปืนเล็กตอบโต้กลับ ในขณะที่การปะทะกันช่วงเช้าวันนี้ (3 พฤษภาคม) มีจุดประสงค์เพื่อสกัดกั้นการบุกรุกพื้นที่ของกัมพูชา จากทหารราบฝ่ายไทย

 ชาวไทยสันติสุขกลับบ้านหลังสงครามสงบ
         
          ชาวบ้านไทยสันติสุข ทยอยกลับบ้านแล้ว หลังสถานกาณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยทหารยังคงตรึงกำลังเข้มงวดเช่นเดิม

          ชาวบ้านในหมู่บ้านไทยสันติสุข พื้นที่ หมู่ 16 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กลับเข้าสู่บ้านเรือนกันแล้ว หลังจากที่ออกไปอยู่ศูนย์อพยพนานกว่า 10 วัน โดย นางปราณี อำนาจเจริญ ชาวบ้านในหมู่บ้านไทยสันติสุข กล่าวว่า ออกไปอยู่ที่ศูนย์อพยพนิคมปราสาท ประมาณ 7 วัน และวันนี้ ได้กลับบ้านแล้ว รู้สึกดีใจ เพราะเมื่ออยู่ที่บ้านของตนเอง จะทำอะไรก็สะดวก แต่ก็ยังรู้สึกกลัวว่า เหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นมาอีก จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดการปัญหาให้ยุติ และให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

          อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เหมือนจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ยังมีทหารตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดน



พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว



[2 พฤษภาคม] เขมรปัดธงไทยปลิวไสวเหนือปราสาทตาควาย

          โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เผยสถานการณ์ชายแดนดีขึ้น ยังมียิงกันเล็กน้อย ใกล้เคียงปราสาทตาควาย

          วันนี้ (2 พฤษภาคม) พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์บริเวณริมชายแดนไทย-กัมพูชา จากเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา (1 พฤษภาคม) สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นมาก ส่วนความเคลื่อนไหวมีเพียงเล็กน้อย ช่วง 4-5 ทุ่ม ทางกองกำลังสอดแนมกัมพูชา ได้ใช้ปืนเล็กประจำกายยิงเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณปราสาทตาควาย เพียง 2-3 นัด จนกระทั่งช่วงเวลา ตี 3-4 หน่วยสอดแนมของฝ่ายกัมพูชาได้ยิงเข้ามาอีกครั้ง และมีการใช้ระเบิดมือเพียง 1 ลูก ฝ่ายไทยจึงตอบโต้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ก่อนหยุดยิง

          ทั้งนี้ โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การยิงดังกล่าวไม่ใช่เป็นการปะทะ แต่เป็นวิธีการปฏิบัติทางการทหาร ที่ทางกัมพูชาส่งกำลังเข้ามาสอดแนมบริเวณริมชายแดน เพื่อหาข่าวว่าฝ่ายไทยมีกองกำลังหรือฐานที่มั่นตรงไหนอย่างไร

          นอกจากนี้ โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ในวันนี้อาจจะมีการหารือกันในเรื่องการผลักดันประชาชน ที่อพยพมาอยู่ที่ตามศูนย์อพยพต่าง ๆ ให้กลับสู่ที่ดินทำกินของตนเอง เนื่องจากสถานการณ์การปะทะกันเริ่มเบาบาง ถึงแม้ว่าจะไม่ 100 % แต่แนวโน้มก็เป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากเมื่อวานนี้ ได้มีการเจรจากับทางผู้บังคับบัญชากัมพูชา ก็มีท่าทีที่ต้องการจะหยุดยิงถาวรเช่นกัน

          ส่วนกรณีที่ว่าการที่ทหารกัมพูชาถอยร่นออกจากพื้นที่ริมชายแดน อาจจะเป็นกลลวงนั้น โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าฝ่ายไทยเคยเจอกับสถานการณ์ดังกล่าว มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ซึ่งทางกองทัพก็ไม่ประมาท ยังคงวางกองกำลังทหารตลอดแนวชายแดน เพื่อรักษาฐานที่มั่นต่าง ๆ ไว้

เขมรปะทะไทย

          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการส่งกลับประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ที่ประชุมมีมติอนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าพื้นที่ได้แล้ว พร้อมกับประกาศปิดศูนย์อพยพทั้ง 35 ศูนย์ ในพื้นที่ โดยจะปิดไว้เพียง 1 ศูนย์ ณ ที่ว่าการนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท เพื่อขอรอดูสถานการณ์ อีก 3 วัน และใช้เป็นศูนย์ประสานงานกลางร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ

          พร้อมกันนี้ หมู่บ้าน 2 แห่ง ที่อยู่ใกล้ชายแดนที่เป็นพื้นที่กระสุนตก อย่างหมู่บ้านหนองคันนาและหมู่บ้านไทยเจริญ หากประชาชนอยากจะกลับก็จะอนุญาตให้กลับเข้าบ้านได้ แต่เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนใน 2 หมู่บ้านนี้ ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลเพิ่มเติมให้ ทั้งนี้ ในการส่งกลับประชาชน จะจัดพาหนะไว้ 3 แบบ คือ พาหนะของทางราชการ อย่างรถทหาร และมีการประสานกับทางขนส่งจังหวัด ให้จัดรถมารับประชาชนกลับบ้าน และสุดท้ายหากใครที่มีรถยนต์ ก็จะมีค่าน้ำมันเตรียมไว้ให้ด้วย

         นอกจากนี้ ในการดูแลเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บริเวณแนวชายแดน ตามระเบียบ และหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง หากมีประชาชนที่เสียชีวิตจากสาเหตุการสู้รบ จะได้รับเงินรายละ 25,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้รายละ 50,000 บาท และหากบาดเจ็บจะได้รับเงินรายละ 3,000 บาท ในส่วนของบ้านเรือนประชาชน หากได้รับความเสียหายทั้งหลัง จะได้รับเงินชดเชยหลังละ 30,000 บาท แต่หากเสียหายบางส่วน ก็จะชดเชยไปตามจริงไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เซ็นอนุมัติไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง และมอบเงินให้กับผู้ประสบภัยไปแล้ว

          ขณะเดียวกัน พลโท ฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประกาศว่าเขาจะให้บ้าน 1 หลัง และที่ดินอีก 5 ไร่ และเงินไม่กี่พันบาทของค่าจ้างตามปกติ กับทุกคนที่ยินดีที่จะเป็นทหารและการต่อสู้กับประเทศไทย โดยประกาศนี้ได้ออกอากาศใน จังหวัดสำโรง และ อ.อัลลองเวง

          ด้าน Suos Sothea รองผู้บังคับการของหน่วยทหารปืนใหญ่ของกัมพูชา ได้เผยทางโทรศัพท์กับสื่อฝรั่งเศสว่า ได้รับสัญญาณเงียบสงบชั่วคราวแล้ว และชาวบ้านกว่า 37,000 คน แนวชายแดนได้น่าจะเริ่มที่จะกลับบ้านได้ เพราะสถานการณ์วันนี้เป็นวันที่เงียบสงบ

          ขณะที่ Nhim Vanda รองกรรมการผู้อำนวยการคณะกรรมการแห่งชาติของกัมพูชา สำหรับการจัดการภัยพิบัติบอกสื่อฝรั่งเศสเช่นกันว่า ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย อธิบายและบอกว่าปัญหาชายแดนลดความตึงเครียดลงระดับหนึ่งแล้ว มันเป็นสัญญาณที่ดี แต่ทางเรา เราจะติดตามสถานการณ์อีก 2-3 วัน ก่อนที่จะช่วยให้ประชาชนได้กลับบ้าน

  เขมรปัดธงไทยปลิวไสวเหนือปราสาทตาควาย

         กองทัพกัมพูชาปฏิเสธการรายงานข่าวของไทย ว่า ยังมีศพทหารกัมพูชา 2 นาย ถูกทิ้งไว้ในเขตปะทะ พร้อมยืนยัน ยังไม่มีธงชาติไทยปลิวไสวเหนือปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม

         แถลงการณ์จากกองทัพกัมพูชา (RCAF) ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 ได้ปฏิเสธการรายงานจากสื่อไทย ก่อนหน้านี้ ว่า ยังมีร่างนายทหารที่เสียชีวิต 2 นาย ถูกทิ้งไว้ในเขตปะทะ โดยแถลงการณ์ระบุ ข้อมูลและรูปภาพทั้งหมด ถูกทำขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และทหารของกองทัพกัมพูชา หากได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จะถูกบันทึกข้อมูลโดยทันที และสำหรับผู้ที่เสียชีวิต ก็จะมีการจัดพิธีทางศาสนาแบบดั้งเดิม เพราะสิ่งเหล่านี้ คือเกียรติอันสูงสุดสำหรับชาวกัมพูชา

         นอกจากนี้ ตามแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีธงชาติไทยปักอยู่เหนือปราสาทตาควาย หรือแม้กระทั่งปราสาทตาเมือนธม

ไทยปะทะเขมร

ไทยปะทะเขมร

ไทยปะทะเขมร

  ผู้ลี้ภัยสงครามสุรินทร์กลับเข้าบ้านแล้ว

          ชาวสุรินทร์ที่ลี้ภัยสงครามเดินทางกลับเข้าบ้านพักแล้ว ด้านผู้ว่าฯ เชื่อ จะไม่มีการใช้อาวุธหนักปะทะกันอีก แต่ยังคงไม่ปิดศูนย์อพยพ เพื่อความไม่ประมาท

          นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนฝั่ง จ.สุรินทร์ ไม่มีการใช้ปืนอาวุธหนัก หรือปืนใหญ่ เข้ามาในพื้นที่เป็นวันที่ 4 แล้ว เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ถึงแม้จะมีการใช้อาวุธเล็กประจำกายอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน และไม่น่าจะมีการใช้อาวุธหนักตอบโต้กันอีก ประกอบกับประชาชนได้อพยพออกมาร่วม 11 วัน แล้ว จึงห่วงทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง และต้องการเดินทางกลับ เพื่อไปประกอบอาชีพและใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ จึงอนุญาตให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านได้

          โดยขณะนี้ ได้มีการจัดยานพาหนะทั้งรถของทหาร ตำรวจ จากขนส่งจังหวัด และรถส่วนตัว จ่ายค่าน้ำมันให้ในการขนส่งผู้อพยพกลับหมู่บ้านของตนเอง ส่วน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านหนองคันนา และบ้านไทยนิยมพัฒนา ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดน และเป็นพื้นที่เป้าหมาย เคยมีกระสุนปืนใหญ่ตก ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัย และสร้างความอุ่นใจให้ประชาชนมากขึ้น

          อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในวันนี้จะปิดศูนย์อพยพทั้ง 35 ศูนย์ และจัดส่งประชาชนกลับไปแล้ว แต่จะยังไม่ปิดศูนย์อำนวยการฯ เพื่อรอดูสถานการณ์และใช้ในการประสานงานต่อไปอีก 3 วัน หากเกิดการปะทะรุนแรงขึ้นมาอีก ก็จะทำการเคลื่อนย้ายประชาชนตามแผนการอพยพออกมาอยู่ตามจุดอพยพเดิมที่กำหนดไว้


ธงชาติไทย


[1 พฤษภาคม] ไทยเฮ! ทหารไทยขึ้นปักธงบน ปราสาทตาเมือนธม

          ชาวไทย เฮ! ทหารไทยขึ้นปักธงชาติบน ปราสาทตาเมือนธม แล้ว ขณะชาวโคราชนำสิ่งของมอบเป็นขวัญกำลังใจ ระบุ ยังขาดผ้าขาวม้า - ยากันเชื้อรา

          ข่าวดีสำหรับประชาชนชาวไทย แหล่งข่าวทางทหารฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทหารไทยได้ปักธงไตรรงค์ หรือ ธงชาติไทย บน ปราสาทตาเมือนธม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากปะทะเดือดมานานกว่า 10 วัน

         ขณะที่ชาวบ้าน จ.นครราชสีมา ทั้ง 32 อำเภอ นำเครื่องอุปโภคบริโภค เส้นหมี่โคราช ข้าวสารอาหารแห้ง ปลากระป๋อง น้ำดื่ม มามอบให้กับทหารที่บ้านหนองคันนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และจากการสอบถามทหาร ขณะรับมอบสิ่งของบริจาคจากชาวนครราชสีมา กล่าวว่า ยังต้องการผ้าขาวม้า กางเกงใน ถุงเท้า และยากันเชื้อรา เนื่องจากใส่รองเท้าคอมแบทมานานกว่า 10 วันแล้ว

สิ่งของพระราชทาน

สิ่งของพระราชทาน

         ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ นำชุดทานน้ำใจ สภากาชาดไทย พระราชทาน ซึ่งประกอบด้วยผ้าห่ม มุ้ง เครื่องนุ่งห่ม ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยจากการปะทะบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา....

          ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงเรียนกันทราราม ต.กันตวจระมวล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จำนวน 600 ชุด
          ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงเรียนตานีวิทยา ต.ตานี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จำนวน 500 ชุด
          ที่โรงเรียนบ้านโนนเจริญพิทยาคม ต.หินลาด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จำนวน 400 ชุด

          รวมทั้งสิ้น 1,500 ชุด โดยออกปฏิบัติงานร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ และเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ ในการตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสภากาชาดไทย ได้มาตั้งโรงครัวเคลื่อนที่ ที่โรงเรียนปราสาทวิทยาคาร ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ประกอบอาหาร มอบให้กับชาวบ้านที่ศูนย์ประสบภัยในพื้นที่


เหตุปะทะ ไทย-กัมพูชา

           ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 สรุปการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา  9 วัน ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บขณะนี้จำนวน 96 นาย เสียชีวิต 7 นาย พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 2 ราย ส่วนยอดผู้อพยพรวม 52,438 คน มีศูนย์อพยพ 42 แห่ง ใน 2 จังหวัด คือ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ 

           สำหรับรายชื่อทหารไทย ที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา เพิ่มเติม 11 คน ประกอบด้วย....

           1. ร.ท.โฆษิต ส่องแสงขจร สังกัด ร.8 พัน 2 อาการสาหัส ถูกสะเก็ดระเบิดที่กลางหลัง ถูกส่งตัวรักษาที่ ร.พ.พระมงกุฎเกล้าฯ แล้ว
           2. ร.ท.วีระ ชัชวาลย์ สังกัด ร.8 พัน.1
           3. พลทหาร กฤษดา พรหมจักร ร.8 พัน 1
           4. พลทหาร ดำรง บัวขาว สังกัด ร.13 พัน 2 ซึ่ง 3 คน หลังได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย
           5. จ.ส.ต.บุญเทียน ศรีจันทร์ โดนสะเก็ดระเบิดที่ขาซ้าย
           6. พลทหาร ไกรสร อินทร์เฉื่อย
           7. พลทหาร สราวุฒิ จู้จำรูญ
           8. ส.อ.พงศธร บางแก้ว
           9. พลทหาร วันชัย บัณฑิต
           10.พลทหาร สุเมธ ปานทอง
           11. พลทหาร ศราวุธ โพธิ์ศรี สังกัด ร. 1 พัน 3 ถูกสะเก็ดระเบิดตามลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส


เขมรปะทะไทย




[30 เมษายน] กัมพูชาร้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แปลคำตัดสินขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร

           กัมพูชา ร้อง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แปลคำตัดสินในปี 1962 เกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร

           นายกอย เกือง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ประกาศวานนี้ (29 เมษายน) ในกรุงพนมเปญ หลังเกิดการปะทะครั้งใหม่ตามแนวชายแดน แม้จะมีการบรรลุข้อตกลงการหยุดยิงครั้งแรก จากผู้บัญชาการทหารระดับสูงของทั้งไทย และกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดี

           โดย นายกอย เกือง กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาต้องการให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แปลคำตัดสินเมื่อปี ค.ศ. 1962 ว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา และกล่าวว่า อำนาจการปกครองในพื้นที่จะขึ้นอยู่กับแผนที่ ที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ

         ขณะที่การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ทหารไทย 2 นาย ได้ถูกทหารกัมพูชาซุ่มยิง ขณะเดินลาดตระเวนที่บริเวณปราสาทตาควาย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทหารไทยส่งโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์แล้ว

องอาจ เยี่ยมผู้อพยพ เชื่อ1-2 วันหยุดยิง
 
          รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยม และให้กำลังชาวบ้าน หนีการสู้รบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อสถานการณ์ดีขึ้น 1-2 วันนี้

          นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรองนางสาวไทย ประจำปี 2553 และศิลปินจากอาร์สยาม เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ศูนย์อพยพโรงเรียนโสตศึกษา ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

          โดย นายองอาจ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ทางด้าน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เจรจากับทางฝ่ายกัมพูชา ซึ่งคาดว่า วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ ไม่น่าจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นอีก แต่ประชาชนเองก็ยังไม่ไว้วางใจเท่าที่กองทัพมีการประชุมประเมินเหตุการณ์กัน คาดว่าการสื่อสารกับแนวหน้าที่มีการควบคุมกำลังพลทางฝ่ายกัมพูชายังไม่มีความชัดเจน ซึ่งตรงจุดนี้ไทยจึงเรียกร้องให้ทหารกัมพูชาหยุดยิงก่อน จึงให้ประชาชนอพยพ กลับเข้าที่พักได้ ซึ่งหากมีการยิงมาจากฝั่งกัมพูชา ทหารไทยจะยิงตอบโต้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยรุกรานทางกัมพูชาก่อน

          ขณะที่สถานการณ์ของผู้อพยพในศูนย์อพยพโรงเรียนโสตศึกษา ขณะนี้มียอดของประชาชนที่อพยพมายังศูนย์แห่งนี้ 2,923 คน และยังมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธารน้ำใจจากผู้ที่มีจิตศรัทรา ที่ยังคงร่วมบริจาคสิ่งของให้กับประชาชนเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

วิทยุเขมร เผย ฮุน มาเนตขอกำลังรบเวียดนาม

          สื่อวิทยุเขมรออกอากาศระบุ ฮุน มาเนต ขอกำลังหน่วยรบพิเศษของเวียดนาม 4,500 นาย เตรียมเปิดศึกชิงปราสาทตาควาย หลังสภาสูงกัมพูชาเห็นชอบ

          วิทยุบายน เอฟเอ็ม 95 เมกกะเฮิรตซ์ ออกอากาศจากประเทศกัมพูชา รายงานว่า พล.ท.ฮุน มาเนต บุตรชายสมเด็จฮุน เซน ขอกำลังหน่วยรบเวียดกงที่เคยชนะทหารกัมพูชา จำนวน 4,500 นาย เข้าประจำการเสริมกับหน่วยรบพิเศษ 911

          โดยประชาชนชาวกัมพูชา ใน ต.สำโรง จ.อุดรมีชัย เล่าว่า พบเห็นรถบรรทุกทหารเวียดนาม จำนวนกว่า 20 คัน วิ่งเข้าไปในป่าลึกคาดว่า กองกำลังดังกล่าวจะเป็นหน่วยรบแนวหน้าเปิดศึกชิงปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม โดยการรบดังกล่าว ทางสภาสูงกัมพูชาเห็นชอบแล้ว

เผยทหารไทยเจ็บอีก 10 จากเหตุปะทะเมื่อคืน

          มีรายงานว่า จากการปะทะกันเมื่อคืน ที่จุดปะทะปราสาทตาควาย ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 10 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลพนมดงรัก และลำเลียงด้วยเฮลิคอปเตอร์ ส่งเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ และโรงพยาบาลสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 10 คน ประกอบด้วย

          1. ร.ท.โกสิทธิ์ ส่องแสง สังกัด ร.8 พัน 2 อาการสาหัสหนักสุด ถูกยิงที่ลำคอและหลัง รวม 2 นัด
          2. ร.ท.วีระ ชัยชวาลย์ สังกัด ร.8 พัน.1 ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย
          3. พลทหาร กฤษดา พรหมจักร ร.8 พัน 1 ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย
          4. พลทหารดำรง บัวขาว สังกัด ร.8 พัน 2 ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย
          5.จ.ส.ต.บุญเทียน ศรีจันทร์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาซ้าย
          6.พลทหาร ไกรสร อินทร์เฉื่อย
          7.พลทหารสราวุฒิ จู้จำรูญ
          8.ส.อ.พงศธร บางแก้ว
          9.พลทหาร วันชัย บัณฑิต
          10.พลทหาร สุเมธ ปานทอง


โฆษก ทภ.2 ยันทหารเขมรนอกแถวยิงไทย

          โฆษกกองทัพภาค 2 เผย กัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ทำให้ทหารไทยเจ็บเพิ่มอีก ระบุ การเจรจาไม่ได้ล้มเหลว แต่มีสัญญาณดีขึ้น

          พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาค 2 เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์บริเวณริมชายแดนจังหวัดสุรินทร์ เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ว่า ทหารกัมพูชาได้ยิงโจมตีเข้าฝั่งไทย เมื่อเวลา 19.45 น. ซึ่งฝ่ายไทยจึงต้องยิงตอบโต้ โดยใช้เวลาปะทะกันเพียง 4-6 นาทีเท่านั้น ก่อนจะหยุดปะทะกัน เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิด แต่ต่อมาก็เกิดการปะทะกันขึ้นอีก ที่ตาเมือนธมกับปราสาทตาควาย เมื่อเวลา 3-4 ทุ่ม โดยการปะทะกันครั้งนี้ เกิดขึ้น 2 ช่วงเวลา ซึ่งใช้เวลาปะทะกันนาน 20-30 นาที ก่อนจะสงบลง

          ทั้งนี้ โฆษกกองทัพภาค 2 ยืนยันว่า การปะทะกันดังกล่าว เกิดจากทหารฝ่ายกัมพูชา เปิดฉากยิงฝ่ายไทยก่อน เราจึงจำเป็นต้องตอบโต้กลับ โดยไม่ได้ใช้อาวุธหนักแต่อย่างใด นอกจากนี้ โฆษกกองทัพภาค 2 เพิ่มเติมอีกว่า การปะทะกันหลังจากที่มีการเจรจากันแล้วนั้น ไม่ได้ล้มเหลวแต่อย่างใด เพราะจากภาพรวม สถานการณ์ดีขึ้นกว่าก่อนที่จะมีการเจรจาหยุดยิงกันเป็นอย่างมาก เพราะการปะทะกันล่าสุด เป็นเพียงการใช้อาวุธเบา

          ส่วนสาเหตุที่ยังมีการปะทะกัน คาดว่า อาจจะเกิดจากการที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายกัมพูชา ยังกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ทั่วถึงเพราะการเจรจา เพิ่งพูดคุยทำข้อตกลงกันเมื่อ 10.00 น. ของวานนี้  หรืออาจจะเป็นพวกทหารนอกลู่ แต่ทั้งนี้ คาดว่า สถานการณ์จะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น เพราะมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่าย

          อย่างไรก็ตาม ส่วนสถานการณ์บริเวณชายแดนสุรินทร์ จะยุติลงเมื่อใดนั้น โฆษกกองทัพภาค 2 กล่าวว่า วิเคราะห์ยาก เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก


ไทยปะทะเขมร

ปภ.ได้งบ 19 ล้าน สร้างหลุมหลบภัยสุรินทร์

          อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสาน ปภ.จังหวัด สำรวจจุดสร้างหลุมหลบภัยสุรินทร์ หลังกระทรวงการคลัง อนุมิติงบ 19 ล้านบาท

          นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าภายหลังกระทรวงการคลัง ได้อนุมัติงบประมาณในการสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติม ในพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติ และให้เร่งดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษไปแล้ว โดยระบุว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการก่อสร้างในส่วนของจังหวัดศรีสะเกษ

          ส่วนในจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี อยู่ระหว่างการประสานกับทางจังหวัด เพื่อให้สำรวจพื้นที่ และจำนวนหลุมหลบภัยที่ต้องจัดทำขึ้น แต่ยอมรับว่า เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สงบ การเข้าไปในพื้นที่จึงทำได้ลำบาก เพราะต้องคำนึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย

          อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า สำหรับงบประมาณในส่วนของการจัดทำที่จังหวัดสุรินทร์นั้น ได้กระทรวงการคลัง อนุมัติให้จำนวน 18-19 ล้านบาท ในส่วนของ จ.อุบลราชธานี จำนวน 20 ล้าน ตามที่เสนอ ส่วนรูปแบบและโครงการ การทำจะยึดแบบมาตรฐานทั้งหมด โดยกรมโยธาธิการจะเป็นคนออกแบบ


เขมรปะทะไทย


[29 เมษายน] เขมรระดมยิงใส่สุรินทร์อีก-ไร้การโต้กลับ

          ถึงแม้เมื่อวันที่ 28 เมษายน จะมีการเจรจาสงบศึกระหว่างไทย - กัมพูชา และทั้งสองฝ่ายมีการสั่งหยุดยิงในพื้นที่ตามชายแดนแล้วก็ตาม แต่เช้าวันนี้ (29 เมษายน) ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ ก็ยังคงมีเสียงปืนดังขึ้นอยู่ตลอด ทำให้ชาวบ้านกลับมาเครียดอีกครั้ง เพราะไม่สามารถกลับบ้านได้นับเป็นวันที่ 8 ที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน

          ทางด้าน พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้กล่าวยืนยัน การหารือกับทางการไทยว่า ได้มีการหารือกันเรื่องหยุดยิงเป็นที่ชัดเจนแล้ว และตนเองได้ถ่ายทอดคำสั่ง และสั่งการไปยังแนวปะทะที่ชายแดนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเชื่อว่า สถานการณ์จากนี้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้ทำความเข้าใจกันหมดแล้ว รวมถึงต่างฝ่ายได้พูดถึงสิ่งเลวร้าย ที่เกิดตามมาจากการปะทะ ซึ่งไม่สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย และนายทหารในพื้นที่ระดับภาค ก็ได้พบปะกัน เห็นพ้องต้องกัน กับการให้หยุดยิงอย่างเด็ดขาดแล้ว

          อย่างไรก็ตาม พล.อ.เตีย บัญ กล่าวถึงการหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย โดยระบุว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร อยู่ระหว่างเดินทางเยือนจีน ส่วนเรื่องการเสียชีวิต หรือการสูญเสียนั้น พล.อ.เตีย บัญ ปฏิเสธที่จะกล่าวถึง โดยระบุเพียงว่า การปะทะกันที่เกิดขึ้นนั้น ก็ส่งผลเสียหายให้เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่ายมากพอแล้ว ผู้คนต้องพลัดถิ่นฐาน ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่อยากเอ่ยถึงผลลบที่เกิดขึ้นอีก

          สำหรับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อวานนี้ (28 เมษายน) หลังการหารือร่วมกันระหว่าง ผู้บัญชาการทหารของไทยและกัมพูชา ภายหลังทางกัมพูชา มีการแถลงข่าวหยุดยิงในประเทศกัมพูชาเอง ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว VOA จากกรุงเทพมหานคร ว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะยังไม่ได้รับข้อมูลอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ แต่ประเทศไทยมีความรับผิดชอบที่ชัดเจน และได้สั่งงานความรับผิดชอบไปยังหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการหยุดยิง แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาเองก็จำเป็นต้องมีการหารือกับผู้บังคับบัญชาของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี

          และเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. มีรายงานว่า ทหารไทยและกัมพูชาได้ปะทะกันอีกรอบ ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย โดยได้เกิดเสียงปืนดังสนั่นถึงอำเภอพนมดงรัก

เขมรระดมยิงใส่สุรินทร์อีก-ไร้การโต้กลับ
 
          ทหารกัมพูชายังก่อสงครามไม่หยุด ล่าสุดระดมยิงปืนเข้าใส่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลายนัด เสียงสนั่น ขณะฝ่ายไทยไร้การโต้กลับ

          ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นายดอก ยั่วยวนดี ผู้ใหญ่บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ที่ 7 ต.บักได กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เป็นปืน ปส. ขนาด 75 ม.ม. ยิงมาจากฝั่งกัมพูชา เข้าสู่ปราสาทตาควาย แต่ยังไม่มีเสียงการตอบโต้จากทหารไทย หากมีการปะทะเช่นนี้ คงจะซ้ำรอยเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนนี้ โดยมีการปะทะกันตลอดทั้งคืนเป็นระยะ ๆ

          ทั้งนี้  ทหารที่ฐานปฏิบัติการหน่วยรบพิเศษ 911 ของ พล.ท.ฮุน มาเนต บุตรชาย สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา กองกำลังเวียดนาม ที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่บ้านขุดสระ จ.อุดรมีชัย ตรงข้ามปราสาทตาควาย ด้านตะวันตกเฉียงใต้ ยังยิงใส่ฐานที่มั่นของทหารไทยอย่างต่อเนื่อง บริเวณปราสาทตาควาย ซึ่งขณะนี้ ทหารไทยยังไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด ซึ่งคาดว่า ทหารกัมพูชาจะยิงรบกวนตลอดทั้งคืน

องค์โสมประทานความช่วยเหลือชาวบุรีรัมย์
 
          พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ โปรดให้ผู้แทนพระองค์ นำเงินประทานความช่วยเหลือมอบให้ผู้ประสบภัยจากการสู้รบ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์

          พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้มอบหมายให้นายอภัย จันทนจุลกะ เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมามอบเงินประทานความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย จากการสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2 แสนบาท โดยมี นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้รับมอบ นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินประทานช่วยเหลือราษฎร บ.โคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ที่บ้านเรือนพังเสียหายหลังจากถูกกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชา ตกใส่ อีก 2 ราย ๆ ละ 5,000 บาท

          พร้อมกันนี้ ผู้แทนพระองค์ฯ ได้เดินทางเยี่ยมนายสนั่น เติมประโคน อายุ 60 ปี ราษฎร บ.โคกกระชาย ซึ่งพิการเป็นใบ้ ที่ได้รับบาดเจ็บ สาหัส แขนขวาหัก จากการถูกสะเก็ดกระสุนปืนใหญ่ พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ โดยได้มอบเงินประทานช่วยเหลืออีก 10,000 บาท ซึ่งชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ต่างสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และซาบซึ้งในพระเมตตาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร และได้ประทานเงินให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้

วิทยุกัมพูชาปลุกระดมคน ลั่นไม่มีการเจรจา

          สถานีวิทยุบายน คลื่นเอฟเอ็ม 95.0 เมกกะเฮิร์ต ของกัมพูชา ออกอากาศปลุกระดมให้สู้รบชิงปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม พร้อมเปิดเพลงปลุกระดม และให้ชาวกัมพูชาแสดงความคิดเห็นต่อต้านไทย นอกจากนี้ ยังมีการอ่านแถลงการณ์ว่า จะไม่มีการเจรจากับประเทศไทย โดยต้องการสหประชาชาติเข้าแทรกแซง และส่งทหารนานาชาติเข้าพื้นที่เท่านั้น

สธ.สุรินทร์เผย ชาวบ้านเครียดเหตุปะทะชายแดน

          สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ระบุมีผู้อพยพภัยสงคราม มารับบริการสาธารณสุขแล้ว 2,000 กว่าราย และมีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย 13 ราย

          น.พ.พีรศักดิ์ ผลพฤกษา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่าจากการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยาวนานถึง 8 วัน ขณะนี้มีประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพต่าง ๆ ทั้ง 34 ศูนย์ จำนวน 41,178 คน มีผู้ป่วยมารับบริการสาธารณสุข จำนวน 2,311 ราย แล้วพบว่า มีอาการป่วยทางระบบทางเดินหายใจ เป็นไข้หวัดสูงสุด 1,796 ราย รองลงมา เป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ปวดท้อง โรคอุจจาระร่วง อาเจียน 937 ราย ส่วนด้านสุขภาพจิต มีผู้รับบริการ 1,103 ราย มีอาการเครียดจำนวน 465 ราย ในจำนวนนี้มีระดับความเครียดสูง 65 ราย โรคซึมเศร้า 267 ราย เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 13 ราย ซึ่งทั้งหมดได้ให้คำปรึกษา และจ่ายยาให้การรักษาเบื้องต้นแล้ว

          ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนมาอาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก มีโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งโดยเฉพาะผู้ป่วยวัณโรค รวมทั้งเด็กที่เป็นโรคอีสุกอีใส ซึ่งติดต่อได้ด้วยการสัมผัส จึงขอฝากให้ประชาชนในศูนย์อพยพ ช่วยกันดูแล และแยกภาชนะ เสื้อผ้าของใช้ และเด็กออกห่างจากคนอื่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

เขมรยื่นศาลโลกขอความชัดเจนเขาพระวิหาร
 
          กัมพูชายื่นเรื่องไปยังศาลโลก ขอความชัดเจนเรื่องคำตัดสินคดีเขาพระวิหาร ในปี 2005 ซึ่งกำลังมีกรณีพิพาทกับประเทศไทย จนเกิดการปะทะกันในที่สุด

          กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นคำร้องไปยังกรุงเฮก ว่า คำร้องขอของกัมพูชา เพื่อให้ตีความคำตัดสินของศาลโลก กรณีปราสาทพระวิหาร มีขึ้นเพราะความก้าวร้าวทางทหารของไทย เพื่อพยายามอ้างกรรมสิทธิ์ในเขตแดนของกัมพูชา และการขอความชัดเจนจากศาลโลกครั้งนี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพื่อจะได้สะสางปัญหาชายแดนระหว่างกันได้อย่างสันติและชัดเจน

          นายกอย เกือง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ใกล้เคียงตัวปราสาท และว่า ฝ่ายไทยใช้แผนที่ที่ยอมรับแต่เพียงฝ่ายเดียว ในการอ้างเขตแดน

กทภ.2 เผยยังไม่เปิดด่านช่องจอมสุรินทร์
 
          กองทัพภาค 2 ยังสั่งไม่ให้เปิดด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ในขณะที่ ตำรวจ สภ.กาบเชิง จับกุมชาวกัมพูชาได้ 11 ราย

          ขณะนี้ที่ด่านถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยทหารกัมพูชาได้เปิดยิงเข้าใส่ทหารไทย จนเกิดการปะทะกัน กองทัพภาคที่ 2 จึงยังไม่มีคำสั่งให้เปิดด่านดังกล่าว รวมไปถึงด่านชายแดนที่ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษด้วย

          ส่วนชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ตลอดช่วงเช้าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเสียงปืนจากการปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่ายเกิดขึ้น แต่สถานการณ์ก็ยังคงไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชา มีการวางกำลังประชิดชายแดนอยู่เต็มที่ ประกอบกับยุทธวิธีการรบกัมพูชาได้เปลี่ยนวิธีการเข้าปะทะใหม่ โดยจะเน้นเข้าปะทะกับทหารไทย ในช่วงกลางคืน ซึ่งทหารไทยก็ได้ตอบโต้อย่างเต็มที่เช่นกัน การปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย จนถึงขณะนี้เป็นวันที่ 8 แล้ว โดยทหารไทยเสียชีวิต 6 นาย พลเรือน 1 คน บาดเจ็บ 84 นายพลเรือน 2 คน

          ขณะที่ พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีรโชติ ผกก.สภ.กาบเชิง กล่าวว่า ได้จับกุมชาวกัมพูชาได้ 11 คน ที่มาหลบอยู่ที่โรงเรียนบ้านสกล ม.8 ต.ตาเคียน เป็นหญิง อายุระหว่าง 30 ปี 3 คน นอกนั้นเป็นเด็กชาย-เด็กหญิง หญิงอายุ 3-10 ปี 8 คน อยู่ในสภาพมอมแมมและหิวโซ เป็นชาวกัมพูชา มาจากบ้านสำโรง ต.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จากการสอบสวนและตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีหนังสือเดินทาง จึงจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา หลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต


ประวิตร วงษ์สุวรรณ


ประวิตรเยือนจีน คาดถก จีบีซี เร็วขึ้น

          รมว.กลาโหม เยือนจีนเพื่อศึกษาดูงานและอาวุธยุทโธปกรณ์ คาด เลื่อนประชุม จีบีซี เร็วขึ้น

          พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นการเชิญจากประเทศจีนเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา และภายหลังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน เดินทางมาไทย ซึ่งเป็นการไปดูงานและการศึกษาพัฒนาการด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ไม่ได้มีการติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา

          ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ปัญหาต้องอาศัยความจริงใจของทั้ง 2 ประเทศ รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ และเป็นไปได้ว่า น่าจะมีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ให้เร็วขึ้นจากเดิมในเดือน มิ.ย. ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ และอาจจะไปประชุมประเทศอื่นก็เป็นได้ แต่ต้องมีการหารือแบบทวิภาคี ซึ่งการคงสถานภาพที่ดีทางการทหาร ในการประชุมจีบีซี จะส่งผลดีกับ 2 ประเทศ เพราะถ้าปล่อยให้ปัญหาไม่จบ อาจส่งผลกระทบทางการเมืองได้ 

ซินหัวเผย สรรเสริญยันเขมรผิดสัญญาหยุดยิง
 
          สื่อนอกรายงาน โฆษกกองทัพบกไทย ยืนยันไม่ได้เป็นผู้เริ่มยิงในการปะทะกันล่าสุด ยอมรับ ทหารตาย 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย

          สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานในวันนี้ว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกไทย ได้มีการเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของซินหัว ว่า เหตุการณ์ปะทะกันครั้งล่าสุด มีขึ้นในช่วงเวลา 21.00 น. ของคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และในช่วงเช้าตรู่ ก่อนที่จะสงบลงในเวลา 06.00 น. ซึ่งการปะทะเกิดขึ้นภายหลังจากมีการเจรจาหยุดยิงของ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กับ พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ยังไม่ถึง 12 ชั่วโมง

          ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การปะทะกันครั้งนี้ ฝ่ายไทยไม่ได้เริ่มต้นโจมตีก่อน แต่เป็นกัมพูชา ที่มีการใช้ระเบิดขว้าง ปืนเล็กระดมยิงเข้ามา และเป็นเหตุให้มีทหาร 1 นายเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก 3 - 4 นาย

          "พล.ท.ธวัชชัย เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ปะทะของเรา สั่งการทุกอย่างจบ แต่ พล.ท.เจีย มอญ ไม่ใช่รองผู้บัญชาการทหารบกเป็นคนรับผิดชอบ จึงไม่สามารถมีการเจรจากันได้อย่างแท้จริง" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

          สำหรับการปะทะกันอย่างหนักตลอด 8 วันที่ผ่านมา ในบริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีทหารไทยเสียชีวิตแล้ว 7 นาย พลเรือน 1 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก และประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายหมื่นคน

กระทรวงต่างประเทศซัดเขมร ไม่จริงใจ เจรจาหยุดยิง

          โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จวกกัมพูชาไม่จริงใจ หลังเจรจาหยุดยิงแล้ว แต่ยังมีเหตุปะทะเมื่อคืนอีก

          นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังมีการหารือระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา โดยได้ข้อยุติการใช้กำลังนั้น แสดงให้เห็นว่ากัมพูชา ไม่มีความจริงใจ

          ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ว่า ได้ยื่นฟ้องศาลโลกให้ตีความคำตัดสินกรณีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 อีกครั้ง ในวันนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไทยได้รับทราบเป็นการภายในแล้ว พร้อมมองว่า การที่กัมพูชาพยายามรุกรานประเทศไทย เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การยื่นฟ้องศาลโลกในการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า กัมพูชาไม่เห็นถึงความสำคัญในระดับอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมา อาเซียนเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา

          นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กำลังรอศาลโลกแจ้งหนังสือกลับมาภายใน 1 - 2 วัน ว่า กัมพูชาได้ยื่นเรื่องดังกล่าวถึงศาลโลกแล้ว ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณารับเรื่องภายใน 3 สัปดาห์ หากศาลโลกรับเรื่องแล้ว จะใช้เวลาวินิจฉัยเพิ่มเป็นระยะเวลา 1 - 2 ปี

 กัมพูชาแถลงไทยดื้อ ยิงใส่กัมพูชาก่อน

          รัฐบาลกัมพูชา แถลง เรียกร้องสหประชาชาติ - อาเซียน เข้าตรวจสอบจุดปะทะบริเวณองค์ปราสาท  โบ้ยไทยดื้อ เปิดฉากยิงทหารและพลเรือน ย้ำไม่เจรจา

          รัฐบาลกัมพูชา แถลงเรียกร้องสหประชาชาติและอาเซียน เข้าตรวจสอบพื้นที่จุดปะทะ ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม โดยขอให้ UN ส่งกำลังต่างชาติมาประจำการโดยด่วน กล่าวหาไทยว่า เจรจาเมื่อวานนี้ (28 เมษายน) ก็ยังก่อสงครามยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาและเป้าหมายพลเรือน เป็นระยะกว่า 20 กิโลเมตร ตลอดแนวชายแดน รัฐบาลกัมพูชา จึงสั่งอพยพประชาชน กว่า 35,000 คน ออกนอกพื้นที่ในวันนี้ (29 เมษายน) และมีการอพยพอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยอีก


สุเทพยันไม่มีผลประโยชน์ หลังรัฐไม่ปิดด่าน

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ระบุว่า การที่ไทยยังไม่ได้มีการปิดด่านชายแดนถาวรนั้น ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์ในส่วนตัวของคนไทยบางคน ที่มีหุ้นส่วนธุรกิจในประเทศกัมพูชา แต่ได้คำนึงถึงผลกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ส่วนจะมีการเปิดด่านเมื่อใดนั้น จะต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ส่วนกรณีที่มีประชาชนเข้ามาสร้างพื้นที่ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร นั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องเข้ามาดำเนินการประท้วง เนื่องจากผิดตามหลัก MOU ที่ได้มีการทำข้อตกลงกันไว้

          นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ระบุให้ไทยเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อนนั้น นายสุเทพ ยังยืนยันว่า ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มในการเปิดฉากยิง และหากมีการล้มล้างอธิปไตยก็คงจะต้องใช้ความรุนแรงในการยุติปัญหา เพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน

ศปส.ทภ.2 สรุปทหารตายอีก 1 จากเหตุปะทะ

          ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทภ.2 สรุปสถานการณ์การปะทะไทยเขมร ตายเพิ่มอีก 1 นาย ยันพร้อมตอบโต้หากมีการยิงเข้ามาอีก รวมเสียชีวิต 8 นายแล้ว

          ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ส่วนหน้า ) (ศปส.ศปก.ทภ.2 สน.) รายงานเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างทหารไทยและกัมพูชา โดยเมื่อวานที่ผ่านมา มีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย คือ ร.ต.อุทัย หมื่นอภัย ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด แม้จะมีการเจรจา เพื่อยุติการหยุดยิงขึ้น แต่ยังคงมีการปะทะกันตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยทหารกัมพูชา ได้รุกเข้ามาใกล้ปราสาทตาควาย โดยใช้อาวุธปืนเล็ก พร้อมขว้างระเบิดมือเข้าใส่ทหารไทย ทำให้ฝ่ายไทยต้องตัดสินใจตอบโต้ และมีทหารไทยเสียชีวิตเพิ่ม อีก 1 นาย คือ พลอาสาสงคราม และบาดเจ็บอีก 6 นาย ขณะนี้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน

          อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์การปะทะตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ส่งผลให้มีทหารไทยบาดเจ็บ 50 นาย และเสียชีวิตแล้วรวม 8 นาย โดยในการปะทะกันมีผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้แนวทางว่า ต้องดูสถานการณ์ไปก่อน โดยการตอบโต้ก็เนื่องจากไม่มีทางเลือก แต่ขณะนี้ก็เห็นว่าสถานการณ์นั้นดีขึ้นกว่า 2 วัน ที่ผ่านมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทหารไทยตอนนี้พร้อมที่จะตอบโต้อย่างเต็มขีดความสามารถของทหาร

          ส่วนกรณีการจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับให้กับกัมพูชา 3 ราย คือ นายคำพัน วงศ์ษา นายสนัด พิมพ์เก่า นายเสริมสุข โพธิ์ชัยเลิศ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจากพฤติกรรมในเบื้องต้นนั้น เข้าข่ายว่า เป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากมีการโทรศัพท์ไปยังเพื่อนบ้านที่อยู่ในประเทศกัมพูชา

ผบ.ทบ.ชี้การตกลงในพื้นที่ไม่ใช่สัญญา บอกยิงมา ไทยก็ยิงโต้

          ผู้บัญชาการทหารบก ชี้ การพูดคุยในพื้นที่ไม่ใช่สัญญา หลังยังเกิดเหตุเหตุปะทะชายแดนเมื่อคืน ทำให้มีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย

          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่ายังมีการปะทะอย่างประปราย ซึ่งตนเคยพูดแล้วว่า การคุยกันของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ไม่ใช่สัญญา เมื่อมีการใช้อาวุธยิงเข้ามายังฝ่ายไทย ไทยก็ต้องมีการตอบโต้ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกัมพูชา ถึงเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันกับผู้บังคับบัญชาของกัมพูชา ว่า ทหารกัมพูชาได้ยิงระเบิดเข้ามาในไทย

          อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 5 นาย ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวด้วยว่า ไม่ทราบว่า ผู้นำของกัมพูชามีความจริงใจในการแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ แต่เชื่อว่า กัมพูชาต้องการยกระดับความขัดแย้งเข้าสู่สากล

          ขณะที่การส่งผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่นั้น ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ไม่มีใครเห็นด้วย แต่หากมีความจำเป็น ก็ต้องดำเนินการ ดังนั้นเราควรควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลายและมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตมากขึ้น

ปณิธานเผยนายกฯ ทราบเหตุปะทะเมื่อคืนแล้ว

          นายกฯ ทราบเหตุปะทะเมื่อคืนแล้ว พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ เร่งตรวจสอบและดูแลประชาชนอย่างเต็มที่

          นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบเหตุปะทะแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาแล้ว โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ เร่งตรวจสอบสาเหตุและดูแลประชาชนให้เต็มที่ ทั้งนี้ ยังต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และจะมีการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาเป็นระยะต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ได้มีการหารือกันวานนี้

          ส่วนข้อตกลงกับประเทศอินโดนีเซีย ที่จะให้ผู้สังเกตการณ์ลงไปตรวจสอบพื้นที่พิพาทชายแดนไทย - กัมพูชานั้น เบื้องต้นได้บรรลุข้อตกลงในขั้นตอนรับหลักการแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำรายละเอียดข้อตกลง เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติ หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ก็ต้องมีการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ไทยเสนอ คือให้ประเทศอินโดนีเซีย ประสานกับกัมพูชา เพื่อถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ ก่อนที่จะส่งผู้สังเกตการรณ์ลงในพื้นที่

ชรบ. จับสายชาวเขมรสอดแนม จ.สุรินทร์
 
         ชรบ.สุรินทร์ จับสายลับชาวเขมร ส่งตำรวจสอบ ขณะเหตุปะทะกลางดึก ระเบิดตกโรงเรียนบ้านอู่โลก - บ้านแนงมุดวิทยา เจ้าหน้าที่เร่งกู้

         ชุด ชรบ. ได้จับตัวชาวกัมพูชาที่คาดว่า จะเข้ามาเป็นสายข่าวทางทหาร บริเวณถนนสุรินทร์-ช่องจอม ระหว่างบ้านเขื่อนแก้ว ตำบลตะเคียน บ้านสกล ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จากการสังเกตท่าทีส่อพิรุธ จึงนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาบเชิง ซึ่งชายฉกรรจ์ดังกล่าว อายุ 30 กว่าปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

         สำหรับเหตุปะกันเมื่อกลางดึก มีลูกระเบิดตกเป้าหมายพลเรือน หน้าโรงเรียนบ้านอู่โลก ลูกระเบิดไม่แตก ทหารกำลังเก็บกู้ และอีกลูกตกหลังโรงเรียนบ้านแนงมุดวิทยา

กษิตตอบรับผู้สังเกตการณ์หากหยุดยิงแล้ว

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย ยัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหากับกัมพูชา ด้วยความสงบ พร้อมแสดงความยินดีต้อนรับผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย 

