เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
เป็นอีกหนึ่งข่าวเกี่ยวกับสุนัขที่สร้างความสลดหดหู่ให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเป็นอย่างมาก หลังจากผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งว่า พบสุนัขพันธุ์ไทยนับพันตัวถูกขังกรงอยู่ในกรงขนาดใหญ่ล้อมด้วยตาข่ายสองชั้นอย่างแน่นหนา ที่ ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม เพื่อเตรียมส่งขายไปเป็นอาหารอันโอชะให้ประเทศเวียดนาม
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สุนัขที่อยู่กันอย่างแออัดในกรงนั้นมีการคัดแยกขังตามขนาดน้ำหนักตัวสุนัข โดยด้านหน้ากรงมีอุปกรณ์หนีบคอสุนัข และตาชั่งวางอยู่ ซึ่งหากมีคนเดินเข้าไปใกล้ ๆ กรงสุนัขหลายตัวจะส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ขณะที่บางตัวมีอาการซึม แววตาเศร้าสร้อย ราวกับรู้ชะตากรรม ดูแล้วเป็นภาพที่น่าหดหู่ยิ่งนัก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามจากนายบุญตา อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นคนนอนเฝ้ากรงสุนัข ว่าใครเป็นเจ้าของกรงสุนัขแห่งนี้ แต่นายบุญตากลับพยายามห้ามผู้สื่อข่าวไม่ให้บันทึกภาพ และเก็บข้อมูลใด ๆ ก่อนที่จะถูกซักไซ้มากขึ้น จนยอมบอกว่า มีชายคนหนึ่งชื่อนายอ๊อด ไม่ทราบนามสกุล รับซื้อสุนัขมาจากชาวบ้าน แล้วมาขายที่ฟาร์มสุนัขแห่งนี้ ซึ่งหลังจากสุนัขถูกนำมายังฟาร์มก็จะถูกคัดขนาดตามน้ำหนักตัว จากนั้นจะมีคนเวียดนามเดินทางมาซื้อสุนัขดังกล่าว โดยทุ่มเงินไม่อั้น และนิยมซื้อสุนัขที่มีน้ำหนัก 4 - 8 กิโลกรัมมากที่สุด
นายบุญตา เล่าต่อว่า หลังจากตกลงซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว สุนัขก็จะถูกนำใส่กรงขนขึ้นรถไปยังริมฝั่งแม่น้ำโขง แล้วจะมีเรือจากฝั่งลาวมารับเพื่อส่งไปยังประเทศเวียดนามอีกทอดหนึ่ง โดยรายได้จากขายสุนัขนี้ ถ้าตัวเล็กจะขายได้ตัวละประมาณ 400 บาท เมื่อรวมกับค่าขนส่ง ค่าอุปกรณ์ รวมทั้งค่าเคลียร์กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็มีกำไรไม่มากนัก
ทั้งนี้ นายบุญตา ยังกล่าวด้วยว่า สาเหตุที่มาทำอาชีพนี้เป็นเพราะต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว แม้จะรู้ดีว่า สุนัขทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปฆ่าเพื่อนำไปประกอบอาหารก็ตาม แต่ตนก็ต้องทำใจ เพราะไม่รู้ว่าจะไปทำอาชีพอะไร
และหลังจากที่รายการเรื่องเล่าเช้านี้นำเสนอเรื่องดังกล่าวออกไป ปรากฎว่า เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบฟาร์มสุนัขอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น กลับต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าสุนัขที่เคยถูกขังอยู่ในกรงจำนวนนับพันตัวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีชาวบ้านบางคนยอมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ธุรกิจค้าสุนัขในเวียดนามเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมีพ่อค้าชาวเวียดนามอย่างน้อย 6 ราย มีขาใหญ่คือ นางกิม เข้ามาทำธุรกิจจัดหาสุนัขในประเทศไทยส่งไปขายยังประเทศเวียดนาม พร้อมกับทุ่มเงินหลักล้าน เพื่อกว้านซื้อสุนัขไทยจำนวนมาก โดยนางกิมยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองของไทยบางคนอีกด้วย เพื่อช่วยให้การทำธุรกิจราบรื่น
ทั้งนี้ ชาวบ้านเชื่อกันว่า สุนัขนับพันตัวถูกเคลื่อนย้ายไปในช่วงเวลากลางคืน และทำกันอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ทำให้ไม่มีใครทราบว่าสุนัขเหล่านั้นหายไปอยู่ที่ไหน และชะตากรรมของพวกมันจะเป็นอย่างไรบ้าง