บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป กวาดรางวัล สุดยอดเครื่องยนต์แห่งปี ถึง 4 รางวัล

           บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับรางวัลชนะเลิศถึง 4 รางวัลจากทั้งหมด 8 รางวัล ในงาน International Engine of the Year Award 2011 ที่จัดขึ้นที่เมืองสตุ๊ตการ์ต ประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ผลิตที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ได้รับรางวัลมากที่สุดถึงกว่า 50 รางวัลตลอดระยะเวลาการแข่งขันสุดยอดเครื่องยนต์แห่งปีซึ่งเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 1999

           นี่เป็นอีกครั้งที่เครื่องยนต์เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติของงานประกวดเครื่องยนต์ที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 แล้ว

ในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ถึง 4 รางวัล ได้แก่:

(1)    รางวัลชนะเลิศ - เครื่องยนต์คลาสความจุ 1.4-1.8 ลิตร: เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดความจุ 1.6 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin Scroll Turbo และระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC สามารถผลิตกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ติดตั้งอยู่ในรถ MINI Cooper S นอกจากนั้น เครื่องยนต์เครื่องนี้ ยังได้รับการยกย่องให้เป็น ‘The world’s most efficient power unit’ ในคลาสความจุนี้ด้วย
(2)    รางวัลชนะเลิศ - เครื่องยนต์คลาสความจุ 1.8-2.0 ลิตร: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo สามารถผลิตกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ติดตั้งอยู่ในรถ BMW X1 xDrive23d และ BMW 123d
(3)    รางวัลชนะเลิศ - เครื่องยนต์คลาสความจุ 2.5-3.0 ลิตร: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาดความจุ 3.0 ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo ที่ทำงานร่วมกับระบบวาล์แปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC และระบบฉีดน้ำมัน HPI High Precision Injection สามารถผลิตกำลังสูงสุด 306 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่โดดเด่นในรถซาลูนระดับผู้บริหารทั้งในระดับ BMW ซีรี่ย์ 5 และ BMW ซีรี่ย์ 7 รวมถึงรถอเนกประสงค์ BMW X3 และ X5 ภายใต้รหัสเครื่องยนต์ 35i
(4)    รางวัลชนะเลิศ - เครื่องยนต์คลาสความจุ 3.0-4.0 ลิตร: เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 สูบ ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ M Power สมรรถนะสูง สามารถผลิตกำลังสูงสุด 420 แรงม้า ที่ติดตั้งอยู่ในรถ BMW M3
 
        
           ด้วยสมรรถนะและความประหยัดที่เหนือชั้นของเทคโนโลยี Efficient Dynamics ทำให้เครื่องยนต์ทั้งในระดับ 4 สูบ 6 สูบและ 8 สูบ สามารถชนะใจกรรมการได้อย่างขาดลอย สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดความจุ 1.6 ลิตร ที่อยู่ในรถ MINI Cooper S นี้ ได้รับรางวัล International Engine of the Year Award นี้มาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ส่วนเครื่องยนต์รหัส 35i ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศสำหรับคลาสความจุ 2.5-3.0 ลิตรนั้น จัดเป็นหนึ่งใน ‘เครื่องยนต์เบนซินที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก’ มันถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจากเครื่องยนต์รหัส 35i ตัวเดิม ซึ่งเคยได้รับรางวัล International Engine of the Year Award มาแล้วถึง 3 ปีรวด ในปี 2007, 2008 และ 2009 เครื่องยนต์ใหม่นี้ใช้เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo ที่ทำงานร่วมกับระบบวาล์แปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC และระบบฉีดน้ำมัน HPI High Precision Injection สามารถผลิตกำลังสูงสุด 306 แรงม้า และสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,200 รอบ เรื่อยไปจนถึง 5,000 รอบ นอกจากนั้นยังมีเวอร์ชั่น 320 แรงม้าที่ติดตั้งอยู่ใน BMW ซีรี่ย์ 6 ใหม่ด้วย