          สำนักข่าว DPA ของเยอรมันรายงาน อ้างคำกล่าว นายกษิต ภิรมย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หลังการเจรจาหยุดยิงของผู้บัญชาการทหารของทั้งสองฝ่าย วานนี้ (28 เมษายน)

          โดย นายกษิต กล่าวว่า ประเทศไทย มีความจริงใจและตั้งใจจริงในความต้องการ เพื่อความสงบสุขและเห็นว่า กรุงเทพฯ เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่และแหล่งที่มาของความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาของกัมพูชา นอกจากนี้ ไทยยังตอบรับนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ในการเป็นสื่อกลางการแก้ปัญหาความขัดแย้ง รวมถึง ทีมผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย ยังพื้นที่ชายแดน

          ขณะที่ นายมาร์ตี นาตาเลกาวา กล่าวว่า ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา จะถูกนำไปหารือ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้ ที่กรุงจาการ์ตา



[28 เมษายน] เขมรปะทะไทย เกาะติด ไทยปะทะเขมรล่าสุด

          นับเป็นเวลา 7 วันแล้ว สำหรับเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย – กัมพูชา โดยตั้งแต่เช้าวันที่ 22 เมษายน จนกระทั่งถึงวันนี้ (28 เมษายน) เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนบริเวณปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ไปจนถึงบริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังน่าเป็นห่วง ล่าสุดมีทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มจากเหตุปะทะเมื่อช่วงเช้าวันนี้

          โดยเมื่อเช้าวันนี้ (28 เมษายน) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงสถานการณ์เหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 20.50 น. วันที่ 27 เมษายน เกิดการปะทะกันขึ้น และจุดปะทะกันยังคงเป็นจุดเดิม คือ ตลอดแนวชายแดนที่บริเวณทิศตะวันตก ปราสาทตาเมือนธม บ้านไทยสันติสุข ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และพื้นที่ทางทิศตะวันออก ปราสาทตาควาย บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์  โดยได้ระดมทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ ตอบโต้กัน จนกระทั่งยุติกันเมื่อเวลาประมาณ 21.10 น. หลังจากนั้นก็เป็นการปะทะกันเล็กน้อย และเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. เกิดการตอบโต้กันอีก โดยทางกัมพูชา ใช้เครื่องยิงจรวจหลายลำกล้องยิงตอบโต้มายังฝั่งไทย  ซึ่งจนถึงเช้านี้ก็ยังมีการปะทะกันอยู่

          ด้าน พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะ โฆษกกองทัพภาค 2 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ( 27 เมษายน ) เวลาประมาณ 20.00 น. - 21.00 น. ทหารไทยและกัมพูชา ได้เกิดการยิงปะทะกันขึ้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ โดยสงครามได้ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงเวลา 24.00 น. และยังมีเสียงปืนดังอีกเป็นระลอกช่วงเวลาประมาณ ตี 2

          จากนั้น สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ช่วงเวลา ตี 4 เนื่องจากทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังพล พร้อมอาวุธหนัก ระดมยิงใส่ทหารไทย เพื่อหวังรุกเข้ายึดฐานที่มั่นทางปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย โดยทางกองกำลังฝั่งไทยนั้น ได้สนธิกำลังตอบโต้อย่างหนัก จนสามารถผลักดันทหารเขมรออกไปได้สำเร็จ จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเช้า ประมาณ 06.00 น. เศษ และจากเหตุการณ์การสู้รบในครั้งนี้ มีทหารเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย คือ ร.ต.อุทัย หมื่นอภัย ผบ.หมวดกองกำลังในพื้นที่ นับเป็นทหารนายที่ 6 ที่เสียชีวิตแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นยังไม่นิ่ง

          และล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย กับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ได้เจรจาเพื่อยุติปัญหาการปะทะที่บริเวณชายแดนแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหยุดการปะทะ พร้อมกับการดูแลการเข้า-ออก ตามด่านต่าง ๆ ให้เป็นไปตามปกติ ทั้งนี้การพูดคุยนั้นเป็นไปด้วยดี โดยฝั่งไทยไม่มีปัญหาอะไร เพราะยืนยันมาตลอดว่า  ไทยตอบโต้ไปเพื่อป้องกันตัวเอง และเชื่อว่าปัญหาจะยุติโดยเร็ว

นายกฯ รับมทภ.2 คุยเขมรหยุดยิง

          นายกรัฐมนตรี ระบุ มทภ.2 คุยเขมร เพื่อหยุดยิงวันนี้จริง ไม่มั่นใจสงบหรือไม่ หารือ ฮุนเซน ในเวทีอาเซียน ยังไม่กำหนดหัวข้อ รอประเมินสถานการณ์ ตลกถูกกล่าวหากระหายสงคราม ย้ำจุดยืนไม่ยอมเสียเปรียบแน่

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ได้หารือกับแม่ทัพของกัมพูชา ในระดับพื้นที่ เพื่อให้ยุติการปะทะกันในวันนี้แล้ว แต่ยังต้องติดตามว่า สถานการณ์จะสงบจริงหรือไม่ โดยในเบื้องต้นถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี

          ส่วนการหารือกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ในวันที่ 7 พ.ค.นั้น ตนยังไม่กำหนดหัวข้อการพูดคุย ซึ่งจะรอการประเมินสถานการณ์ของการเจรจาในระดับพื้นที่ก่อน ส่วนที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวหาว่า ตนเป็นคนที่กระหายสงครามนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ตลก และคงไม่มีใครเชื่อ

          อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การดำเนินการของไทย จะไม่ให้เสียเปรียบกัมพูชาอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในส่วนของกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ในวันนี้ตนได้หรือกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับรายละเอียดที่จะไปประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ในเดือน มิ.ย.แล้ว

สมชาย อดีตนายกฯ เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์อพยพ
 
          บรรยากาศที่ศูนย์อพยพ หนีภัยสงคราม อดีตนายกฯ สมชาย และคณะ เยี่ยมให้กำลังใจ ย้ำ ไม่ได้มาหาเสียงแต่มาในฐานะคนไทยคนหนึ่ง

          บรรยากาศที่ศูนย์อพยพชั่วคราว โรงเรียนบ้านโคกกลาง ตำบลโคกกลาง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ประชาชนที่อพยพเข้ามาอยู่ในศูนย์อพยพ ต่างทำภารกิจต่าง ๆ ภายในที่พัก โดยล่าสุด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจ โดยได้นำผ้าห่ม และผ้าปูที่นอนมามอบให้กับประชาชนด้วย ขณะเดียวกันได้กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้อาศัยช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีความขัดแย้ง และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้ามาหาเสียง แต่ในฐานะอดีตของผู้นำประเทศ และความเป็นคนไทย จึงต้องเดินทางมาให้กำลังใจก็เท่านั้นเอง

          ด้านนางทรงศรี ราโต อายุ 65 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 บ้านน้อยแสนสุข กล่าวว่า การใช้ชีวิตอยู่ที่ศูนย์อพยพ แม้จะไม่ได้ลำบาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านมานานกว่าสัปดาห์แล้ว ก็อดคิดถึงบ้านไม่ได้และตนยังภาวนา ขอให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ทหารไทยเข้าตรึงพื้นที่ตลอดแนวชายแดนแล้ว
 
          เจ้าหน้าที่ทหารไทยเข้าตรึงพื้นที่ตลอดแนวชายแดน จ.สุรินทร์ พร้อมปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ

          ขณะนี้แม้เสียงปืนแห่งการต่อสู้ยังสงบ แต่ทหารไทยยังคงตรึงกำลังเข้มตลอดแนวชายแดนฝั่งไทย ตั้งแต่ อ.กาบเชิง ถึง อ.พนมดงรัก นอกจากนั้น พบว่า ได้มีการเสริมกำลังรถถังเคลื่อนกำลังพลลงพื้นที่ประจำจุดตรวจแนวชายแดน ซึ่งตอนนี้ขวัญและกำลังใจของทหารไทยดีมาก จากการเข้าสอบถาม พร้อมสู้พลีชีพ เพื่อรักษาสถาบันของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พิทักษ์ผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานไทย ทั้งฝากจากแนวหลัง ส่งกำลังใจมาช่วยแนวหน้าทหารไทยสู้เพื่อชาติไทยเต็มร้อย

กมธ.ชายแดน ห่วงเหตุปะทะไทย-เขมร

          คณะกรรมาธิการกิจการชายแดน ออกแถลงการณ์ห่วงสถาการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา จี้ ทั้ง 2 ฝ่าย ถอนทหารออกนอกพื้นที่

          คณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายอิทธิเดช แก้วหลวง เป็นประธาน ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อสถานการณ์การปะทะของทหารฝ่ายไทยและกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียของกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย และส่งผลกระทบต่อราษฎรไทย ที่ต้องอพยพจากรัศมีการสู้รบ และยังส่งผลกระทบต่อภารกิจของทั้ง 2 ประเทศ ที่ต้องปฏิบัติร่วมกัน ในฐานะสมาชิกประชาคมอาเซียน คณะกรรมาธิการจึงเรียกร้องให้กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย ยุติการสู้รบ โดยทันที โดยให้ถอนทหารออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อลดการเผชิญหน้ากัน และให้ใช้กำลังตำรวจตระเวนชายแดน เข้าไปรักษาพื้นที่แทน

          พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย เข้าสู่กระบวนการเจรจาตามมติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หากกลไกของอาเซียนยังมีประสิทธิภาพ และให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ กำชับให้กองทัพระมัดระวังคำพูดยั่วยุ รวมถึงการให้ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ในลักษณะดูหมิ่น เหยียดหยาม เพื่อนำไปสู่ความสงบสุข ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย โดยจะยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และต่อสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เพื่อพิจารณาเป็นแนวปฏิบัติต่อไป

ไทยระดมอาวุธหนักตามชายแดน รอคำสั่งรบ

          ทหารไทยระดมอาวุธหนัก พร้อม ฮ. ติดปืนกล ส่งเข้าประจำฐานที่มั่นตลอดแนวรบชายแดน จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชาประกาศสื่อนอก ยึดองค์ปราสาทแล้ว

          ขณะนี้สถานการณ์ยังตรึงเครียด โดยพบว่า กำลังทหารไทยสั่งระดมอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ รถถัง และกำลังพลทหารราบ หน่วยรบพิเศษ พร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงคน เฮลิคอปเตอร์กันชิพ (Gunship Helicopter) ติดอาวุธปืนกล ส่งเข้าประจำฐานที่มั่นตลอดแนวรบ หลังจากที่เขมรยังไม่หยุดยิง นอกจากนั้น ยังได้ประกาศพื้นที่ชายแดนทั้งหมดเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามสื่อมวลชนและประชาชนเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด

          ทั้งนี้จากการสังเกต กองกำลังทหารไทยได้เตรียมความพร้อมอาวุธ รอเพียงคำสั่งเข้ายึดปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธมอย่างเด็ดขาด หลังจากกัมพูชา ประกาศต่อสื่อนอกว่า ยึดปราสาทตาควายได้แล้ว

กษิต จวกเขมร ใช้มนุษย์เป็นโล่ห์มนุษย์

          นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้รับรายงานว่ากัมพูชาได้นำอาวุธสงครามแบบจรวดไปติดไว้ที่บริเวณชุมชนของฝั่งกัมพูชา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องประณาม เพราะเปรียบเสมือนการนำประชาชนมาเป็นเกราะกำบังในการสู้รบ และเป็นเรื่องที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

          นอกจากนี้ นายกษิต ยังกล่าวอีกว่า อยากให้หลายประเทศที่ให้ความช่วยเหลือกัมพูชา อย่าง สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ จีน แคนาดา และอีกหลายประเทศ ให้การทบทวนว่า การให้ความช่วยเหลือกัมพูชาถูกต้องหรือไม่ เพราะกัมพูชากำลังนำเงินมาซื้ออาวุธสงคราม มิได้นำเงินมาเพื่อพัฒนาประเทศ

          ขณะเดียวกัน ไทยก็มีมติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวง ทบวง กรม กลับไปทบทวนการให้ความช่วยเหลือกัมพูชาด้วยเช่นกัน

ทหารเร่งอพยพชาวอ.บ้านกรวด-พบครูดับ 1

          เจ้าหน้าที่ทหารเร่งอพยพประชาชน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ หลังสถานการณ์สงครามชายแดนยังไม่นิ่ง ล่าสุด พบครูเสียชีวิต 1 ราย จากการหลบหลุมระเบิด

          หลังเกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ชายแดนฝั่งปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ ก็ระดมเจ้าหน้าที่เร่งอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด กว่า 70 หมู่บ้าน จาก 86 หมู่บ้าน ไปยังสถานที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดแนวชายแดน มีเสียงปืนดังตลอดเวลา สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากเหตุสู้รบดังกล่าว

          ล่าสุด พ.ต.ท.พิพัฒน์ ฤทธิ์มนตรี ผบ.ร้อย ตชด. 216 ประควนชัย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. อพยพชาวบ้านมาอยู่ที่โรงเรียนโนนเจริญพิทยาคม ต.โนนเจริญ โรงเรียนละหานทรายใหม่ ต.หินราช ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด นอกนั้นกระจายอยู่ในศูนย์อพยพที่ทาง อ.ประควนชัย ได้จัดเตรียมไว้เพิ่มอีก 2 จุด เนื่องจากขณะนี้เริ่มเกิดความแออัด ซึ่งตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา ได้มีเสียงปืนดังกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางจังหวัดได้สั่งการให้อพยพชาวบ้าน 100 % ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน

          ขณะเดียวกัน ได้มีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากการหลบหลุมระเบิด ทราบชื่อคือ นายพงษ์ศักดิ์ อามาตย์ อายุ 47 ปี เป็นครูชำนาญการพิเศษ ที่บ้านสายโทสิบใต้ ขณะกำลังนำชาวบ้านเดินทางไปรวมตัวที่ศูนย์อพยพที่ทางการได้จัดเตรียมไว้ให้

นายก อบต.บักได พร้อมอพยพปชช.

          นายก อบต.บักได เผย พร้อมรับสถานการณ์สงคราม อพยพประชาชนไว้ที่ปลอดภัยแล้ว ส่วน ผอ.ร.ร.ตาเบา พิจารณาเลื่อนเปิดเทอมออกไปก่อน

          บรรยากาศที่ศูนย์อพยพชั่วคราว โรงเรียนบ้านตาเบาวิทยา ตำบลปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นศูนย์อพยพชั่วคราวที่รองรับประชาชน จำนวน 7 หมู่บ้าน ขณะนี้ นายก อบต.บักได เปิดเผยว่า ทางศูนย์มีความพร้อมในการดูแลชาวบ้านที่อพยพเข้ามา ซึ่งขณะนี้ก็ได้ทำการลงทะเบียน และจัดให้ชาวบ้านเข้าพักแยกเป็นหมู่บ้าน และจัดบริการแยกห้องน้ำ ห้องครัว จนบริการสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้ ทางศูนย์ยังได้ประสานงานกับพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ จัดแสดงดนตรี การนำเด็กทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านที่ต้องต่อสู้และอดทนกับภาวะสงครามที่เกิดขึ้น

          ทางด้านนายธรรมนูญ มีเสนา ผู้อำนวยการโรงเรียนตาเบาวิทยา กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไปอีกนั้น ทางโรงเรียนอาจต้องเลื่อนการเปิดภาคเรียนเทอมที่ 1 จากเดิมวันที่ 9 พ.ค. ออกไปก่อน เพื่อความปลอดภัย ส่วนหลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว ก็จะมีการวางแผนเพื่อทำกิจกรรมให้นักเรียนและผู้ปกครอง ลดความหวั่นวิตกกังวลใจ

ปอยเปต-ตลาดโรงเกลือเงียบเหงา ผลพวงปะทะ

          บรรยากาศในตลาดโรงเกลือวันนี้ยังคงเงียบเหงา โดยพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาลดลง 20% เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าบางส่วนได้อพนพหนีไปจากปอยเปตแล้ว เพราะมีข่าวลือว่าทางการจะปิดพรมแดนอรัญประเทศ เพื่อตอบโต้กัมพูชา

          ขณะที่บรรยากาศหน้าจุดตรวจ ตม.สระแก้ว หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศก็ยังเงียบเหงาไม่แพ้กัน โดยจำนวนของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ข้ามฝั่งไปยังบ่อนกาสิโนของกัมพูชาลดลงอย่างเห็นได้ชัด และภายในบ่อนมีคนลดลงกว่า 80%

ทภ.2 ยัน เขมรขยายขอบเขตการสู้รบ
 
          กองทัพภาค 2 ยัน ไม่มีการถอนกำลังทหารชายแดน จ.สุรินทร์ ระบุ ฝั่งกัมพูชา ขยายขอบเขตการสู้รบ ด้วยการยิง BM 21 เข้าทำลายสาธารณูปโภคไทย

          ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยัน ไม่มีการถอนทหารและไม่มีการเข้ายึดครองแต่อย่างใด พร้อมที่จะปกป้องปราสาทตาควายอย่างเต็มพิกัด หลังจากที่ทหารกัมพูชา ยิงจรวด BM 21 เข้าสู่เป้าหมายพลเรือน

          สรุปความเสียหายจากการปะทะเมื่อคืนที่ผ่านมา ทหารไทยบาดเจ็บ 4 นาย และเสียชีวิต 1 นาย หลังตรวจพื้นที่ พบ หัวกระสุนจรวดหลายลำกล้อง รุ่น BM 21 ขนาด 122 ม.ม. ผลิตโดยประเทศรัสเซียและจีน ซึ่งกัมพูชา ซื้อมาประจำการ 8 คัน มีระยะการยิง 20-40 ก.ม.

ฮุน มาเนต โยก ทหารเขาพระวิหารไปสุรินทร์
 
          "ฮุน มาเนต" โยกทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ และกองพลรักษาความปลอดภัย จากเขาพระวิหารไปเสริมกำลังทัพ ที่ จ.สุรินทร์ กว่า 700 นาย

          แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ. กองทัพกัมพูชา ได้มีคำสั่งเรียกตัวทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ รพศ. 911 และกองพลรักษาความปลอดภัย รปภ. 70 ที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวนกว่า 700 นาย ไปสนับสนุนแนวรบด้าน จ.สุรินทร์ หลังจากที่ทางฝ่ายกัมพูชาได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเปิดฉากปะทะกับทหารไทยมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 54 ที่ผ่านมา

          โดยมียอดทหารกัมพูชาเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 300 นาย จากการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ และหนึ่งในนั้นมีนายทหารที่มีตำแหน่งเป็นถึง ผบ.พันน้อยสนับสนุนที่ 4 ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ท.ชุม สุชาติ โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา เป็นเหตุให้ต้องออกมาแถลงข่าวทั้งน้ำตา เมื่อช่วงแรกของการปะทะที่ จ.สุรินทร์ นอกจากมีคำสั่งเรียกตัวทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ รพศ. 911 กับ รปภ. 70 จากเขาพระวิหาร แล้วยังได้มีคำสั่งให้ทหารที่ประจำจังหวัด (ปทจ.) ปรีเวง ที่ขึ้นตรงกับกองทัพภูมิภาคที่ 5 จำนวน 1 กองพัน เข้าไปเสริมภารกิจที่ จ.สุรินทร์ เช่นเดียวกัน

ปภ.รายงานเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

          นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ราษฎรเดือดร้อน 2 ตำบล 36 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง ทหารเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 69 นาย ราษฎรเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยอันเนื่องมาจากกองกำลังนอกประเทศ) ใน 3 อำเภอ 11 ตำบล 142 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอพนมดงรัก อำเภอกาบเชิง และอำเภอปราสาทได้มีการอพยพราษฎรในพื้นที่ 3 จังหวัด ไปอาศัยที่จุดรองรับผู้อพยพ รวม 36 จุด 45,230 คน แยกเป็น

            สุรินทร์ อพยพราษฎร 37,415 คน ไปยังจุดรองรับผู้อพยพ 27 จุด
            บุรีรัมย์ อพยพราษฎร 7,815 คน ไปอาศัยที่จุดรองรับผู้อพยพ รวม 9 จุด
          ศรีสะเกษ อพยพราษฎรที่อาศัยในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ไปอาศัยที่จุดรองรับผู้อพยพที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งขณะนี้ราษฎรได้เดินทางกลับเข้าบ้านเรือนแล้ว

          ทั้งนี้ ปภ.ได้สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์ โดยจัดเจ้าหน้าที่72 นาย  พร้อมรถผลิตน้ำดื่ม 4 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 6 คัน รถบรรทุกน้ำ 17 คัน เต็นท์ 423 หลัง รถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 คัน  ผ้าห่มไหมพรม 27,700 ผืน  สุขาเคลื่อนที่ 60 หลัง และรถสุขา 3 คัน ออกให้บริการแก่ประชาชนตามจุดรองรับผู้อพยพต่าง ๆ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ชัย แนะทางออกชายแดนไทยเขมรต้องเจรจา

          ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้ การทำหนังสือถึงรัฐสภากัมพูชา เพื่อหารือเหตุปะทะชายแดน ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาไทยก่อน ลั่น เรื่องต้องจบด้วยการเจรจา

          นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ว่า จะยื่นหนังสือให้รัฐสภาไทย ทำหนังสือไปถึงรัฐสภากัมพูชา เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามการทำหนังสือดังกล่าวที่จะยื่นไปยังรัฐสภากัมพูชานั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาของไทยก่อน

          นายชัย ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้การเจรจาคือทางออกที่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ซึ่งเข้าใจว่า จะมีการพูดคุยกันระหว่างนายกรัฐมนตรีของ 2 ประเทศ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน วันที่ 7 และ 8 พ.ค. นี้ ซึ่งแม้ว่า หากจะเป็นการดำเนินการที่ช้าไปก็ตาม แต่ก็ต้องจบด้วยการเจรจา อย่างไรก็ตาม ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ขอวิจารณ์ว่า เหตุปะทะที่เกิดขึ้น เกิดจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำการเมืองภายในประเทศมาเป็นเกมระหว่างประเทศหรือไม่

ในหลวง-ราชินี พระราชทานพวงหรีด อส.ทพ.

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพวงหรีดวางหน้าศพ อส.ทพ. ที่พลีชีพในสมรภูมิรบ จ.สุรินทร์

          นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญพวงหรีดพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพวงหรีดพระราชทานจาก พระบรมศานุวงศ์ มาวางไว้หน้าศพ นักรบผู้กล้าอาสาสมัครทหารพราน อารีย์ คงนาคพะเนาว์ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกัน ระหว่างกองกำลังทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา บริเวณชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ศพของนักรบผู้กล้าอาสาสมัครทหารพรานอารีย์ ตั้งศพสวดอภิธรรมที่วัดศรีมงคล บ้านหนองไม้งาม 2 ตำบลหนองไม้งาม อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในเวลา 15.00 น. ของวันนี้

กัมพูชาบอกสื่อจีน ไทยโจมตีวัด 2 แห่ง

          รองผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ชี้ ไทย โจมตีวัด 2 แห่ง ในจังหวัดอุดรมีชัย ช่วงดึกของเมื่อคืน

          สำนักข่าวชื่อดังของจีน เผยว่า พ.อ.สุโอส โสเทีย รองผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ของกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.50 น. ของเช้าวันนี้ ทางการไทยได้ยิงระเบิดไปยังวัด 2 แห่ง ในจังหวัดอุดรมีชัย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

          นอกจากนี้ รองผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ของกัมพูชา ยังได้กล่าวอีกว่า ถึงแม้ทางประเทศไทย จะใช้อาวุธหนัก ในการโจมตี แต่ทางกัมพูชายังคงใช้แต่ปืนขนาดเล็กในการต่อสู้เท่านั้น

ทูตสหรัฐฯ เผยเหตุปะทะต้องเจรจาโดยเร็ว

          เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เผย หลังพบนายกฯ กรณีปะทะกัมพูชา วอนทั้งคู่ให้เข้าสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็ว ย้ำ 2 ประเทศ คือมิตรของสหรัฐฯ

          นางคริสตี้ เคนเนย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ได้มีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ในขณะนี้ซึ่งสหรัฐอเมริกา ต้องการให้ทั้ง 2 ประเทศ ใช้ความอดทน อดกลั้น แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ขณะเดียวกัน ได้มีกลไกของอาเซียนที่เข้ามาดูแลอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่า กลไกอาเซียนจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้ทั้ง 2 ประเทศ กลับคืนสู่โต๊ะเจรจาได้

          อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยถือเป็นมิตรประเทศที่ยาวนานกับสหรัฐอเมริกา แต่ขณะเดียวกันประเทศกัมพูชาก็เป็นมิตรด้วยเช่นกัน จึงอยากเห็นทั้ง 2 ประเทศแก้ไขปัญหาโดยเร็ว

ทหารไทย-เขมรปะทะเดือดชายแดนสุรินทร์

          ทหารไทย - กัมพูชา ยิงปะทะเดือด ตลอดแนวชายแดน จ.สุรินทร์ กระสุนปืนใหญ่ตกพื้นที่พลเรือน บ้านเรือนพังยับ ขณะที่ศูนย์อพยพเริ่มขาดน้ำแล้ว

          เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. มีรายงานว่า สถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ยังคงดุเดือดตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่ง จ.สุรินทร์ กว่า 20 กิโลเมตร กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา ได้ตกสู่พื้นที่พลเรือน สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎรทุกหมู่บ้าน ในเขตพื้นที่ตะเข็บชายแดน มีเพียงชายฉกรรจ์ ชรบ. และศูนย์ประสานงานผู้อพยพ อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก ที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ณ ที่ว่าการอำเภอ

          ขณะที่ผู้อพยพที่ได้ลี้ภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัยทั้งหมดแล้ว โดยภาคราชการเร่งให้ความช่วยเหลือแต่ยังไม่เพียงพอ ขณะนี้ยังขาดแคลนหนักสำหรับน้ำดื่มบรรจุขวด อาหารกึ่งสำเร็จรูป ข้าวสารอาหารแห้ง จำนวนมาก จึงวอนผ่านสื่อ ขอทานน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศ เร่งสนับสนุนโดยด่วน ขณะที่ทหารไทยยังคงตรึงกำลังเข้มตลอดแนวชายแดน ยังมีขวัญและกำลังใจดีมากที่จะต่อสู้และรักษาอธิปไตยของชาติไทย

รมว.กษิต นัดถกประธานอาเซียน 14.00 น.

          รมว.ต่างประเทศ นัดถกประธานอาเซียน 14.00 น. กรณีให้ผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่พิพาทและเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

          นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวก่อนการเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ว่า ในวันนี้เวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้นัดหารือกับนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมีการเข้าประชุมหารือจริงในวันพรุ่งนี้ ถึงเรื่องร่างข้อกำหนดหน้าที่ของคณะผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย หรือ TOR ที่จะเข้ามายังบริเวณจุดปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังคงมีเรื่องถ้อยคำที่ยังไม่เหมาะสมของการคุ้มครองสิทธิ์ผู้สังเกตการณ์ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในสถานทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ทั้งนี้ อาจมีการพูดคุยถึงเหตุปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้ด้วย

          ส่วนท่าทีที่แข็งกร้าวของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีของไทยนั้น นายกษิต กล่าวว่า ในเรื่องนี้ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การเมืองของประเทศใด เพราะโครงสร้างของการเมืองมีความแตกต่าง และขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของผู้วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งในส่วนของไทย ก็มีความภาคภูมิใจในประชาธิปไตยของเรา อย่างไรก็ตาม ไทยยังยืนยันความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่การเจรจา

 แม่ทัพภาคที่ 2  คาดทหารกัมพูชาเสียชีวิต อาจเกินร้อยศพ  

          พล.ท.ธวัชชัย  สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 คาดการณ์ว่าทหารฝ่ายกัมพูชาที่เสียชีวิตในพื้นที่ปะทะน่าจะมีจำนวนเกินร้อยนายเป็นอย่างน้อย ขณะที่เรื่องขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ของหทารไทยนั้น พล.ท.ธวัชชัย กล่าวยืนยันว่า ทุกคนยังมีกำลังใจที่ดี และพร้อมปกป้องผืนแผ่นดินไทย โดยยืนยันว่าไม่เคยมีคำสั่งให้อดทนอดกลั้นต่อการถูกโจมตีแต่อย่างใด

 กัมพูชาประณามไทยใช้กำลังคุกคาม 

          สำนักข่าว DPA ของเยอรมัน รายงานเมื่อวันที่ 27 เมษายน อ้างคำกล่าว นายกอย เกือง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ที่ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาขอประณามการคุกคามของไทย ที่เกิดจากการดำเนินการทางทหาร เพื่อบังคับให้ ทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ ที่ประเทศไทยคิดว่าเป็นพื้นที่พิพาท และตนเห็นว่าการตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลไทย เป็นเสมือน "การประกาศสงครามกับกัมพูชา" และเป็นสิ่งที่มิอาจยอมรับได้ นอกจากนี้ ยังขอประณามอย่างรุนแรงต่อการคุกคามของประเทศไทย และการกระทำ ที่มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเข้าควบคุมบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาที่ได้รับการตัดสินแล้ว โดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในปี ค.ศ. 1962

 ไทยเสริมกำลัง-รถถัง อ.กาบเชิง 

          เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 27 เมษายน มีรายงานว่า ทหารไทย ได้ทำการเสริมกำลัง เพื่อรองรับสถานการณ์เหตุปะทะบริเวณช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 19.20 น. กัมพูชา ได้ขยายพื้นที่รบมายังบริเวณช่องจอม ด้วยการระดมอาวุธหนักยิงเข้าเขตแดนประเทศ บริเวณ บ้านน้อยร่มเย็น ส่งผลให้บ้านเรือนถูกระเบิดเสียหาย 1 หลัง มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย

 อพยพชาวบ้านออกจากกาบเชิงหมดแล้ว 

          นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรับมนตรี กล่าวถึงการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะกัน ระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ว่า รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำนดไว้ ส่วนที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ติดชายแดนมากนั้น ล่าสุด เราได้อพยพชาวบ้านออกมาหมดแล้ว เพราะกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM21 เข้ามาตกในหมู่บ้าน จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับชาวบ้าน แต่ยังมีชุด ชรบ. ตชด. และตำรวจท้องที่ ดูแลหมู่บ้านให้พร้อมกันนี้ ยืนยัน อาหารและน้ำเพียงพอต่อประชาชนภายในศูนย์อพยพ จำนวน 36,000 - 37,000 คน

 ฮุนเซน บอกใช้ดาวเทียมพิสูจน์ใครเริ่มก่อเหตุปะทะ

ทางด้าน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน เซน ได้เรียกร้องให้อินโดนีเซียส่งผู้สังเกตการณ์ไปยังชายแดนฟากของกัมพูชา เพื่อเฝ้าตรวจสอบการหยุดยิงอย่างถาวรในพื้นที่พิพาทกรรมสิทธิ์กับประเทศไทย แม้ว่าฝ่ายไทยปฏิเสธที่จะรับผู้สังเกตการณ์ก็ตาม พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาชาติมหาอำนาจใช้ดาวเทียมในการพิสูจน์ว่าประเทศไหนเป็นฝ่ายยิงก่อน

          "ผมขอวิงวอนให้อินโดนีเซีย ประธานอาเซียน ส่งผู้สังเกตการณ์มายังฝั่งกัมพูชา แม้ประเทศไทยจะไม่เห็นด้วย" ฮุน เซน กล่าวในระหว่างการประชุมของสมาคมสตรีเพื่อสันติภาพและการพัฒนา และว่า กัมพูชาได้ใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด เราเพียงแต่ใช้ปืนเล็ก ไม่ใช่อาวุธหนัก แต่เมื่อวันที่ 26 เมษายน กัมพูชาเริ่มใช้อาวุธหนักเพื่อคุ้มกันทหารราบของเรา ความอดทนของเรามีจำกัด แต่การใช้อาวุธหนักของเรายังคงอยู่ในระดับต่ำในพื้นที่จำกัด

          ผู้นำกัมพูชายังกล่าวด้วยว่า บรรดาชาติมหาอำนาจควรหันดาวเทียมมาจับตาการสู้รบที่บริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชา เพื่อดูว่าทหารของฝ่ายไหนเป็นฝ่ายยิงก่อน "ประเทศมหาอำนาจอย่างจีน สหรัฐ อินเดีย และรัสเซีย ควรใช้ดาวเทียมตรวจดู เพื่อให้ทราบว่าใครยิงก่อน เราเป็นประเทศเล็ก เราไม่สามารถสู้กับประเทศใหญ่อย่างไทยได้ โลกสามารถพิสูจน์ได้" ฮุน เซน กล่าว

          ฮุน เซน กล่าวต่อไปว่า กัมพูชาจะหยุดซื้อสินค้าจากไทยหากไทยปิดพรมแดน "เรามีสินค้าของที่อื่นที่จะทดแทนสินค้าไทยได้ เช่น เวียดนาม จีน เราได้ยุติการรับความช่วยเหลือจากไทยเมื่อปีที่แล้ว"






 [26 เมษายน] เขมรปะทะไทย เกาะติด ไทยปะทะเขมรล่าสุด

         ตั้งแต่เช้าวันที่ 22 เมษายน เกิดเสียงปืนสนั่นหวั่นไหวตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา และเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาตลอดแนวชายแดนบริเวณปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ นอกจากนี้ยังมีการขยายแนวปะทะไปที่บริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มาวันนี้ (27 เมษายน) สถานการณ์ที่ชายแดนยังน่าเป็นห่วง

         โดย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวเกี่ยวกับการปะทะดังกล่าวว่า ขณะนี้สังคมมีการตั้งคำถามว่า เราจะตั้งรับอย่างนี้อีกนานแค่ไหน เรียนว่าในส่วนของกองทัพไม่ได้ตั้งรับ เขายิงมา 5 เราไป 20 ความสูญเสียของเขามากกว่าเราหลายสิบเท่า เพียงแต่ว่าเราไม่อยากรุกเข้าไป เพราะจะกลายเป็นสงคราม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด


          พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงกรณีที่โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาแถลงว่า การโจมตีของเราทำให้ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายได้รับความเสียหายว่า ท่านยิงมาก็ต้องยิงตอบโต้กลับไป ถ้าไม่อยากให้ปราสาทเสียหายท่านก็ต้องถอยออกไป เพราะที่ผ่านมาท่านไม่ได้เข้ามา เพิ่งเข้ามาเมื่ออาทิตย์กว่า ๆ นี้เอง แสดงว่าเป็นความจงใจที่จะเปิดให้มีการปะทะกัน

          "ท่านโฆษกกลาโหมกัมพูชาเสียรังวัดตั้งแต่ร้องไห้ออกทีวีแล้ว มันเว่อร์ ไม่มีทหารที่ไหนเขาร้องไห้ให้สังคมได้รับทราบ มีคนถามว่าเขาดราม่าไปหรือเปล่า ผมบอกว่า เขาดู "เรยา" (นางเอกละครดอกส้มสีทอง) มากไปหน่อย" โฆษกกองทัพบกกล่าว

 สรุปยอดทหารบาดเจ็บเหตุปะทะ 77 ราย
 
          ทางการสรุปยอดทหารไทยที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. จนถึงปัจจุบันมี 77 ราย

          สรุปยอดผู้ได้รับบาดเจ็บราชการสนาม ณ วันที่ 27 เม.ย. 54 มียอด 77 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน 54 นาย โรงพยาบาลสุรินทร์ 6 นาย โรงพยาบาลสุรนารี 3 นาย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 2 นาย โรงพยาบาลปราสาท 1 นาย โรงพยาบาลอำนาจเจริญ 1 นาย และขณะนี้ เสียงปืนยังสงบอยู่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ทหารไทยยังคงตรึงกำลังเข้มตลอดแนวชายแดน

กษิต แนะทำหนังสือกดดัน ฮุนเซน ร่วมเจรจา

          รมว.ต่างประเทศ เสนอให้รัฐสภาไทย ทำหนังสือถึงรัฐสภากัมพูชา และรัฐสภาอาเซียน เพื่อผลักดันให้นายกฯกัมพูชา เข้าสู่เวทีเจรจาอีกครั้ง

          นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีการปะทะระหว่างทหารไทย และกัมพูชา โดยยืนยันว่า ตลอด 4 วันที่ผ่านมา ไทยพยายามติดต่อเพื่อขอเจรจากับทางฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ รวมทั้งกัมพูชาได้หนีการเจรจามาตลอด 4 วัน

          ขณะเดียวกันได้ระบุว่า ไทยไม่ได้ให้ร้ายกัมพูชา หรือต้องการให้เกิดเรื่อง เพราะไทยได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในทุกเรื่อง พร้อมกันนี้ นายกษิตได้เสนอให้รัฐสภาไทยทำหนังสือถึงรัฐสภากัมพูชา และรัฐสภาอาเซียน เพื่อผลักดันให้สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าสู่การเจราจาอีกครั้ง เพราะในนามของประชาชนไทย ก็อยากเห็นสันติภาพเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นายกษิต ขอให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวของรัฐบาล และกองทัพว่า ไม่มีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน  

นายกฯ รับเจรจายากเขมร เหตุไม่ยอมหยุดยิง

          นายกรัฐมนตรีรุดเยี่ยมชาวบ้านที่หนีภัยสงคราม จ.สุรินทร์ ย้ำ ดูแลให้ดีที่สุด เผยเหตุปะทะ เขมรต้องหยุดยิงก่อนถึงจะเจรจา เชื่อนานาชาติ เข้าใจไทย

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา ที่บริเวณศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยได้กล่าวยืนยันกับชาวบ้านว่า รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่อย่างดีที่สุด พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่จะให้ชาวบ้านอพยพ หรือ กลับเข้าไปในพื้นที่ได้นั้น ก็ต่อเมื่อแน่ใจว่า สถานการณ์จะต้องปลอดภัย 100% ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่า อีกนานหรือไม่ เนื่องจาก ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า อยากให้ฝ่ายกัมพูชา แสดงความชัดเจนเรื่องการหยุดยิง ก่อนที่จะมีการเจรจาเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็มีสัญญาณที่ดีจาก พล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา เรื่องที่ต้องการเจรจากับฝ่ายไทย ซึ่งไทยยืนยันมีความพร้อมต้องการเจรจา ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า กัมพูชาพยายามใช้วิธีการยิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการให้เกิดการยกระดับให้พูดคุยแบบไตรภาคีนั้น ตนมองว่า ไม่น่าจะได้ผล เพราะเชื่อว่านานาชาติมองเห็นว่า ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรุกล้ำอธิปไตยก่อน


นายกอภิสิทธิ์

นายกอภิสิทธิ์


สธ.สรุปเหตุปะทะกัมพูชา ไทยเจ็บ 47 ดับ 6

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รมว.สาธารณสุข เผยเหตุปะทะชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ฝั่งไทยสูญเสียทหาร 5 คน พลเรือน 1 คน ขณะที่มีผู้บาดเจ็บ 47 ราย ขณะที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ปิดให้บริการแล้ว 9 แห่ง เป็นโรงพยาบาลชุมชน 2 แห่ง คือโรงพยาบาลพนมดงรัก โรงพยาบาลกาบเชิง

ลาว เรียกร้อง ไทย-เขมร แก้ปัญหาสันติวิธี

          รัฐบาลลาวออกแถลงการณ์ เป็นห่วงปัญหาการสู้รบของไทย-กัมพูชา และเรียกร้องให้แก้ปัญหาอย่างสันติ

          เวียงจันทน์ ไทม์ส สื่อดังในประเทศลาว รายงานว่า ในวันนี้ กระทรวงต่างประเทศของลาว ได้มีการออกแถลงการณ์ แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งได้มีการปะทะกันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการยุติการใช้ความรุนแรง แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

          ทั้งนี้ นายเคนทอง นวนทะสิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศลาว ระบุว่า การปะทะกันของทั้ง 2 ชาติ ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินทั้งสอง 2 ฝ่าย ซึ่งลาวเป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับทั้ง 2 ประเทศ ใช้เส้นแนวแบ่งเขตแดนเดียวกัน ก็หวังว่า ทั้งไทยและกัมพูชา จะแก้ไขปัญหาชายแดน ผ่านทางสันติวิธีตามหลักการของกฎหมายสากล และจิตวิญญาณแห่งมิตรภาพที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน และสมาชิกในครอบครัวอาเซียนด้วยกัน

ทูตพาณิชย์ไทยในเขมรชี้เหตุปะทะกระทบการค้า

          ทูตพาณิชย์ไทยในกัมพูชา ชี้ เหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบการค้า แต่เชื่อไม่กระทบความร่วมมือค้าข้าว

          นายจีรนันท์ วงศ์มงคล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า เหตุปะทะกันจนถึงวันนี้ ส่งผลกระทบต่อการส่งออก และการค้าชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะระยะเวลาที่ยืดเยื้อ และสถานที่เกิดเหตุใกล้ชายแดน ทำให้ด่านการค้าถูกปิด เช่น ด่านช่องจอม และด่านโอเสม็ด ทำให้สินค้าและวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ รวมทั้ง น้ำมัน ขนส่งเข้าในกัมพูชาไม่ได้

          สำหรับโครงการที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ร่วมมือกับเอกชนกัมพูชา เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องข้าว ทั้งการเพิ่มผลผลิตและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ คาดว่า จะสามารถดำเนินต่อไป เพราะนักธุรกิจไทยแยกแยะเรื่องนี้ได้ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ การค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ขยายตัวได้ถึง 31% สินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม เครื่องยนต์ ปูนซีเมนต์ เครื่องสำอาง  เหล็ก และผลิตภัณฑ์ผ้าผืน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น

กษิต ทวิตย้ำไทยไม่รุกรานเขมร ต้องทวิภาคี

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทวิตบอกไทยไม่เคยรุกราน เขมรพยายามยกระดับปัญหาไปสู่ประชาคมโลก ชี้ ไทยพร้อมคุยระดับทวิภาคี

          นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทวิตข้อความผ่าน เว็บไซต์ twitter.com ในชื่อ @kasitpirom โดยมีข้อความว่า  "ผมขอชี้แจงปัญหาไทยกัมพูชาที่เกิดขึ้นดังนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปสู่ประชาคมโลก ผมมั่นใจ ไทยไม่ได้เป็นคนรุกรานและไม่มีเหตุผลที่จะรุกรานกัมพูชา เนื่องจากไทยได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชามาโดยตลอด ประเทศไทยมีความพอใจกับกระบวนการทวิภาคี หรือคุยกันแค่ 2 ประเทศ"

          "ซึ่งการประชุม JBC เรื่องเขตแดนก็เพิ่งเสร็จสิ้นไป การดำเนินการต่าง ๆ ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ตอบโต้ทางทหารอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทย รัฐบาลจะชี้แจงสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทั่วโลกเข้าใจในทุกระดับ รวมถึงทบทวนความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ แก่กัมพูชา สุดท้าย ผมขอวิงวอนให้คนไทยมีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะส่งสัญญาณให้กัมพูชาได้รับรู้ว่า ประเทศไทยไม่ต้องการการสู้รบ และคนไทยเราต้องเป็นเอกภาพเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน"

ชาวบ้านสุรินทร์โวย ถุงยังชีพไม่ทั่วถึง

          ชาวบ้านที่หนีภัยสงคราม กว่า 50 คน โวยไม่ได้รับถุงยังชีพ วอนทางการแจกให้ทั่วถึงด้วย เพราะเดือดร้อนจริง เชื่อ สถานการณ์จะยืดเยื้อต่อ

          สำหรับความเคลื่อนไหวที่ศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้มีชาวบ้าน อ.พนมดงรัก กว่า 50 คน ได้รวมตัวกันและแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอ และให้การช่วยเหลือได้อย่างไม่ทั่วถึง เนื่องจากไม่ได้รับมอบถุงยังชีพ

          โดย นางพรพิลัย ผิวดีงาม อายุ 44 ปี ชาวบ้าน ต.บักได อ.พนมดงรัก เปิดเผยว่า ตนและชาวบ้านอีกเป็นจำนวนมากนั้นยังไม่ได้รับมอบถุงพระราชทาน ทั้งที่ได้รับความเดือดร้อน และได้มีการลงทะเบียนไว้ทุกคน จึงรู้สึกว่า การให้ความช่วยเหลือจะเป็นไปด้วยความลำเอียง พร้อมระบุว่า เข้าสู่วันที่ 7 แล้ว ที่ต้องอพยพเข้ามาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน และเชื่อว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อต่อไปอีก จึงอยากเรียกร้องให้ทางจังหวัดจัดระบบการบริหารการจัดการให้ดี เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึง

          ทางด้าน นายกสิณ นวลโคกสูง เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน จ.สุรินทร์ กล่าวยอมรับว่า การให้ความช่วงเหลือในขณะนี้ยังคงมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากมีผู้อพยพอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในจุดนี้ทางอำเภอจะเป็นผู้ดูแล ในขณะเดียวกัน ก็ทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า จะพยายามแจกจ่ายให้ความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง

ผู้ว่าฯ อุบล เตรียมพร้อม รับสงครามขยายวง
 
           ผู้ว่าฯ อุบล เผยสั่งเตรียมการรับมือสถานการณ์สู้รบไทยเขมร หากเกิดเหตุขึ้นในพื้นที่ติดชายแดน ทั้งศูนย์อพยพและหลุมหลบภัย

           นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีหนังสือสั่งการแจ้งให้พื้นที่อำเภอที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศกัมพูชา ได้แก่ อำเภอน้ำยืน น้ำขุ่น นาจะหลวย ติดตามข่าวสารสถานการณ์การปะทะ ระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการซักซ้อมและกำหนดแผนเฉพาะกิจอพยพประชาชน โดยเฉพาะอำเภอน้ำขุ่น สามารถรองรับประชาชนอพยพได้ประมาณ 6,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรองรับประชาชนที่อพยพมาจากอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ

           อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ยังมีการปะทะกันเป็นครั้งคราวในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งรัฐบาลได้เน้นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ในระดับพื้นที่ ตั้งแต่วันเกิดเหตุการณ์ปะทะกันนั้น ได้ประสานงานกระทรวงการคลัง เพื่อยกเว้นระเบียบการช่วยเหลือ โดยให้จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศกัมพูชา ให้สามารถดำเนินการจัดสร้างหลุมหลบภัยตามหมู่บ้านชายแดน โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุปะทะขึ้นก่อนได้

ฮุนเซน อ้อนอินโดฯ ส่งผู้สังเกตการณ์ดูไทย

          ฮุนเซน อ้อน อินโดนีเซีย ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าเขมรจับผิดไทย อ้างปะทะกัน 4 วันก่อนหน้าใช้อาวุธเบาเท่านั้น เริ่มใช้อาวุธหนัก เมื่อช่วงค่ำวานนี้

          สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ระหว่างการร่วมประชุมสมาคมสตรีกัมพูชาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา ที่กรุงพนมเปญ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการเรียกร้องให้อินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่พิพาทของกัมพูชา แม้ว่าฝ่ายไทยไม่ยินยอม โดยระบุว่า กระทรวงต่างประเทศของไทย เคยตกลงยินยอมมาแล้ว ในการประชุมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

          พร้อมกันนี้ยังเล่าต่อไปอีกว่า การปะทะกับทหารไทยที่ชายแดนปราสาทตาเมือนธมและตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ทหารเขมร ใช้อาวุธเบาเท่านั้น และเริ่มมีการตอบโต้อย่างหนัก ด้วยอาวุธหนัก หลังจากหมดความอดทน เมื่อช่วงเย็นวานนี้เท่านั้น

          ทั้งนี้ ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่เคยมีการจัดการด้านแผนที่เสร็จเรียบร้อย แม้ว่า ศาลระหว่างประเทศเคยตัดสินว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร เมื่อปี 1962 จนเป็นที่มาของความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน กระทั่งมีการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก เมื่อปี 2008 สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น และมีการปะทะกันมาหลายครั้ง

สุเทพเผยไม่มีทหารเวียดนามช่วยกัมพูชารบ

          สุเทพ เผย สถานการณ์การปะทะไทย - กัมพูชา ยังไม่ปิดช่องเจรจา แต่ไม่เข้าใจที่กัมพูชายังยิงอยู่ ยันรบอย่างไรก็ไม่มีทางได้ดินแดนไทย ชี้กองทัพพร้อมรบ

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ว่า ประเทศไทยยังไม่ปิดช่องการเจรจา แต่มีเงื่อนไขให้หยุดยิงก่อนแล้วค่อยให้มีการเจรจา ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการเจรจาไม่ใช่เป็นการยอมศิโรราบ แต่ก็ไม่ทราบว่าเหตุใด กัมพูชาจึงมีการยิงเข้ามายังพื้นที่ของไทย แต่เห็นว่าถึงจะมีการปะทะกันอย่างไร กัมพูชาก็ไม่มีทางได้พื้นที่ของประเทศไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

          ส่วนผลการปะทะกันในช่วง 23.00 น. ที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายทั้ง 2 ประเทศ ยืนยัน ประเทศไทยไม่มีการเสียเปรียบเพื่อเป็นการหยุดยั้ง พร้อมกันนี้ ได้รับทราบรายงานแล้วว่า ทหารระดับรองผู้บัญชาการกองพลของกัมพูชาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ยืนยันกับตนแล้วว่า กองทัพมีความพร้อมอย่างเต็มที่

          อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ถึงเวลาที่จะเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชากลับประเทศ พร้อมปฏิเสธว่า ข่าวที่ทหารเวียดนามช่วยทหารกัมพูชารบนั้นไม่เป็นความจริง


ไทยปะทะกัมพูชา

เหตุปะทะ ชาวสุรินทร์ตาย1 เจ็บ 3-พายุถล่มศูนย์

          สรุปเหตุปะทะไทย - กัมพูชา ตลอดคืนตึงเครียด ชาวบ้านอพยพหนีตายโกลาหล พบเจ็บ 3 ตาย 1 ด้านศูนย์อพยพ ที่ อ.ปราสาท เจอพายุถล่มหนัก ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

          สถานการณ์ ปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา ที่ได้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ปะทะกันระลอกที่ 7 เข้าสู่วันที่ 6 ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานที่ผ่านมา จนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. พบว่ามีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บทั้งหมดรวม 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านของผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ในอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ถูกกระสุนปืนถล่มจนพังยับ และลูกสาวได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ทางด้านโรงพยาบาลอำเภอกาบเชิงต้องอพยพผู้ป่วยออกจากพื้นที่ ส่วนที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ผู้ป่วย ชาวบ้าน ตลอดจนสื่อมวลชน ต้องอพยพเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัย หลังเกิดเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

          อย่างไรก็ตาม นอกจากเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปะทะแล้ว ชาวบ้านที่ศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อำเภอปราสาท ต้องทำการย้ายผู้อพยพทั้งหมดเข้าไปอยู่ในตัวอาคารเรียนของวิทยาลัยการอาชีพ ฝั่งตรงข้าม เนื่องจากพายุฝนได้พัดกระหน่ำลงมา และเต็นท์บริเวณสนามฟุตบอลไม่สามารถบังฝนได้

  ปณิธานแจง แค่เลื่อนถกเขมร ยังไม่เลิก

          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจง ยังไม่ยกเลิกการเจราจาระหว่าง รมว.กลาโหม กับกัมพูชา เพียงแค่เลื่อนออกไป พร้อมย้ำรัฐบาลไทยจะไม่ยกระดับความรุนแรงทุกกรณี

          นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกเลิกการเจรจากับกัมพูชา ว่า ขณะนี้ได้มีการปรับเลื่อนกำหนดการของการนัดเจรจาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหมของไทย กับตัวแทนของรัฐบาลกัมพูชาออกไปสักระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา จะมีการนัดประชุมกันอยู่แล้ว ในวันที่ 28 เมษายน นี้ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางไปประชุมอาเซียน ในวันที่ 7 - 8 พ.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นการใช้กลไกของอาเซียนในการเจราจาหารือกับทางผู้นำของกัมพูชาด้วย

          ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุต่อว่า ทางรัฐบาลไทยยืนยัน จะไม่มีการยกระดับความรุนแรง หรือจะกระทำการใด ๆ ที่ไปเพิ่มช่องทางให้ทางกัมพูชาใช้เป็นข้อมูล เพื่อร้องเรียนต่อนานานาติได้อีก


บัวแก้วเชิญทูตจีน-เวียดนามชี้แจงเหตุ

          นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เชิญนายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายโง ดึ๊ก ทัง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เข้ามารับฟังการชี้แจงกรณีเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทางไทยย้ำว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน และไม่มีเจตนาจะขยายการปะทะออกเป็นวงกว้าง พร้อมกับขอให้ทั้งสองประเทศส่งสัญญาณโน้มน้าวให้กัมพูชามาเจรจาตามกลไกทวิภาคี ซึ่งทางจีนและเวียดนามก็สนับสนุนแนวทางนี้

 เขมรอ้างปะทะภูมะเขือทหารไทยตาย5นาย
 
          กัมพูชา อ้างปะทะกันวานนี้ที่ภูมะเขือ มีทหารไทยเสียชีวิต 5 นาย พร้อมกล่าวหา ไทยชอบปั่นหัวประชาคมโลก อ้างกลาโหมไทย "เป็นฝ่ายขอเจรจาหยุดยิง"
          นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เชิญนายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายโง ดึ๊ก ทัง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เข้ามารับฟังการชี้แจงกรณีเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทางไทยย้ำว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน และไม่มีเจตนาจะขยายการปะทะออกเป็นวงกว้าง พร้อมกับขอให้ทั้งสองประเทศส่งสัญญาณโน้มน้าวให้กัมพูชามาเจรจาตามกลไกทวิภาคี ซึ่งทางจีนและเวียดนามก็สนับสนุนแนวทางนี้ 
   
          สำนักข่าว DAP (ดืม อัม ปึม) ของกัมพูชา รายงานอ้างแหล่งข่าวเป็นผู้บัญชาการทหารกัมพูชา ระบุว่า ในการปะทะกันเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง วานนี้ (26 เมษายน) บริเวณพนมโตร๊ป (Phnom Trop) หรือที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พบว่า มีทหารไทยเสียชีวิต 5 นาย
   
          นอกจากนี้ ตามรายงานยังระบุด้วยว่า พล.อ.เตีย บัณห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา "ได้ตอบรับ" ข้อเสนอจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหมของไทย เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการหยุดยิงในพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหาร โดยคาดว่า จะมีการหารือกันวันนี้ที่กรุงพนมเปญ
   
          ภายหลัง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ออกมาระบุว่า การรายงานข่าวทางฝ่ายกัมพูชา มีความคลาดเคลื่อนและแสดงออกให้ดูเหมือนว่า ไทยเป็นฝ่ายยอมแพ้ และขอให้มีการเจรจา ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จึงอาจจะไม่เดินทางไปเจรจากับกัมพูชา อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานตอบกลับกระแสข่าวดังกล่าวจากฝ่ายกัมพูชา แต่อยางใด
   
           ขณะที่มีรายงานออกมาโดยอ้างแหล่งที่มาจาก นายธานี ทองภักดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ว่าทั้ง สหรัฐ จีน และ เวียดนามต้องการให้ทั้งสองประเทศ กลับสู่การเจรจาทวิภาคีอีกครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ เช่นเดียวกับรัฐบาลญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย ที่เรียกร้องให้ยุติการปะทะโดยทันที และแก้ปัญหาความขัดแย้งผ่านการเจรจา
    
           ด้านนายปาย สิฟาน โฆษกคณะรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวหาว่า ประเทศไทยเก่งในเรื่องที่ทำให้ประชาคมโลกสับสนว่า ใครคือเหยื่อ ใครคือผู้รุกราน และประเทศไทยไม่เคยที่จะให้คำสัญญา หรือข้อตกลงใด ๆ ในขณะที่ยังพยายามใช้เทคนิคกลโกงให้โลกรู้ว่า ต้องการจะเจรจากับกัมพูชา แต่กลับทำการโจมตีทหารและชาวบ้านกัมพูชา และพยายามที่จะครอบครองปราสาทตาเมือนและปราสาทตาควาย ตลอดจนถึงช่วงคืนวันอังคาร

 ประวิตรงดถกกัมพูชาฉุนบอกไทยยอมแพ้
 
         โฆษกกองทัพบก เผย กัมพูชากลับกลอกให้ข่าวสื่อนอก อ้างไทยยอมแพ้ขอเจรจาสงบศึก ส่งผล "พล.อ.ประวิตร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกเลิกนัดเจรจาแล้ว

          พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. โดยระบุถึง ความเคลื่อนไหวในความพยายามเจรจา เพื่อยุติปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ โดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ได้นัดหมายกับ พล.อ.เตีย บัณห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพื่อที่จะเดินทางไปหารือ เรื่องการหยุดยิงในวันพรุ่งนี้

          แต่ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า ทางการกัมพูชากลับกลอกในข้อตกลง โดยมีการให้ข่าวต่อสื่อต่างประเทศว่า ประเทศไทยยอมแพ้ และขอเดินทางไปสงบศึกที่กัมพูชา ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จึงมีคำสั่งยกเลิกกำหนดการเจรจา ที่เคยมีก่อนหน้านี้ทั้งหมด เนื่องจากการให้ข่าวของกัมพูชาไม่เป็นไปตามความจริงที่เกิดขึ้น โดยในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ประวิตร มีกำหนดการที่จะเดินทางไปยังประเทศจีน เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างรัฐมนตรีด้วยกันแทน

 ผอ.ร.พ.กาบเชิง ยัน ร.พ.อยู่ในเป้าปืนกัมพูชา
 
          ผู้อำนวยกา โรงพยาบาลกาบเชิง เผย เหตุไทยเขมรปะทะเมื่อคืน หนักสุดในรอบ 28 ปี สั่งอพยพคนไข้แล้ว 22 ราย ยังไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ย้ำ ร.พ. อยู่ในวิถีกระสุน

           น.พ.ศตวรรษ สินธุ์ประสิทธิ์กุล ผอ.ร.พ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สถานการณ์การปะทะล่าสุด ถือว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในภาวะสงคราม โดยโรงพยาบาลได้สั่งอพยพคนไข้ที่นอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลออกไปยังโรงพยาบาลอื่นทั้งหมด 22 ราย เพื่อความปลอดภัย ส่วนบุคคลากรของโรงพยาบาลที่มีประมาณ 190 คน ก็จะให้อพยพเช่นกัน จะเหลือเพียงผู้ที่อาสาสมัครในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บเท่านั้น ซึ่งเหตุปะทะล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระสุนปืนใหญ่ตกใกล้โรงพยาบาลมาก และถือว่าหนักที่สุดในรอบ 28 ปี ที่โรงพยาบาลกาบเชิง ก่อตั้งขึ้นมา รุนแรงกว่าสมัยที่มีการปะทะตามแนวชายแดนในสมัยก่อน ซึ่งยืนยันว่า พื้นที่ของโรงพยาบาลนั้น อยู่ในวิถีของกระสุนของปืนใหญ่และกระสุนจากจรวดหลายลำกล้องแบบ บีเอ็ม 21 ของกัมพูชาด้วย

 นักวิชาการกัมพูชาชี้อาเซียนแก้ปมไทยไม่ได้
 
           นักวิชาการกัมพูชา ชี้ อาเซียน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาได้ เตือน อาจนำไปสู่ความแตกแยก ภายในอาเซียน

          ดร. Ros Chantrabuth อาจารย์ที่ปรึกษาแห่งราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา กล่าวให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวซินหัวของจีน ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ในความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชานั้น เกินความสามารถของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียนในการแก้ไขปัญหา แม้จะมีความพยายามอย่างมุ่งมั่นจากอาเซียนในการเป็นสื่อกลาง และตนก็เชื่อว่า มีเพียง "คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ" เท่านั้น ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ได้ พร้อมกล่าวเตือนว่า ความบาดหมางระหว่างกัมพูชาและไทย อาจนำไปสู่ความแตกแยกในอาเซียน รวมไปถึงเสถียรภาพความมั่นคงภายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อาจตกอยู่ในภาวะอันตราย หากการต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากการแทรกแซงใด ๆ จากบุคคลที่สาม
   
           ขณะที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่จะจัดขึ้นในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 6-7 พฤษภาคมนี้ นายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา กล่าวในวันอังคาร ว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไทยนายกรัฐมนตรี อาจพบกันนอกรอบ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดน อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้จะต้องมีการแสดงตัวของบุคคลที่ 3 เกิดขึ้น

 อพยพโรงพยาบาลพนมดงรัก-ถอนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ

         เจ้าหน้าที่ทำการอพยพเจ้าหน้าที่ ร.พ.พนมดงรัก รวมทั้ง สื่อมวลชน ลงหลุมหลบภัย หลังเสียงระเบิดดังใกล้ตัวอาคาร ขณะที่มีรายงาน สั่งถอนเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ที่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ออกจากพื้นที่แล้ว

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ได้มีการอพยพเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จำนวนประมาณ 30 คน รวมถึงสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ไปทำข่าวหนีลงหลุมหลบภัย โดยหลายรายอยู่ในอาการตื่นตระหนก บางรายถึงกับร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว จากการสอบถามถึงสาเหตุการอพยพเจ้าหน้าที่ลงหลุมหลบภัยนั้น เนื่องจากมีเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงบ่ายและมีเสียงระเบิดดังถี่ขึ้น ในช่วง 19.00 น. แต่เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. เสียงระเบิดเกิดขึ้นดังใกล้เข้ามามาก จึงได้มีการอพยพเพื่อความปลอดภัย โดยขณะนี้ได้อพยพเจ้าหน้าที่ไปยังโรงพยาบาลมหาราชแล้ว

           ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ได้มีการสั่งถอนเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ที่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ออกจากพื้นที่แล้วเช่นกัน

 










พล.อ.เตีย บันห์

 [26 เมษายน] เขมรปะทะไทย เกาะติด ไทยปะทะเขมรล่าสุด

          ทหารกัมพูชาเปิดฉากขนอาวุธหนัก ถล่มชายแดนไทย ล่าสุดปะทะอีก! ทหารกัมพูชา เปิดฉากสาดกระสุนใส่ไทย ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ  ขณะที่สื่อกัมพูชาเผยไทยเป็นฝ่ายรุกรานก่อน ด้าน กษิต ฉุนขาดเตรียมทบทวนความสัมพันธ์กับกัมพูชา ฟาก พล.อ.เตีย บันห์ เผยการเจรจาเพื่อยุติสถานการณ์ปะทะชายแดน จ.สุรินทร์ เกิดขึ้นยาก อ้างไทยไม่จริงใจ 

           ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (26 เมษายน) ได้มีเสียงปืนดังสนั่นใกล้ ๆ กับพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องไปที่โรงเรียนมหาราช 4 ห่างออกไป 10 กิโลเมตร

กระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านบุรีรัมย์ ไฟไหม้บ้าน 2 หลัง

          ลูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 7 ลูกได้ตกเข้ามาที่บริเวณถนนในหมู่บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู  อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ สะเก็ดระเบิดกระทบพื้นถนนทำให้เกิดไฟไหม้ที่หญ้าริมถนนก่อนจะลุกลามไหม้บ้านเรือนราษฎรอีก 2 หลัง

เขมรยื่นจดหมายผ่านเว็บประณามไทยรุกดินแดน
 
          กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการผ่านเว็บไซต์ เผยแพร่จดหมายประท้วงที่ยื่นต่อ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยชี้แจงถึงการล่วงละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาของไทยวานนี้ (25 เม.ย.) ว่า เมื่อเวลา 13.45 น. มีเครื่องบินของกองทัพไทย 2 ลำ ล่วงล้ำเข้ามาในน่านฟ้าบริเวณปราสาทตาเมือนธมและตาควายของกัมพูชา

          ต่อมาเวลา 13.55 น. กองทัพไทยเปิดฉากยิงกระสุนปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร เข้ายังพื้นที่บ้านโคก มอร์น (Kork morn village) จ.อุดรมีชัย ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ราว 22 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ ที่มีพลเรือนอยู่อาศัยหนาแน่น โดยทางการกัมพูชายังคงยืนยันสิทธิ์ในการป้องกันอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของกัมพูชา

สื่อนอกระบุปมไทย-เขมรซ่อนแผนการเมือง
 
          สื่อต่างชาติได้ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์การสู้รบระหว่างกัมพูชา และไทย บริเวณจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์และบุรีรัมย์ ว่าสาเหตุหลักเกิดจากปัญหาทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีปัญหาพรมแดน และเขาพระวิหารเป็นเรื่องรองลงมา

          โดยสื่อดังกล่าวเชื่อว่า ปัญหาที่ค้างคามานานกว่า 2 ปี ทั้ง 2 ประเทศมีความพยายามที่จะใช้การเจรจาด้านการทูตแต่ประสบกับปัญหามาตลอด โดยเฉพาะทางฝ่ายไทย และจากการที่ประเทศไทย จะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ปัญหาครั้งนี้ มีผลทางการเมืองเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จากสื่อดังกล่าวเชื่อว่า กองทัพไทยกำลังพยายามสร้างความพึงพอใจ ให้กับนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม และต้องการสร้างเสถียรภาพให้กับกองทัพ และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จะทำให้กลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ เกิดความถดถอยลง และความเป็นไปได้ ในการสร้างชุมชนอาเซียน ตามแบบยุโรป อาจจะไม่ทันแผนการที่ต้องการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียน ให้ได้ในปี 2558

สื่อเผย ฮุน มาเนต ต้องการยึดปราสาทตาควาย

          แหล่งข่าวกัมพูชา เผย พล.ท.ฮุน มาเนต ต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากประชาชน หากสามารถยึดปราสาทตาควายได้ จะได้รับการยอมรับจากประชาชน หลังมีข่าวลือว่า สมเด็จฮุนเซน ป่วยเป็นมะเร็งปอด

          แหล่งข่าวจากกัมพูชา เผยว่า พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ.ของกัมพูชา ต้องการที่จะยึดปราสาทตาควาย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน และเป็นชัยภูมิที่เหมาะกับการสู้รบกับประเทศไทย และมีความต้องการที่จะยึดพื้นที่ปราสาทตาควายให้ได้ก่อนที่ผู้สังเกตการณ์จากประเทศที่ 3 จะเข้ามา เพื่อที่จะประกาศว่า ปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา

          "ถ้าหากว่าเขาสามารถยึดปราสาทตาควายได้สำเร็จ ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งจะเชื่อว่าเขามีความสามารถพอที่จะสืบทอดอำนาจจากสมเด็จฮุนเซน"

          นอกจากนี้ยังได้มีข่าวลือว่า สมเด็จฮุนเซน ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด และกำลังรักษาตัวอยู่ที่สิงคโปร์ แต่ยังไม่มีการยืนยันข่าวดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

 กัมพูชายิงถล่มไทยระลอกที่ 7 ที่ปราสาทตาเมือนธม - ตาควาย
 
           การปะทะกันของทหารไทยและกัมพูชา บริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ยังคงดำเนินต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน รายงานล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (26 เมษายน) ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงอาวุธหนักถล่มฐานที่มั่นของไทยที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม - ตาควาย เป็นระลอกที่ 7 ขณะที่ทหารไทยโต้กลับหนัก ทำให้เกิดเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ พร้อมกับเร่งอพยพชาวบ้านออกห่างรัศมีการปะทะกัน 20 กิโลเมตร  

 กัมพูชาใช้เด็ก - ผู้หญิงเป็นกำบังป้องกันการโจมตีจากฝั่งไทย

           ขณะที่เมื่อเย็นวันที่ 25 เมษายน ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงทหารไทยก่อน  โดยกระหน่ำยิงปืนเข้าสู่ฐานที่มั่นทหารไทย บริเวณปราสาทตาควาย ด้วยปืนใหญ่ ทหารไทยโต้ตอบทันทีโดยฉับพลัน จนมีทหารบาดเจ็บ 3 ราย คือ จ.ส.อ.วิจิตร น้อยเจริญ จ.ส.อ.ปรีชา ราชวงศ์ และ ส.อ.ดวง โคตรศรีกุล

           นอกจากนั้น ยังมีรายงานจาก ชาวบ้านสวาย ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่ในช่วง ประมาณ 20.00 น. แต่ทราบว่า เป็นชาวกัมพูชา หรือ ทหารกัมพูชา เนื่องจากอยู่ในความมืด โดยผ่านข้ามเข้ามาในฝั่งไทยบริเวณช่องเขาขาว หรือ เขาศรีจันทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนติดต่อกับด้านทิศตะวันออกของพื้นที่ปราสาทตาควาย ต.บักได ชาวบ้านได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ ซึ่งตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา รถหุ้มเกราะของทหารไทย ได้เข้าประจำทุกจุด และตรึงกำลังที่ด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

           ขณะที่ เครื่องบินตรวจการณ์ของไทย ตรวจพบการเคลื่อนกำลังของกัมพูชา โดยมีทั้งปืนใหญ่ เครื่องยิงระเบิดแบบ B21 ถูกส่งประชิด ทางด้านทิศตะวันตกของตัวปราสาทตาควาย รวมทั้ง การระดมกำลังผสมระหว่างทหารเวียดนามและทหารกัมพูชา อีกด้วย

           ด้านแหล่งข่าววิเคราะห์เหตุการณ์ว่า การที่กัมพูชาพยายามยกระดับสถานการณ์ให้มีความรุนแรง เนื่องจากแนวโน้มการส่งผู้สังเกตการณ์น่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะในพื้นที่สังเกตการณ์ต้องไม่มีทหารอยู่ จึงต้องการให้ยูเอ็นเอสซีเข้ามาเพื่อปูทางในการนำกองกำลังสันติภาพเข้ามาแทน และสภาพปัญหาในกัมพูชาที่สมเด็จฮุน เซน พยายามสร้างความนิยมให้ พล.ท.ฮุน มาเน็ต ซึ่งมีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซน จะแต่งตั้งให้บุตรชายคนโตผู้นี้เป็น ผบ.สมรภูมิ ท่ามกลางข่าวลือว่าสมเด็จฮุน เซน ป่วยและเพิ่งเข้ารับการรักษาอาการมะเร็งปอดที่สิงคโปร์ และยังให้ทหารเขมรแดงเข้าปฏิบัติการรบกับทหารไทย เพื่อรักษากำลังทหารหลักของกองทัพตัวเองไว้

           อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า ก่อนการปะทะเมื่อวันที่ 22 เมษายน ทหารกัมพูชาได้มีการขนครอบครัวทั้งเด็กและสตรีขึ้นเขาพระวิหารอย่างต่อเนื่องใน 7 เขตพื้นที่ รวมกว่าหลายร้อยคน ซึ่งคาดว่าจะนำมาเป็นกำบังป้องกันฝ่ายไทยโจมตี หากมีการปฏิบัติการในพื้นที่เขาพระวิหาร และยังหวังใช้ในการฟ้องร้ององค์การระหว่างประเทศด้วย

 ปะทะอีก! ทหารกัมพูชา เปิดฉากสาดกระสุนใส่ไทย ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ 

           ทหารกัมพูชา เปิดฉากสาดกระสุนใส่ไทย เพิ่มแนวรบใหม่ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ  ล่าสุด ยกระดับเป็นการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแล้ว

           พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุปะทะกันของทหารไทย และกัมพูชาตามแนวชายแดน โดยระบุว่า เมื่อช่วง 13.30 น. ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันที่ภูมะเขือ ซึ่งอยู่ห่างจากจากเขาพระวิหารไปทางทิศตะวันตก ราว 2 กิโลเมตร ในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ โดยล่าสุดการปะทะกันยกระดับจากการใช้ปืนเล็ก มาเป็นการใช้เครื่องยิงลูกระเบิด หรือ ที่เรียกว่าปืน ค. แล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้การปะทะยังไม่สงบ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้น ยังไม่มีรายงานเข้ามาแต่อย่างใด


สื่อกัมพูชารายงานไทยรุกก่อน
 
          สื่อกัมพูชาบอกไทยรุกรานเขมรก่อน ปลุกสำนึกเยาวชนเลิกเห่อตามแฟชั่น เจาะหูแบบไทย ทำประเทศเสื่อม พร้อมบอยคอต สินค้าไทย

          วิทยุจากกัมพูชาที่รับฟังได้ในฝั่งประเทศไทย เปิดสายให้ชาวบ้านแสดงความคิดเห็น ล้วนสาบแช่งประเทศไทย ที่รุกรานกัมพูชาก่อน ปลุกสำนึกเยาวชน เลิกเห่อตามแฟชั่นเจาะหูแบบไทย ทำให้ประเทศเสื่อม แถมยังบอยคอตสินค้าไทย 

  
  


 

ปภ. ให้ 3 อำเภอในจังหวัดสุรินทร์ เป็นเขตภัยพิบัติสงคราม

           นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม หมู่ที่ 8 ตำบลตาเมียง และปราสาทตาควาย หมู่ที่ 17 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2544 ถึงปัจจุบัน ว่า ขณะนี้จังหวัดสุรินทร์ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยอันเนื่องมาจากกองกำลังนอกประเทศ) ใน 3 อำเภอ 11 ตำบล 142 หมู่บ้าน ได้แก่

           อำเภอพนมดงรัก รวม 4 ตำบล 55 หมู่บ้าน ดังนี้ ตำบลบักได ตำบลตาเมียง ตำบลจีกแดก และตำบลโคกกลาง

           อำเภอกาบเชิง รวม 5 ตำบล 76 หมู่บ้าน ดังนี้ ตำบลแนงมุด ตำบลโคกตะเคียน ตำบลกาบเชิง และตำบลตะเคียน

           อำเภอปราสาท รวม 2 ตำบล 11 หมู่บ้าน ดังนี้ ตำบลโคกสะอาด และตำบลโชคนาสาม ทหารเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 25 นาย

           ทั้งนี้ ได้อพยพราษฎรประมาณ 25,835 คน ไปอาศัยที่จุดรองรับการอพยพ 22 จุด ได้แก่ จุดรองรับผู้อพยพอำเภอพนมดงรัก 3 จุด ผู้อพยพ 5,292 คน จุดรองรับผู้อพยพอำเภอกาบเชิง 4 จุด ผู้อพยพ 3,817 คน จุดรองรับผู้อพยพอำเภอปราสาท 13 จุด ผู้อพยพ 15,612 คน และจุดรองรับผู้อพยพอำเภอสังขะ 2 จุด ผู้อพยพ 1,114 คน


ทภ.2พร้อมลุยปกป้องปราสาทตาเมือนธม

          โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ยัน ยังไม่ขอกำลังเสริมจากภาคอื่น หลังเปิดฉากยิงปะทะทหารเขมรชุดใหญ่ พร้อมระบุ ทหารทุกนาย รักษาอธิปไตย ไม่ให้เขมรบุกยึดปราสาทตาเมือนธม ตามข่าวลือ

          พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้า สถานการณ์การปะทะกัน ระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา ที่มีแนวโน้มการเจรจาจะไม่เป็นผลว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารทุกหน่วย ซึ่ง กองทัพภาคที่ 2 พร้อมดูแล และปฏิบัติตามกฎสากลอย่างเคร่งครัด แม้จากสถานการณ์ที่แรงขึ้น แต่ขณะนี้ กำลังทหารกองทัพภาคที่ 2 มีเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องขอกำลังเสริมจากหน่วยอื่น ซึ่งมีการเตรียมพร้อมสำรองไว้เช่นกัน ส่วนการใช้อาวุธหนักในการปะทะนั้น ก็จะมีการพิจารณาตามลำดับชั้นและเหตุการณ์

          ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ทหารกัมพูชา จะเข้ายึดปราสาทตาเมือนธมให้ได้นั้น ขอยืนยันว่า ทหารที่ทำหน้าที่ทุกนายจะรักษาอธิปไตย และไม่ยินยอมให้กัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่ประเทศไทยได้แน่นอน จึงขอให้ประชาชนวางใจได้ แม้สถานการณ์จะยังไม่นิ่ง และมีท่าทีว่าอาจจะยืดเยื้อก็ตาม ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ ให้เฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ลุกลาม

          อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงการดูแลประชาชนผู้อพยพว่า ทางทหารบางส่วน ก็เข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ศูนย์อพยพ โดยมีประชาชนอาศัยกว่า 3 หมื่นคนแล้ว และประชาชนในพื้นที่ ก็เข้าใจกับทางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนเหตุการณ์ยิงปะทะ เมื่อช่วงเวลา 18.00 น.วานนี้ มีทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย

 สหรัฐ ห่วงเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

          สหรัฐแสดงความเป็นห่วง เหตุปะทะชายแดน วอน ไทย-กัมพูชา ใช้ความยับยั้งชั่งใจ และแก้ไขปัญหาโดยทันที

          นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวแถลงการณ์ ในวันจันทร์ (25 เมษายน) เรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา ใช้ความยับยั้งชั่งใจ ละเว้นจากการกระทำที่เป็นการยั่วยุ และดำเนินการในทันที เพื่อคลี่คลายความตึงเครียด หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นตามแนวชายแดน จนส่งผลให้มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 12 นาย และทำให้ชาวบ้านนับหมื่นคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งทางสหรัฐยังคงรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก เกี่ยวกับการปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และการสูญเสียชีวิต การอพยพย้ายถิ่นของพลเรือน และความเสียหายต่อทรัพย์สิน ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ

          นอกจากนี้ นางคลินตัน ยังกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐ ได้ทำการพูดคุยกับทั้ง 2 ประเทศแล้ว และสหรัฐ ก็ขอสนับสนุนความพยายามของประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานคนปัจจุบันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อช่วยให้เข้าถึงวิธีการแก้ปัญหา

ไทยปะทะเขมรเกือบทั้งคืน ขณะที่ตำรวจจับขโมยฉวยโอกาส
 
          ยังคงมีความน่าเป็นห่วง ระหว่างปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา หลังตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังคงมีการยิงตอบโต้กันอย่างดุเดือด ซึ่งล่าสุดนั้นมีรายงานว่า ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บแล้ว 3 นาย สำหรับความเคลื่อนไหวสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา จนถึงขณะนี้ เข้าสู่ วันที่ 5 แล้ว ยังคงมีการยิงตอบโต้ทางการทหารกันอย่างต่อเนื่อง บริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ตำบลบักได และที่ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง จังหวัดสุรินทร์

          ซึ่งสำหรับเหตุการณ์ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมานั้น ได้มีการยิงตอบโต้กันด้วยปืนใหญ่อย่างดุเดือด ตั้งแต่เวลา 18.15 - 21.30 น. โดย นายปริญญา โพธิ์ทอง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อำเภอพนมดงรัก ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอ ขณะเกิดเหตุการณ์ปะทะ กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามความเคลื่อนไหว โดยล่าสุด ทราบว่า ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพนมดงรัก

          ทั้งนี้ ชุดรักษาความปลอดประจำหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ที่ประจำการ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจตระเวนชายแดน ในหมู่บ้านหนองมะยาง จับวัยรุ่นในหมู่บ้านหนองคันนา ได้ 3 ราย เนื่องจาก เข้ามาขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป

          อย่างไรก็ตาม สำหรับศูนย์อพยพในจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์ ในขณะนี้ มีทั้งหมด 22 จุด โดยมีชาวบ้านอพยพหนีภัยสงครามแล้ว กว่า 30,000 ราย ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้ยังคงมีหน่วยงานทั้งภาคครัฐและภาคประชาชน ตลอดจนหน่วยงานเอกชน นำสิ่งของมาบริจาคอย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านนั้นยังอยู่ในภาวะกดดันและเครียด เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้


  กัมพูชาจ่อรุกระลอก 7 เสริมกำลังพลพร้อมอาวุธหนัก

          ขณะนี้สถานการณ์ด้านชายแดนไทยกัมพูชาฝั่ง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เสียงปืนยังเงียบสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ที่จะมีการเปิดฉากการปะทะในระลอกที่ 7 แหล่งข่าวในพื้นที่ กล่าวว่า กองกำลังผสมทหารกัมพูชา - ทหารเวียดนาม ได้เสริมกำลังเพิ่มขึ้นอีกประชิดทางทิศตะวันตกของปราสาทตาควายและประชิดเกาะติดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม เพื่อเตรียมขึ้นยึดพื้นที่องค์ปราสาททั้ง 2 ที่อยู่ใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในฐานที่มั่นของกัมพูชา มีอาวุธสงครามร้ายแรง ปืนใหญ่ เครื่องยิงระเบิดแบบ BM 21ขนาดยิงได้ครั้งละ 40 ลูก เป้าหมายทหารกัมพูชาหวังทำลายล้างที่หมายพลเรือน มีลูกปืนใหญ่ตกลงในหมู่บ้านแนวชายแดนตามแนวการยิงจำนวนมาก การสู้รับไม่ปฏิบัติตามกฎบัตรของสหประชาชาติ

 ผู้บัญชาการทหารบก ให้นโยบายทหาร 4 ข้อ 

          ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกของไทย มีนโยบาย 4 ข้อ กรณีปะทะกับกัมพูชาคือ

          1. จะไม่เริ่มยิงก่อน

          2. จะจำกัดพื้นที่การสู้รบให้มีพื้นที่น้อยที่สุด

          3. จะไม่ใช้อาวุธที่เกินความจำเป็น อาทิกำลังทางอากาศ

          4. จะไม่ทำลายเป้าหมายทางพลเรือน


 เผยเหตุปะทะทหารกัมพูชาตายเป็นจำนวนมาก

          ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า  สรุปยอดทหารไทยพลีชีพแล้ว 5 นาย บาดเจ็บ 29 นาย จากการสู้รบต่อเนืองตลอด 5 วัน ขณะที่ฝั่งกัมพูชา สูญเสียเป็นจำนวนมาก โดยในวันแรกฝั่งกัมพูชาเสียชีวิตจำนวน 13 ราย บาดเจ็บ 24 ราย วันที่ 2 เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 15 ราย นอกจากนี้ ยังพบว่ามีนายทหารระดับร้อยตรีและร้อยเอก เสียชีวิต 10 นาย ระดับนายพัน เสียชีวิต 2 นาย ซึ่งทราบชื่อแล้วด้วย   
 
 ประยุทธ์ลั่นทหารไทยสู้ไม่ถอย

           พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวเรื่องนี้ว่า กำลังทหารอยู่ในทุกพื้นที่ที่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่ง และรักษาอธิปไตยตามแนวเส้นเขตแดนที่กำหนดชัดเจน ไม่ได้ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้นอย่าไปพูดและลือว่าทหารไทยตั้งรับอยู่และถอยไปเรื่อยๆ ทหารไทยไม่เคยถอยอยู่แล้ว การที่ทหารไทยไปอยู่นั้นเป็นไปตามพันธสัญญาและกติกาที่มีอยู่ ถ้าจะยกเลิกสัญญาก็ว่ากัน

            "เราไม่ได้อ่อน แต่เราต้องดูกติกาสัญญา ถ้าจะยกเลิกก็ต้องยกเลิกทั้ง 2 ฝ่าย ให้ ครม.ไปว่ากันมา เมื่อไม่มีการรักษาสัญญา เขายิงมาเราก็ตอบโต้ไป เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้มากกว่านี้ เรายิงมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า ก็ต้องตอบโต้ไปจนกว่าเขาจะหยุด ถ้าเขายิงมาเราตอบโต้ไป แล้วเขายังไม่หยุดก็ต้องยิงมากกว่าเดิม ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติอย่างนั้นมาโดยตลอด จนทำให้เขาหยุดการยิง ถ้าจะเอากำลังเข้าไปยึดก็หมายความว่าต้องรบกันทั้ง 2 ประเทศ ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศไทยต้องช่วยกันรบ ซึ่งการจะรบหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล 2 ประเทศ จะเปิดสงครามต้องมี ครม.ประกาศ ขณะนี้ยังไม่ประกาศ เป็นเพียงการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่า เหล่าทัพไม่เห็นด้วยที่จะให้ประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ แต่ถ้าหากจำเป็นเราได้ยื่นกติกาไปแล้วว่า ต้องเอาทหารลงจากเขาพระวิหารทั้งหมด ซึ่งทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาทำเพื่ออะไร เพื่อต้องการยกระดับและให้ประเทศอื่นเข้ามาตัดสิน


 กษิต ฉุนขาดเตรียมทบทวนความสัมพันธ์

           ทางด้าน นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ  กล่าวหลังรับทราบข่าวการปะทะอีกครั้งว่า สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชาไม่ยอมรับข้อเสนอของไทยที่พร้อมเจรจาทุกระดับ ที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุปะทะกัน หลังจากนั้นสองวันกัมพูชาจะติดต่อขอเจรจามาตลอด แต่ครั้งนี้ไม่ติดต่อ เมื่อเราติดต่อไปก็ปฏิเสธ ดังนั้น เราต้องมาทบทวนนโยบายทั้งหมด โดยหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ในวันที่ 26 เมษายน จะกลับมาหารือเพื่อทบทวนนโยบายด้านความสัมพันธ์

           "ใครเอาศักดิ์ศรีของประเทศมาล้อเล่นไม่ได้ ครั้งนี้กัมพูชาจงใจรุกคืบเข้ามาที่จะรุกราน เพราะเราได้คุยหลายครั้งแล้ว แต่ตอบสนองเราด้วยลูกปืน นี่มันเกินวิสัยที่จะเป็นมิตรสัมพันธ์กันแล้ว ไม่ควรที่จะดึงอาเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต่อไปนี้ไทยต้องให้อาเซียนรับทราบบ้างว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานไทยก่อนเสมอ" นายกษิต กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
 

 เตีย บันห์ เผยเจรจายุติหยุดยิงยาก อ้างไทยไม่จริงใจ

           พล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผย เกี่ยวกับสถานการณ์การปะทะกันของทหารไทยและกัมพูชาที่แนวชายแดน จ.สุรินทร์ โดยระบุเพียงสั้น ๆ ว่า การเจรจานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากตนเองมองไม่เห็นความประสงค์ที่จะพูดคุย ปากว่าจะคุย แต่ยังไม่เคยเห็นความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการเชิญกัน มีการพยายามติดต่อกัน แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จใด ๆ 

           ขณะที่ทางด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้น เนื่องจากทางการกัมพูชา อาจจะไม่พร้อม ในการพูดคุย และอาจมีจุดมุ่งหมายให้สถานกาณ์นำไปสู่การนำประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง สถานการณ์จะบีบบังคับให้กัมพูชาแสดงท่าที ในการเจรจาออกมาเอง 






[25 เมษายน] ลูกฮุนเซนขนรถถังนำทหารประชิดชายแดนอีก

          กัมพูชาออกแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ด้านทหารไทยพลีชีพอีก 1 หลังถูกซุ่มยิงกลางดึก ขณะที่ฮุนมาเน็ตนำกองกำลังประชิดชายแดนไทย หวังเปิดศึกอีกรอบ

          กระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศ กัมพูชาออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 24 เมษายน 2554 ระบุถึง หนังสือนำทางการทูตจากกระทรวงการต่างประเทศของไทย วันที่ 22 เมษายน และ 23 เมษายน รวมถึงแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย วันที่ 23 เมษายน ที่อ้างว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากการโจมตีฝ่ายไทยก่อนในวันที่ 22 เมษายน และ 23 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ในคำสบประมาท และข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จเหล่านี้ แก่ประเทศกัมพูชา และเป็นฝ่ายไทยที่ทำการรุกรานกัมพูชา ก่อนจากการปะทะทั้งในวันที่ 22 เมษายน 23 เมษายน และ 24 เมษายน 

          โดยเมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 24 เมษายน กองกำลังทหารไทยได้เริ่มทำการโจมตีอย่างโหดร้าย เข้ามาในผืนแผ่นดินของกัมพูชา ในพื้นที่ Thmor Daun ด้วยการยิงกระสุนปืนนับพันนัด และโจมตีด้วยอาวุธหนักในพื้นที่โคก มอร์น (Kork morn village) จ.อุดรมีชัย ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของประชาชน จนต้องมีการอพยพชาวบ้านนับพันคนออกจากพื้นที่ดังกล่าว 

          ห้านาทีต่อมา กองกำลังไทยทำการโจมตีอย่างหนัก ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ด้วยการยิงปืนใหญ่ ก่อนที่ กองกำลังทหารราบของไทยจะเดินหน้า เข้ายึดพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมไปจากกัมพูชา และเป็นข้อสังเกตที่ว่า จนถึงขณะนี้ ประเทศไทยยังไม่ยอมรับข้อตกลงการส่งผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย เพื่อช่วยมิให้เกิดการปะทะกันในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กัมพูชาได้ตอบรับแผนการแม่บทดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปะทะรอบ6! เขมร ถล่มปืนใหญ่-ไทยโต้เดือด
 
          เมื่อช่วงค่ำของวันนี้ (25 เม.ย.) ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงทหารไทยก่อน ในระลอกที่ 6 โดยการกระหน่ำยิงปืนเข้าสู่ฐานที่มั่นทหารไทย บริเวณปราสาทตาควาย ด้วยปืนใหญ่ ปืน ค. และอาวุธประจำกาย สาดใส่ทหารไทย เสียงปืนดังสนั่น ทหารไทยโต้ตอบทันทีโดยฉับพลัน ด้วยกองกำลังขนาบและทหารราบต่อสู้ภาคพื้น ดยพบว่ามีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียง ส่งไปยังโรงพยาบาลพนมดงรักแล้ว

 เขมรยิงระเบิดด้านใส่ไทยนับ 10 โชคดีไร้เจ็บ

          ทหารเขมรยิงระเบิดหมดอายุใส่ฝั่งไทย 3 วัน รวม 10 นัด คร่าชีวิตไก่ไป 1 ตัว ขณะ จ.สุรินทร์ เพิ่มศูนย์อพยพเป็น 22 จุด ยอดกว่าสามหมื่นคนแล้ว

          ขณะที่เมื่อวันที่ 24 เมษายน จังหวัดสุรินทร์ ได้เพิ่มศูนย์อพยพแล้ว เพื่อรองรับชาวบ้านที่ลี้ภัยสงคราม จำนวน 22 จุด ชาวบ้านที่อยู่ติดแนวชายแดน ต.ตาเมียง ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เดินทางเข้ามาอยู่ 32,000 กว่าคนแล้ว ทั้งนี้ ทหารได้สั่งการให้ชาวบ้านหนองคันนา หมู่ที่ 8 ต.ตาเมียง ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งหมดแล้ว เพราะอยู่ในวิถีกระสุนตลอด 3 วัน ลูกระเบิด ปรส. ขนาด75 มม. ยิงมาตกในบ้านหนองคันนา จำนวน 10 ลูก แต่ระเบิดเพียง 2 ลูก ด้าน 8 ลูก ไม่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงไก่ที่โดนลูกระเบิดตาย 1 ตัว เท่านั้น ชาวบ้านหนองคันนา เอายางรถยนต์สุ่ม มาครอบลูกระเบิดไว้ ส่วนมากเป็นกระสุนปืนที่หมดสภาพแล้ว

ชาวบ้านตื่น ระเบิดตกในสวนยางบุรีรัมย์ 5 ลูก
 
          นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เผย เหตุปะทะชายแดน มีระเบิดตกกลางสวนยาง 5 ลูก ชาวบ้านตื่นเข้าพักศูนย์อพยพ ขณะ 4 วัน ยอดพุ่งเกือบ 5 พัน

          นายณัฐ ชาติวัฒนศิริ นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์การปะทะกันอย่างดุเดือดที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ส่งผลให้พื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นรอยต่อของ จ.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบอย่างหนักไปด้วยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกัน เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้ยินเสียงปืนดังสนั่นตลอดเวลา อีกทั้งยังมีระเบิดมาจากฝั่งกัมพูชา ยิงข้ามมาตกกลางสวนยาง พื้นที่บ้านกรวด จำนวน 5 ลูก สร้างความตื่นตระหนกตกใจแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก

          ทางอำเภอจึงได้ทำการอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เข้ามาพักที่ศูนย์อพยพทั้ง 3 เเห่ง คือ ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด โรงเรียนโนนเจริญพิทยาคม โรงเรียนบ้านละหานทรายใหม่ ต.หินลาด โดย ณ ขณะนี้สถานการณ์ปะทะชายแดน ย่างเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว มีจำนวนประชาชน ภายในศูนย์เพิ่มขึ้นกว่า 5,000 คน ทั้งนี้ แม้เสียงปืนจะเงียบลงแล้ว และไม่มีกระสุนตกมาในพื้นที่อีก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้ประชาชน เดินทางกลับเข้าที่พักได้ เนื่องจากเหตุการณ์โดยรวมยังไม่น่าไว้วางใจ ต้องรอฝ่ายทหารประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

สื่อจีนรายงานกัมพูชาอพยพ 1.7 หมื่นหนีเหตุปะทะ

          สื่อจีนรายงานชาวกัมพูชาเกือบ 2 หมื่นคน ต้องอพยพหนีภัยสงคราม ขณะที่ยอดเสียชีวิตจาก 3 วันที่ผ่านมา ยังคงที่ 2 ฝ่าย เสียชีวิต 10 นาย บาดเจ็บจำนวนมาก

          สำนักข่าวซินหัว รายงานในวันนี้ว่า จากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้มีประชาชนชาวกัมพูชา 4,285 ครอบครัว จำนวน 17,200 คน ได้รับความเดือดร้อน และต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยในอำเภอสำโรง จังหวัดโอดดาร์เมียนเจย ห่างจากจุดปะทะ 30 กิโลเมตร

          รายงานดังกล่าวระบุว่า การปะทะกันครั้งนี้ ได้ย้ายจากปราสาทพระวิหาร ที่มีการปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายแทน จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีทหารของทั้ง 2 ฝ่ายเสียชีวิตไปแล้ว 10 นาย โดยแบ่งเป็นทหารกัมพูชา เสียชีวิต 6 นาย บาดเจ็บ 16 นาย ขณะที่ฝ่ายไทยมีการยืนยันจากนายทหารระดับสูงใน กทม. เสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 17 นาย

          ทั้งนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เริ่มมีความตึงเครียดมาตั้งแต่มีการเริ่มขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก ในปี 2008 เนื่องจากมีการเรียกร้องในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร

ทหารกัมพูชา 40 นายตรึงกำลังเพิ่มปราสาทตาควาย

          พ.ท.ปิยะ หิมะมาน นายทหารส่วนหน้า ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ และขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวในภาวะสงครามต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา ในขณะนี้พบว่า ทหารกัมพูชาที่นำกำลังรุกคืบเข้ามาในเขตปราสาทตาควาย ทางทิศใต้ โดยมีกำลังไม่ต่ำกว่า 40 นาย พร้อมอาวุธครบมือ และสถานการณ์การปะทะเมื่อวานที่ผ่านมา ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 6 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย คือ ร.ต.อดิศักดิ์ บุ่งนาม อายุ 42 ปี บาดเจ็บบริเวณช่องท้อง อยู่ระหว่างการรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และทางกัมพูชายังได้ยิงกระสุนปืนตกที่บริเวณหมู่บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จำนวน 14 ลูก แต่ทำงานเพียง 2 ลูก ซึ่งอีก 12 ลูก นั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บกู้

เผยทหารพรานถูกกัมพูชาซุ่มยิงกลางดึก ดับอีก 1

          สำหรับสถานการณ์ช่วงกลางดึกที่ผ่านมานั้น ได้เกิดการปะทะกันขึ้นที่บริเวณเขตปราสาทตาควายทางทิศตะวันตก โดยอาสาทหารพรานอารี คงนาคเพนา ถูกซุ่มยิงจนเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน

          อย่างไรก็ตามล่าสุด ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้เปิดศูนย์รับบริจาคขึ้นที่ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และสั่งการให้รถทัวร์สนามประกอบอาหารให้ประชาชนไปจนกว่าเหตุการณ์จะสงบด้วย


ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ประวิตร ยันไทยไม่ใช้อาวุธเคมีโต้เขมร

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมปัดใช้อาวุธเคมีโจมตีกัมพูชา ยัน กองทัพไม่มีอาวุธชนิดนี้

          พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันว่า ทหารไทยไม่ได้ใช้อาวุธเคมีในการตอบโต้กัมพูชาตามที่มีการกล่าวหา และทางกองทัพไทยไม่เคยมีอาวุธชนิดนี้ในการใช้งาน อีกทั้งทางกระทรวงกลาโหมได้ให้นโยบายกองทัพ ว่า ต้องใช้อาวุธตอบโต้ตามที่กัมพูชาใช้ หรือตามความเหมาะสม และทำการโจมตีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น

          นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า ไม่ทราบว่าเหตุการณ์ในการปะทะครั้งนี้ มีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ทหารมีหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่รัฐบาลก็พยายามดำเนินการให้ทั้ง 2 ประเทศ กลับสู่ความสงบโดยเร็ว

ชาวสุรินทร์แห่กดเงิน ATM หวั่นปะทะยืดเยื้อ
 
          ชาวสุรินทร์แห่กดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มไว้ใช้สอยซื้อของที่จำเป็น คาดสงครามรุนแรงขึ้น ยืดเยื้อหลายวัน ที่ศูนย์อพยพขาดแคลนน้ำ นม มุ้ง วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ

          ขณะนี้ได้มีประชาชนจำนวนมากเดินทางจากอำเภอกาบเชิง อำเภอพนมดงรัก บางส่วนมาที่นิคมปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพื่อที่จะกดเงินสดจาก ATM ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านว่า สาเหตุที่มากด ATM เพราะเกรงว่า การสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ปะทะกันอยู่ อาจจะเพิ่มขีดความรุนแรงถึงขั้นแตกหัก และใช้เวลานานหลายวัน จึงจำเป็นต้องตุนเงินทองไว้ใช้จ่าย รวมทั้งซื้อสินค้าที่จำเป็นเก็บไว้

          สำหรับศูนย์อพยพโรงเรียนประสาทวิทยาคาร ที่มีผู้อพยพกว่า 3,000 คน กำลังขาดแคลนหนักในเรื่องของน้ำ นม มุ้งเด็ก และยากันยุง วอนผู้ใจบุญให้การช่วยเหลือด่วน

ปภ.สรุปเหตุไทยกัมพูชาปะทะกัน ทหารพลีชีพ 4 เจ็บ 25 นาย
 
          อธิบดี ปภ. เผยสรุปเหตุการณ์ความสูญเสียไทยปะทะกัมพูชา ล่าสุด ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 25 นาย ประชาชนเดือดร้อน 2.5 หมื่นคน

          นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2544 ถึงปัจจุบัน ว่า ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2 ตำบล 36 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลตาเมียง และ ตำบลบักได ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 25 นาย อพยพราษฎรประมาณ 25,942 คน ไปอาศัยอยู่ที่จุดรองรับการอพยพ 22 จุด ได้แก่ จุดรองรับผู้อพยพอำเภอพนมดงรัก 3 จุด จำนวน 5,292 คน อำเภอกาบเชิง 4 จุด จำนวน 3,817 คน อำเภอปราสาท 13 จุด จำนวน 15,719 คน และจุดรองรับผู้อพยพอำเภอสังขะ 2 จุด จำนวน 1,114 คน

          ทั้งนี้ ได้ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถผลิตน้ำดื่ม รถไฟส่องสว่าง 5 คัน รถบรรทุกน้ำ 14 คัน เต็นท์ 420 หลัง รถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 คัน สุขาเคลื่อนที่ 60 หลัง ให้บริการประชาชนตามจุดรองรับการอพยพต่าง ๆ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ชาวภูมิซรอล พร้อมอพยพหากเกิดเหตุปะทะ

          ชาวบ้านภูมิซรอลพร้อมอพยพหนีภัยสงคราม หากเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่เขาพระวิหาร

          ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่าขณะนี้ ชาวบ้านภูมิซรอลต่างอยู่ในอาการหวาดผวาภัยสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งนี้เนื่องจากว่า พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 แจ้งว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา อาจจะขยายวงกว้างมายังบริเวณเขาพระวิหาร เนื่องจากว่า ทหารกัมพูชาได้มีการเปิดผ้าคลุมปืนใหญ่และจรวดออกแล้ว เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมทำสงคราม ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลเกิดอาการหวาดผวาเป็นอย่างมาก และได้เก็บทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดบรรจุใส่กระเป๋าเอาไว้ เพื่อเตรียมอพยพได้ทันที หากเกิดการปะทะที่บริเวณเขาพระวิหาร และได้รับแจ้งจากทางราชการให้อพยพเพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัย

          โดยนายประสิทธิ์ กลิ่นอ้ม อายุ 45 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล กล่าวว่า ขณะนี้พวกตนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว เพราะไม่ทราบว่าทหารกัมพูชาจะยิงปืนใหญ่ หรือยิงจรวดเข้ามาที่บ้านภูมิซรอลเวลาใด ทำให้พวกตนต้องพากันเก็บทรัพย์สินของมีค่าเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา เพราะหากทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่เข้ามา พวกตนก็พร้อมที่จะอพยพหนีภัยสงครามทันที แต่อย่างไรก็ตาม พวกตนก็ยังอุ่นใจที่ทางราชการ โดย นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้มาทำหลุมหลบภัยในพื้นที่ใกล้หมู่บ้าน จนเพียงพอที่จะรองรับชาวบ้านเข้าไปหลุมหลบภัย หากมีการสู้รบกันขึ้นมาที่บริเวณเขาพระวิหาร

          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้ที่บริเวณเขาพระวิหาร ยังไม่มีการเสริมทหารทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าทางฝ่ายกัมพูชา อาจจะมีการเสริมกำลังทหารเข้ามาที่บริเวณเขาพระวิหารในเร็ว ๆ นี้

ลูกชายฮุนเซนจ่อนำทหารประชิดชายแดนอีก
 
          แหล่งข่าวในพื้นที่ที่เชื่อถือได้ แจ้งว่า ทหารกัมพูชามีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ โดยมีการเสริมกำลังและอาวุธหนัก รถถัง เข้ามาประชิดชายแดนไทยด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม โดยมี พล.ท.ฮุน มาเน็ต ลูกชายคนโตของ สมเด็จฮุนเซน เดินทางมาบัญชาการรบด้วยตนเอง และในขณะนี้เครื่องบิน F16 ของไทย ได้บินตรวจการแล้ว

 เขมรขนรถถัง MB21-อาวุธหนักประชิดชายแดน
 
          กองทัพไทยส่งเครื่องบินขึ้นสอดแนม พบทหารกัมพูชา ขนรถถัง "MB21" และอาวุธหนัก เข้าประชิดขอบชายแดนแล้ว ขณะที่ทหารไทยพร้อมรบในที่ตั้ง

          ขณะนี้เครื่องบิน UAV 40 ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบไร้คนขับของกองทัพไทย ได้บินออกลาดตระเวนสอดแนมเพื่อถ่ายทอดภาพทางอากาศ เพื่อให้ทราบพิกัดทางทหารของกัมพูชา โดยพบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชากำลังพากันขนลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ อาวุธหนัก รถถัง MB21 เครื่องยิง 1 ชุด กระสุนออก 40 ลูก รัศมีการยิง 40 กิโลเมตร พร้อมไพร่พลทหารกัมพูชาจำนวนมาก เข้ามาประชิดขอบชายแดนไทยแล้ว ตั้งแต่ด้านปราสาทตาควาย ไปจนถึง จ.ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์

          ด้านทหารไทย เตรียมพร้อมตรึงกำลังเข้มข้นเต็มอัตราศึกในฐานที่มั่นทางทหาร เตรียมพร้อมรบขั้นแตกหัก หากทหารกัมพูชาได้เปิดฉากการกระทำรุกล้ำทางราชอาณาจักรไทย




 
[24 เมษายน] ลูกฮุนเซน นำปะทะรอบ 4 ที่ปราสาทตาเมือนธม
 
          วันนี้ (24 เมษายน) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเสียงปืนดังสนั่นบริเวณชายแดน ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ อีกครั้ง โดยทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปืนใหญ่ และอาวุธเบา เข้าสู่ฐานปฏิบัติการตาเมือนธม โดยการยิงเป็นชุดต่อเนื่อง และเพิ่มความถี่ขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งขณะนี้กองกำลังทหารไทย ได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้จากหลาย ๆ จุด และรถถัง เพื่อเป็นการโต้ตอบ แต่ยังไม่พบรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะผู้ว่าฯสุรินทร์ ประชุมประเมินสถานการณ์

          และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้เกิดการปะทะกันดุเดือดอีกระลอกใหญ่ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ใช้อาวุธประจำกายสาดกระสุนใส่กันอย่างไม่ยั้งมือ เสียงปืนดังถี่ยิบราวประทัดแตก ขณะที่เสียงปืนใหญ่เริ่มดังขึ้น เป็นระยะ ๆ ส่งผลให้ราษฎรที่เข้าไปเก็บข้าวของ เพื่อเตรียมอพยพอยู่ในที่ตามคำสั่งของทหาร ที่ห้ามเข้าออกอย่างเด็ดขาด พากันวิ่งหนีตายโกลาหล

          ส่วนกำลังทหารไทยตามแนวชายแดน ได้เพิ่มเสริมกำลังเข้ม ซึ่งคาดว่าการสู้รบระลอกที่ 4 นี้ ถึงขั้นแตกหักแน่นอน เนื่องจากทราบว่า พล.ท.ฮุน มาเนตร บุตรชาย สมเด็จฮุนเซน นำกำลังทหารกัมพูชาและเวียดนาม ผนึกกำลังร่วมรบกับทหารไทย แต่ล่าสุดมีรายงานว่า เสียงปืนได้สงบลงแล้ว และมีทหารได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 2 นาย


          ทั้งนี้ ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ได้ตรึงกำลังฐานที่มั่นขององค์ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ไว้ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าทหารกัมพูชา ต้องการที่จะเข้ายึดปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ให้ได้ภายในวันนี้ (24 เมษายน) ขณะที่ประชาชนที่อพยพกลับบ้าน เนื่องจากคิดว่าเหตุการณ์สงบแล้ว ก็ต่างอพยพออกจากพื้นที่เพื่อหนีตายอย่างเจ้าละหวั่น

          สำหรับสถานการณ์ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ทำให้วิถีกระสุนปืนใหญ่พลัดหลงเข้าสู่ บ้านหนองคันนา หมู่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จำนวน 5 ลูก และระเบิด 1 ลูก ไม่ระเบิด 4 ลูก ส่วนราษฎรยังไม่ได้รับการบาดเจ็บ แต่ฝ่ายทหารบาดเจ็บแล้ว 2 นาย คือ พลทหารชิตพล พุทไธสง สังกัด ร.23 พัน 4 และ อส.ทพ.กรกต ดีดวงพันธ์ สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 206 ถูกแรงระเบิดและแรงอัดซึ่งขณะนี้เสียงปืนยังดังสนั่นหวั่นไหว ชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านหนองคันนา ซึ่งห่างจากจุดปะทะเพียง 6 กิโลเมตร ก็ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ตามปกติ


พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

กองทัพแถลงเขมรรุกพท.ห้ามจึงต้องโต้

          พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงถึงสถานการณ์การปะทะระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดสุรินทร์ บริเวณปราสาทตาควาย วันนี้ (24 เมษายน) ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากทหารกัมพูชา ได้มีการรุกเข้ามาในพื้นที่ ที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะเป็นพื้นที่ปลอดทหาร ซึ่งทางกองทัพจำเป็นต้องใช้กำลังในการตอบโต้ เพื่อป้องกันความสูญเสีย โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน แต่ได้มีการตอบโต้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

           ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 17 ราย และยังมีผู้อพยพอีกกว่า 27,000 ราย ที่ได้อพยพมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ใน จ.สุรินทร์ 22 จุด และจังหวัดบุรีรัมย์ อีก 6 จุด

          อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพบก เห็นว่า การใช้กำลังไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหา แต่ควรหันหน้ามาเจรจากัน โดยทางกองทัพ ยืนยันจะดูแลอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่

          ด้าน พล.ต.ท.ประยูร อัมฤทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวยืนยันว่า ตั้งแต่เมื่อเวลา 09.45 น. จนถึงขณะนี้ ได้เกิดการยิงปะทะกันขึ้นอีกครั้ง ระหว่างทหารกัมพูชาและไทย บริเวณตามแนวชายแดนปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่ศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อำเภอปราสาท ในขณะนี้ชาวบ้านต่างแตกตื่นและมีความตกใจเล็กน้อย เนื่องจากได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวบ้านที่เดินทางกลับเข้าไปในพื้นที่เมื่อช่วงเช้า ต้องจะเดินทางกลับเข้ามาอีกครั้ง

เลขาฯ UN แถลงขอไทย-เขมรยุติสงคราม
 
          นายบัน กี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา ยุติการปะทะบริเวณชายแดน จ.สุรินทร์ โดยขอให้ทั้งไทยและกัมพูชา ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด รวมทั้งให้มีการออกมาตรการเพื่อให้มีการหยุดยิงที่ได้ผล และสามารถตรวจสอบได้ในทันที

          โดยในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีทางทหาร และขอให้ไทยและกัมพูชาเริ่มเจรจาอย่างจริงจัง เพื่อหาหนทางยุติความขัดแย้งอย่างยั่งยืน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณเบื้องต้น ถึงความคืบหน้าในการสนับสนุนกลไกระดับทวิภาคี ในการรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ


ก.กลาโหม ยัน ไม่ได้ยิงกัมพูชาก่อน

          ขณะที่ พ.อ.ธนา ธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา บริเวณพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ ว่า ทางกระทรวงกลาโหม จะยึดกฎบัตรสหประชาชาติในการดูแลพื้นที่แนวชายแดน โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายชัดเจนที่จะใช้การพูดคุยเป็นหลัก ทั้งนี้ ยืนยันว่าทางกองทัพไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน แต่เป็นการตอบโต้ในลักษณะป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย โดยใช้กำลังเท่าที่จำเป็น พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่ได้มีการใช้อาวุธทางเคมีโจมตีกัมพูชา

          พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่าจะต้องใช้กรอบทวิภาคีในการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการจัดประชุม RBG หรือ GBC ซึ่งในส่วนของ GBC ที่กระทรวงกลาโหมจะเป็นเจ้าภาพนั้น จะมีการหารือในเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจว่าทางกองทัพจะไม่มีการทอดทิ้งประชาชนและทหาร โดยเฉพาะทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งจะมีการดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด

เขมรกล่าวหา วันนี้ไทยเปิดฉากยิงก่อน

          ทางด้าน Suos Sothea รองผู้บังคับการของหน่วยทหารปืนใหญ่ของกัมพูชา เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวซินหัว ของจีน โดยบอกว่า เหตุปะทะกันครั้งที่ 3 ในวันอาทิตย์ (24 เมษายน) ระหว่างทหารกัมพูชากับไทย บริเวณชายแดน จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา ซึ่งติดกับพรมแดน จ.สุรินทร์ เป็นการต่อสู้เริ่มต้นอีกครั้ง ในเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 10.05 น. ซึ่งทหารไทยได้เปิดฉากเริ่มต้นการยิงก่อน โดยใช้ปืนเล็กและจากนั้นมีการใช้ปืนใหญ่ เข้าไปที่ฐานในกองกำลังของเรา ทั้งนี้ เป็นวันที่ 3 ของการปะทะกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธของทั้ง 2 ประเทศ 2 ทำให้มีทหารกัมพูชาผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 นาย และได้รับบาดเจ็บราว 16 นาย

          ขณะที่ Ly Thuch รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของกัมพูชา และคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการจัดการภัยพิบัติ กล่าวว่า เช้าวันอาทิตย์นี้ทางกัมพูชามีการอพยพประชาชนบริเวณชายแดน จ.อุดรมีชีย แล้ว รวม 2 วัน ประมาณ 9,800 คน ออกจากพื้นที่ปะทะกัน โดยไปพักที่ปลอดภัยห่างจากพื้นที่สู้รบราว 30 กิโลเมตร

          ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า กัมพูชา ส่งหน่วยทหารราบราว 1,000 นาย เข้าเสริมกำลังเข้าไปบริเวณปราสาทตาเมือนธม เพื่อหวังยึดพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม และทางทหารไทยก็ยังคงใช้กำลังผลักดันต้านอย่างต่อเนื่อง

          สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ นายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุดในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่มีความเห็นว่า ยังคงต้องให้ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่อพยพต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ยังคงไม่สงบ ซึ่งจากการประเมินนั้น เชื่อว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

          อย่างไรก็ตาม ในเวลา 14.00 น. ในวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงกองบัญชาการตำรวจภูธร กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องด้วย



เขมรปะทะไทย

ของกิน-ของใช้ในศ.อพยพยังขาดแคลน  

          ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ วันนี้ (24 เมษายน) ชาวบ้านกว่า 16,000 ราย ที่หนีภัยสงครามจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ตามแนวปราสาทตาควาย เรื่อยไปยัง ปราสาทตาเมือนธม เข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ส่งผลให้ความช่วยเหลือทางภาครัฐและภาคประชาชน ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่สงบ และเจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้ชาวบ้านกลับเข้าพื้นที่ ทำให้เครื่องอุปโภค บริโภคบางอย่างยังขาดแคลน

          นายสนั่น ใจพินิจ รองนายก อบต.บักได เปิดเผยว่า ทางศูนย์ต้องประกอบอาหารจากจุดนี้ แจกจ่ายไปยังอีก 4 จุด คือ วิทยาลัยการอาชีพ โรงเรียน นิคมเทศบาลนครปราสาท และบ้านยาง ส่งผลให้อาหารบางชนิดขาดแคลน โดยเฉพาะผัก เนื้อสัตว์ นมสำหรับเด็ก น้ำดื่ม รวมถึงเครื่องใช้สตรีบางชนิดด้วย ซึ่งยังคงมีความต้องการจำนวนมาก ขณะที่แม้จะรถสุขาเคลื่อนที่มาให้บริการแล้ว แต่ก็ยังคงมีความขาดแคลน

          อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้เสียงปืนจะสงบลงแล้ว แต่ยังต้องให้ชาวบ้านศูนย์อพยพชั่วคราวไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะสงบ 100 % ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีก 2 - 3 วัน

เขมรปะทะไทย

มทภ.2 สั่งเข้มชายแดนคุยเขมรหน้าที่รัฐ

          พล.ท.ธวัช ชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิงเมื่อใด และสามารถให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านเรือนใดเมื่อใด เพราะต้องประเมิณสถานการณ์วันต่อวัน ส่วนเรื่องการเจรจานั้น เป็นหน้าที่ของระดับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ชาวบ้านที่เป็นผู้ชาย กลับเข้าไปเข้าบ้านเรือนได้ เพื่อไปกรีดยางพาราง ส่วนผู้หญิงและเด็ก ยังคงให้อาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวไปก่อน โดยเจ้าหน้าที่จะดูแลให้ นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของชายแดนอื่น ๆ โดยเฉพาะ ด้าน จ.ศรีสะเกษ ก็ได้สั่งเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน

          ขณะเดียวกัน ศพของ จ.ส.อ.บุญรักษ์ สุขจิต อายุ 50 ปี ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก สังกัด 123 พัน 4 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จังหวัดบุรีรัมย์ ช่วยราชการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 16 อำเภอละหารทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อชาติ ขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย จากเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย ได้เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาที่ จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว โดยขบวนรถยนต์ของกองทัพบกทันทีที่ส่งมาถึง กองทหารเกียรติยศ ได้ทำพิธีรับศพอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของครอบครัวญาติ ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนทหารที่มารอรับศพเป็นจำนวนมาก

          โดยศพของ จ.ส.อ.บุญรักษ์ สุขจิต จะตั้งบำเพ็ญกุศลวัดกลางอร่ามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และจะประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 28 เมษายนนี้ ขณะที่ทางกองทัพจะพิจารณาปูนบำเหน็จและเลื่อนชั้นยศ ต่อไป

          ทางด้านนางศิริชล สุขจิต ภรรยา จ.ส.อ.บุญรักษ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตของสามี แต่ก็ภาคภูมิใจที่สามีที่สละชีพเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง และอยากให้ทางราชการช่วยเหลือครอบครัว โดยเฉพาะส่งเสียบุตรชายและบุตรสาวทั้ง 2 คน จนกระทั่งจบการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และเข้ารับราชการเหมือนพ่อ เนื่องจากขณะนี้ตนขาดที่พึ่ง เพราะได้สูญเสียเสาหลักในครอบครัวไปแล้ว

เขมรปะทะไทย

          ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงถึงสถานการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ว่า การปะทะเมื่อวันที่ 22 เมษายน เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บอีก 13 นาย และเมื่อวันที่ 23 เมษายน ทหารเสียชีวิตอีก 1 นาย และบาดเจ็บอีก 4 นาย

          โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีนโยบายชัดเจน คือ พยายามจำกัดการปะทะให้อยู่ในเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพราะปัจจุบันประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อนมากพอสมควรอยู่แล้ว อย่าให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากไปกว่านี้ ในขณะเดียวกันเป้าหมายในการโต้ตอบของเราคือ เป้าหมายที่ตั้งอาวุธยิงของกัมพูชา เพียงเพื่อให้กัมพูชาสงบการยิงและยุติการยิง แต่ขอเรียนให้ทราบว่า กองทัพเราไม่ได้เป็นรองกัมพูชา และการเจรจาติดต่อก็มีความพยายามทุกระดับ ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ แต่ก็ต้องแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการของทั้งสองฝ่ายในการเจรจาเพื่อให้ยุติการยิง ไม่ใช่เป็นความพยายามของฝ่ายเราเพียงฝ่ายเดียวที่ต้องการให้หยุดยิง ถ้าเป็นความพยายามของเราฝ่ายเดียว และกัมพูชานิ่งเฉย มันจะไม่ใช่วิถีทางการหยุดยิงถาวร

          พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า เราไม่มีทางเลือกอย่างอื่น เขาเปิดฉากยิงเราก็ต้องยิงตอบโต้ ตามกฎกติกาที่เราได้ตกลงกันไว้ เพราะในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ทหารในพื้นที่ได้มีการตกลงกันไว้ว่า หากยังไม่ชัดเจนก็ขอให้เป็นพื้นที่ที่ไม่มีการไปดัดแปลงที่มั่น ถ้าเข้าไปต่างฝ่ายต้องแจ้งเตือนกัน และเข้าไปแบบไม่มีอาวุธทั้งคู่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุการปะทะกัน แต่กัมพูชาผิดกฎกติกาไปดัดแปลงที่มั่น ทหารไทยจึงจำเป็นต้องไปแจ้ง แต่วิธีการเข้าไปแจ้งไม่สามารถเข้าไปได้ 1-2 คน จำเป็นจะต้องส่งชุดลาดตระเวนเพื่อแจ้งเตือน แต่ทหารกัมพูชากลับยิงทหารไทยก่อน เมื่อยิงมาเราก็ต้องตอบโต้ เพราะหากปล่อยให้เขาเข้ามาดัดแปลงที่มั่นและเราไม่ตอบโต้ไม่เตือน กัมพูชาก็จะเข้าแล้วเข้าเลยโดยไม่ยอมถอนออกไป ซึ่งลักษณะเหมือนกับบริเวณปราสาทพระวิหาร จึงทำให้เกิดปัญหาในวันนี้ ดีกว่าจะปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังใหญ่โตในวันข้างหน้า

          "กองทัพบกขอให้ประชาชนใช้ความอดทน เราเองพยายามดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด เอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวตั้ง และยืนยันว่ากองทัพไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานก่อน ก็พยายามติดต่อประสานงานบนพื้นฐานความพยายามของกัมพูชาด้วยว่า การหยุดยิงเกิดขึ้นอย่างถาวร เพราะไม่มีวิธีการแก้ปัญหาเป็นอย่างอื่น มีวิธีเดียวคือการเจรจาบนโต๊ะ เราก็พยายามทำ และขอบอกฝ่ายคนไทยทั่วประเทศอีกครั้ง ว่าขอให้มั่นใจในกองทัพว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน และเราไม่ได้เสียเปรียบกัมพูชา สามารถดูแลอธิปไตยและดูแลพื้นที่ได้" พ.อ.สรรเสริญระบุ

          พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตนยืนยันทุกครั้ง 100% เราไม่เคยยิงก่อนแน่นอน เพราะเราได้กำชับลูกน้องเรา และไม่มีเรื่องอะไรที่ไปโกรธแค้นเขาในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทหารฝ่ายไทยเรามั่นใจที่จะรักษาอธิปไตยได้ 1,000% ไม่มีปัญหา เขมรก็มีไม่มากอะไร ตอนนี้เขาขนมาทั้งประเทศที่จะมาสู้กับเรา เราแค่ไม่ถึงกองทัพเลย เรายังไม่ได้เอาไปหมด ส่วนเหตุปะทะที่จะเกิดขึ้นอีกจากนี้ไปคงยังบอกไม่ได้ ผมไม่กล้ายืนยัน เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายกัมพูชา คือไม่มีสิ่งบอกเหตุอะไรที่เราจะกำกับได้เลย เพราะระดับข้างล่างเราก็ประสานทั้งหมด เมื่อวันศุกร์ก็ประสานกันว่าจะหยุดแล้ว วันนี้ก็นึกว่าไม่มีแต่ก็มี

          ทางด้าน นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะออกหนังสืออีกฉบับ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 23 เมษายน และจะส่งเวียนไปให้กับประเทศอาเซียน รวมถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ เพื่อประกอบการชี้แจงต่อไป พร้อมทั้งขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของฝ่ายกัมพูชา ที่ระบุว่า ไทยใช้เครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้า แต่มีแค่เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ขนผู้เจ็บในพื้นที่ซึ่งไกลจากชายแดน รวมทั้งข้อกล่าวหาว่าไทยได้ใช้ก๊าซพิษ ซึ่งไม่มีมูลใด ๆ ทั้งสิ้น

          "เราไม่ได้เริ่มก่อน แต่ปกป้องอธิปไตยของไทย หากเราเป็นผู้รุกรานเรื่องคงไม่ยุติแค่นี้ ถ้ารุกรานทำไมยิงกันแล้วไม่ใช้พละกำลังที่มีเต็มที่ นั่นก็เพราะเราไม่เคยรุกราน"

          นอกจากนี้ นายกษิต กล่าวถึงท่าทีของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่เรียกร้องให้สองฝ่ายเจรจาทวิภาคีกันว่า เห็นด้วยอย่างเต็มที่กับท่าทีดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยยืนยันมาตลอด ขณะนี้ตนได้ให้นายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ทาบทามไปยังฝ่ายกัมพูชา เพราะอยากจับเข่าคุยกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา โดยตนพร้อมจะไปพูดคุยที่ไหนก็ได้

          "ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาหลีกเลี่ยงที่จะประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชามาตลอด หากมีความปรารถนาดีก็ต้องมาเจรจากัน เพราะไม่มีเหตุผลที่จะไม่เจรจาสองฝ่าย ซึ่งแสดงให้เห็นมิตรจิตรมิตรใจ ทั้งยังตอบสนองความปรารถนาของอาเซียนและประชาคมโลกด้วย"

          นายกษิต ย้ำว่า เราดำเนินความสัมพันธ์กับกัมพูชา โดยยึดความสุขและผลประโยชน์ของประชาชน 2 ประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่เคยมุ่งร้ายหรือให้ร้าย จึงหวังว่า รัฐบาลของสมเด็จฮุนเซน ก็จะมีความคิดเช่นเดียวกัน ไม่เล่นพรรคเล่นพวกหรือมีอะไรซ่อนเร้น ก็ขอเรียกร้องผู้นำกัมพูชาให้กลับสู่โต๊ะเจรจา และวิงวอนผู้นำกัมพูชาอย่าก่อเรื่องอีกเลย อยากให้ตระหนักว่าไม่ควรจะดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งในเรื่องของอาเซียนและสหประชาชาติ ที่ไม่เป็นเรื่องสันติสุขต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ

          วันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ อัญเชิญพวงมาลาพระราชทานแก่ จ.ส.อ.วิทยะ สวนชูผล อายุ 46 ปี สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่ง จ.ส.อ.วิทยะเป็นชาวศรีสะเกษ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา

          ด้านสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ กระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ประณามไทยว่า ได้กระทำการก้าวร้าวต่อกัมพูชาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไทยได้ใช้ปืนดีเค ขนาด 75 ม.ม. และ 105 ม.ม. บรรจุลูกกระสุนแก๊สพิษโจมตีกัมพูชาเมื่อวันเสาร์ และเครื่องบินทหารของไทย รวมทั้งเครื่องบินสอดแนมได้บินล่วงล้ำน่านฟ้าของกัมพูชา และไทยยังได้ใช้ปืนใหญ่หลายขนาด อาทิ 130 ม.ม. และ 155 ม.ม.โจมตี

          "กระทรวงกลาโหมในนามของรัฐบาลกัมพูชา ขอให้ฝ่ายไทยยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัมพูชาอย่างถาวร เพื่อหาข้อยุติต่อปัญหาพิพาทพรมแดนระหว่างประเทศทั้งสองโดยสันติ" แถลงการณ์ระบุและว่า การโจมตีของไทยต่อกัมพูชา มีเป้าหมายที่จะเข้าควบคุมปราสาทหินโบราณแห่งต่าง ๆ ของกัมพูชา ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประเทศทั้ง 2 ได้ปะทะกันอีกครั้ง บริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ในช่วงเช้าวันเสาร์

          วันเดียวกัน อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้เรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ไทยกับกัมพูชา แก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซีย กุสุมา ฮาบีร์ เผยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์ตี นาตาเลกาวา กำลังติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศทั้ง 2 เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้



      

[23 เมษายน] ไทย-เขมร ปะทะอีกรอบที่ตาเมือนธม ทหารไทยดับ 1
 
          ทหารเขมร-ไทย เปิดฉากปะทะเดือดกันอีก บริเวณฝั่งปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ทหารเจ็บ 11 ดับแล้ว 1 เจ้าหน้าที่สั่งเร่งอพยพชาวบ้านแล้ว ด้านกัมพูชาอ้างไทยใช้กระสุนบรรจุแก๊สพิษถล่ม

          พ.ต.ท.ทัพ กิจนัทธี  สารวัตรอำนวยการ สภ.พนมดงรัก  เปิดเผยว่า เมื่อเวลา  06.00 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงปะทะกันขึ้นอีกครั้งระหว่าง ทหารกัมพูชาและไทย โดยมีรายงานว่า ทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงถล่มไทยด้วยอาวุธปืนใหญ่ ค.81  จำนวน  20-30 นัด โดยมีวิถีการยิงมาจากฐานตรงข้ามปราสาทตาเมือนธมหลาย ๆ จุด ซึ่งทางทหารไทยได้มีการยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ ค.155  ซึ่งมีวิถีทำลายล้าง ไกลถึง 50 ก.ม.

          ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพภาคที่  2 ส่วนหน้า ซึ่งแหล่งข่าวทางทหาร ทราบอยู่แล้วว่า จะมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในตอนเช้า จึงมีการเตรียมความพร้อมตรึงกำลัง วอร์มเครื่องรถถัง พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว

          ด้าน จ.ส.ต.ธวัชชัย รัตนสงคราม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาเมียง เปิดเผยว่า  เสียงปืนตลอดตามแนวชายแดน  มีกระสุนปืนใหญ่ทางฝ่ายกัมพูชา ตกลงบริเวณทุ่งนาทิศตะวันตก บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง เบื้องต้นไม่มีบ้านเรือน ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย และไม่มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ ทางทหารและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้กันชาวบ้านบางส่วนที่มานอนดูแลทรัพย์สิน เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ ออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพบ้านโคกกลางแล้ว

          ขณะที่ นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุปะทะกัน ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายขึ้นอีกครั้ง  โดยขณะนี้ก็ยังมีการปะทะกันอยู่เป็นระยะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันกับเหตุปะทะกันเมื่อวานที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลืออพยพประชาชนมารวมตัวกันอยู่ที่ โรงเรียนโคกกลางแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมถึงจะมีการร่วมกันหารือกับ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางในแก้ไขปัญหาในเช้านี้อีกครั้ง

          สำหรับการดูแลประชาชนได้สั่งการให้นายอำเภอในพื้นที่ที่เกิดเหตุปะทะกันให้ความช่วยเหลือที่นอกเหนือจากเรื่องของอาหาร นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานไปขอรถน้ำ จากจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา อย่างไรก็ตาม ยอดประชาชนที่อพยพในขณะนี้ มีประมาณ 9,000-10,000 คนแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

          ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม หมู่ที่ 8 ต.ตาเมียง และปราสาทตาควาย หมู่ที่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ว่า ได้ประกาศให้ทั้ง 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติสงครามแล้ว

          พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ให้ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ปภ.จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยจัดเตรียมจุดรองรับที่ปลอดภัยให้เพียงพอต่อจำนวนผู้อพยพ 9,000 คน รวมทั้งจัดเครื่องอุปโภค บริโภค อาหาร เครื่องดื่ม สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สำหรับประชาชนผู้อพยพ พร้อมกำชับให้ประสานงานด้านการข่าวกับฝ่ายทหารและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

         อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น น.พ.อภิสรรค์ บุญประดับ ผอ.ร.พ.พนมดงรัก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับผู้บาดเจ็บจากการปะทะกันเข้ามารักษาตัวแล้ว 7 นาย โดยยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบชื่อ ยศ และตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้ โรงพยาบาล มีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ โดยจัดศูนย์พยาบาลไว้ 2 แห่ง ขณะที่ ศูนย์อพยพต่าง ๆ นั้น โรงพยาบาลประจำตำบล จะให้ความช่วยเหลือ 24 ช.ม.

          และล่าสุด จากการปะทะในช่วงสายวันนี้มีรายงานผลการสูญเสียของฝ่ายทหารไทย 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน สมคิด สมศรี สังกัดฐานปฏิบัติการปราสาทตาควาย ทหารพรานที่ 2606 และยังมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บอีก 11 นาย ส่วนที่บริเวณ ร.พ.พนมดงรัก ได้ปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่รองรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยฝ่ายทหารแพทย์และพยาบาล ดูแลรักษา โดยแพทย์และพยาบาลบางส่วนถูกย้ายไปประจำและรักษาผู้ป่วยที่ ร.พ.ปราสาท แทน ไม่มีการปิดโรงพยาบาล เพื่อหนีกระสุนฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด

          ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.00 น. ได้เกิดเหตุปะทะกันอีกครั้ง ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณจุดเดิม คือ พื้นที่ใกล้ปราสาทตาควาย โดยทหารเริ่มโจมตีกันด้วยปืนเล็ก ก่อนที่จะระดมอาวุธหนัก โดยก่อนเกิดเหตุ มีรายงานว่า ได้มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดน ซึ่งหลังจากนั้น ประมาณ 15 นาที ก็มีเสียงปืนดังขึ้น จึงทำให้ทหารไทยต้องมีการตอบโต้กลับไป นั่นอาจหมายความทางกัมพูชา อาจรู้ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้วว่า จะมีการเกิดปะทะขึ้น  ซึ่งหากทางกัมพูชา มีการเสนอต่ออาเซียนว่า ไทยเป็นคนเริ่มยิงก่อน ก็เชื่อว่า ทางไทย มีหลักฐานที่เพียงพอที่จะชี้ว่า ใครเริ่มยิงก่อน

          ส่วนสาเหตุการปะทะในครั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เป็นปัญหาเดิมที่กัมพูชาต้องการแสดงการยั่วยุ ด้วยการยิงเข้ามาในจุดเริ่มต้น และอยากขอให้ประชาชนเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องอพยพ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

          ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชา สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า พล.ท.ชุม สุชาติ โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา แถลงข่าวพร้อมหลั่งน้ำตาถึงเหตุการณ์ปะทะกันรอบใหม่ของทหารไทยกับกัมพูชาที่ จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าสื่อมวลชนในกรุงพนมเปญ โดยระบุว่า ความสูญเสียของกัมพูชา จากการปะทะกับฝ่ายไทยที่เกิดขึ้น ล่าสุด ทหารกัมพูชา เสียชีวิตแล้ว 3 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 6 นาย ก่อนที่จะยุติการแถลงข่าวอย่างกะทันหัน

          ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กองทัพกัมพูชา อ้างว่า กองทัพไทย ใช้กระสุนปืนใหญ่บรรจุแก๊สพิษยิงถล่มทหารกัมพูชา แต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์และยืนยัน ขณะที่ฝ่ายไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวด้วย

          ด้าน นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา กล่าวถึงการสู้รบปะทะครั้งใหม่ว่า ไทยมีพฤติกรรมรุกรานกัมพูชา พร้อมทั้งยืนกราน เรียกร้องให้คนกลาง จากภายนอกเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยยุติความรุนแรง แต่ฝ่ายไทยไม่ต้องการให้ทางบุคคลที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยวแทรกแซง

          ขณะที่ รมว.กลาโหมกัมพูชา ประณามเหตุรุนแรงครั้งนี้อย่างแข็งกร้าวเช่นกัน โดยระบุว่า ฝ่ายไทย ก่อพฤติกรรมรุกรานกัมพูชา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเรียกร้องให้ฝ่ายไทย หยุดยิงถาวร เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาพรมแดนต่อไป


 

ไทยปะทะกัมพูชา

ไทยปะทะกัมพูชา







[22 เมษายน] ไทย - เขมร ยิงปะทะ ที่ปราสาทตาควาย

          กัมพูชา เปิดฉากยิงปะทะทหารไทย ตั้งแต่เช้าตรู่ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เบื้องต้นทหารไทยเสียชีวิตแล้ว 3 นาย ขณะที่ไทยสั่งปิดด่านช่องจอมแล้ว ด้าน ผบ.ทบ.เผยเหตุปะทะเพราะกัมพูชาผิดข้อตกลง และยิงใส่ไทยก่อน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กัมพูชาเปิดฉากยิงปะทะทหารไทย ตั้งแต่เช้าตรู่ เวลา 06.00 น. ที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย บ้านหนองคันนา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ด้วยอาวุธเบา และอาวุธหนัก ที่เข้าถล่มทหารไทยด้วยปืนใหญ่ โดยมีฐานที่มั่น จุดยิงปืนใหญ่ อยู่หลังวัดป่าเขาโต๊ะ ห่างจากชายแดนไทย 1 กิโลเมตร

         
โดยเมื่อเวลาประมาณ 07.35 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนใหญ่ กระสุนตกมายังข้าง สภ.พนมดงรัก ในพื้นที่อีก 1 ลูก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย โดยล่าสุด ทางนายอำเภอพนมดงรัก ได้ทำการอพยพประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดนออกนอกพื้นที่แล้ว

          ต่อมา เวลาประมาณ 08.35 น. เสียงปืนที่ยิงปะทะกันเมื่อช่วงเช้าได้สงบลงแล้ว ส่วนการเคลื่อนย้ายประชาชน ไปยังจุดที่ปลอดภัย ขณะนี้เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายเข้าสู่ที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมดงรัก ได้จัดชุดตำรวจลาดตระเวน คอยดูแลทรัพย์สินประชาชน ที่ต้องเคลื่อนย้ายออกไป และตรวจสอบความเรียบร้อย

          ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยความคืบหน้า กรณีเกิดเสียงปืนดังเป็นระยะ บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ใน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ใกล้เคียงกับ ปราสาทตาเหมือนธมว่า เหตุดังกล่าวมีจริง โดยเกิดการยิงปะทะตั้งแต่เวลา ประมาณ 06.45 น. โดยมีการยิงปืนเล็กและได้ยินเสียงปืนใหญ่มาเป็นระยะ โดยจุดที่เกิดเหตุยังไม่ยืนยันว่า เป็นจุดภายในปราสาทตาเมือนธมหรือไม่ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 เจ้าของพื้นที่ ได้รับทราบรายงานแล้ว และได้แจ้งให้ประชาชนที่อาศัยย่านดังกล่าวเตรียมพร้อมอพยพ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนอพยพประชาชน ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานความสูญเสีย เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถ เข้าพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทางด้านแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ ก็มีประชาชนได้ยินเสียงปืนใหญ่และระเบิด เช่นกัน ซึ่งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ ออกมายืนยันเหตุดังกล่าวได้ ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

          สำหรับความคืบหน้าของทหารไทยจากเหตุปะทะครั้งนี้ น.พ.อภิสรรค์ บุญประดับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับทหารที่บาดเจ็บเข้ารักษาตัว จำนวน 6 นาย โดยมีอาการสาหัส 3 นาย ถูกสะเก็ดระเบิด แต่ยังไม่พบว่ามีชาวบ้านบาดเจ็บ รวมทั้งบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ก็ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด


          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานว่า มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 13 นาย และเสียชีวิต 3 นาย โดยทหารทั้ง 3 นาย เสียชีวิตที่จุดปะทะปราสาทตาควาย และได้ลำเลียงศพมายังโรงพยาบาลพนมดงรัก เพื่อรอการชันสูตรต่อไป

      




แผนที่แสดงจุดชายแดนไทย-กัมพูชา โดย @jin_nation


          ขณะที่ พระครูสัน เจ้าอาวาสวัดป่าเขาโต๊ะ กล่าวว่า ได้พบเห็นทหารกัมพูชาลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมอาวุธมา 2-3 วัน แล้ว ทั้งที่ทหารไทยได้เจรจาให้กัมพูชา นำอาวุธหนักปืนใหญ่ ออกห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา 15 กิโลเมตร ตามสนธิสัญญาเจนีวา แต่ไม่เป็นผล ทำให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจ จึงเป็นเหตุของการปะทะดุเดือด


กัมพูชา


          ในส่วนของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ที่ตำบลตาเมียง กำนันตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก ได้ประกาศทางหอกระจายเสียงข่าว ให้ประชาชนตำบลลตาเมียง ที่เป็นหมู่บ้านติดตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ให้รีบอพยพข้าวของโดยเร่งด่วน เนื่องจาก ขณะนี้มีลูกกระสุนปืน ค. ตกมาในพื้นที่หลายสิบนัดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านหนองจูบ หมู่ 2 บ้านโคกแสลง หมู่ 7 บ้านหนองคันนา หมู่ 5 และ หมู่ 8 ขณะนี้ได้อพยพเฉพาะผู้หญิง มาอยู่ที่โรงเรียนบ้านพนมดงรัก อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เหลือไว้แต่ผู้ชายที่เฝ้าหมู่บ้านอยู่ ส่วนสถานการณ์โดยทั่วไป ยังคงตึงเครียดอยู่ในขณะนี้

          ด้านนายวินันท์ สุขประสบ กำนันตำบลบักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้อพยพลูกบ้าน 20 หมู่บ้าน เกือบหมื่นคนออกจากหมู่บ้านมาอยู่ในจุดอพยพ 3 จุด ที่ภาครัฐเตรียมไว้ให้ ได้แก่ ที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยา ต.จีกแดก ที่บ้านโคกกลาง และที่นิคมสร้างตนเอง อ.ปราสารท ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงหวาดวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีเสียงปืนยิงเข้าใส่หมู่บ้านฝั่งไทยตลอดเวลา จนต้องวิ่งหลบกันอลหม่าน

          ขณะที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์การปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ โดยระบุว่า เบื้องต้นทราบรายงานว่า มีการยิงตอบโต้กันตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ามืด และนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบรายงานเบื้องต้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว โดยได้สั่งการให้มีการเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ไปยังสถานที่ปลอดภัย และขณะนี้ รอการตรวจสอบและยืนยันจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ว่ามีจริงหรือไม่ และจำนวนเท่าไหร่ ส่วนการเคลื่อนย้ายอพยพประชาชนที่ใกล้แนวปะทะนั้น ในพื้นที่มีแผนอพยพอยู่แล้ว  ซึ่งก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เข้าใจว่า เกิดจากทหารกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงฐานที่ตั้งบางอย่าง และเกิดข้อผิดพลาด ในการแจ้งเตือน ที่มีตามขั้นตอนอยู่ โดยยืนยันว่า ทหารฝ่ายไทยไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายฐานที่ตั้ง แต่อย่างใด

          อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นจะสามารถพูดคุยกันได้ ในลักษณะพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าเหตุปะทะครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อให้ประเทศอินโดนีเซียเร่งส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาดูแลบริเวณชายแดนทั้ง 2 ทั้งประเทศ นอกจากนี้ นายปณิธาน ยังเปิดเผยด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเร่งดำเนินการชี้แจงกับนานาชาติ ว่าปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อยู่ในพื้นที่เขตความรับผิดชอบของประเทศไทย

          ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชา พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ รองเสนาธิการทหารชายแดนที่ 402 ประเทศกัมพูชา ที่ประจำปราสาทตาเมือนธม เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวซินหัว ว่า ทั้ง 2 ฝ่าย มีการใช้อาวุธทุกชนิดเข้าปะทะกัน โดยรองผู้บังคับการที่ 42 ของเขมร ซึ่งกล่าวในขณะที่ทำหน้าที่บัญชาการทหารในการรบ บอกอีกว่า อาวุธทุกประเภทที่ใช้ปะทะกัน มีทั้งจรวด , ปืนกล , ปืนครก และปืนใหญ่

          ส่วน ชวม โสชีท โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เหตุปะทะที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 3 นาย ขณะที่ทหารบางส่วนได้รับบาดเจ็บ



ไทยปะทะกัมพูชา

ไทยปะทะกัมพูชา

ไทยปะทะกัมพูชา


          และล่าสุด เมื่อประมาณ 10.30 น.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า สถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ยุติลงแล้ว และ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ปิดด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เพื่อความมั่นคงของประเทศไทย

          ขณะที่ในเวลาต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะของทหารไทยและกัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย เนื่องจากกองกำลังสุรนารีตรวจพบการเคลื่อนไหวของกองกำลังทางด้านตะวันออกของปราสาท จึงได้จัดกำลังดำเนินการให้ถอนกำลังออก เพราะมีข้อตกลงในการวางกำลังห่างกัน 100 เมตร แต่กัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงใส่ทหารไทย จึงมีการตอบโต้ ทั้งนี้ ได้มีการสั่งการให้ทหารใช้อาวุธที่จำเป็น เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และจำกัดพื้นที่การปะทะให้เล็กที่สุด รวมถึงจะไม่มีการปฏิบัติต่อเป้าหมายพลเรือน

          อย่างไรก็ตาม การปะทะได้ยุติในเวลา 10.30 น. และได้ประสานไปยังกัมพูชา ซึ่งระหว่างนั้น ได้รายงานให้นายก รัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้รับทราบ ทั้งนี้ พบว่า มีการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวด้วยว่า รายละเอียดของการปะทะต้องมีการสอบสวน แต่ยืนยันว่า กองทัพบกไทย ไม่ต้องการให้มีการปะทะ เพราะไม่เป็นผลดีและทำให้การเจรจาที่จะเกิดขึ้นยุ่งยาก ส่วนการอพยพประชาชนนั้น จะพยายามให้กลับเข้าไปในพื้นที่โดยเร็วที่สุด





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครม.ถกลับแก้ปมพิพาทไทย-เขมร อัปเดตล่าสุด 19 พฤษภาคม 2554 เวลา 08:23:56 682,628 อ่าน
TOP
x close