เขมรตั้ง 4 ทนายช่วยสายลับเขมร ปัดแลกวีระ (ไอเอ็นเอ็น)
กัมพูชา ตั้งทนายอิสระ 4 คน ช่วยเหลือ สายลับชาวเขมร พร้อมปัดแลกตัวนักโทษกับวีระ ชี้ โทษความผิดต่างกัน
สำนักข่าวซีอีเอ็น (Cambodia Express News) ของกัมพูชา รายงานช่วงเย็นวานนี้ (13 มิถุนายน) อ้างคำกล่าวของ โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ระบุว่า กงสุลกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้ตั้งทนายอิสระ จำนวน 4 คน เพื่อให้ความช่วยเหลือสู้คดีแก่ชาวเขมรที่ถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับกุมในข้อหา "จารกรรม"
โดย นายกอย เกือง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ยืนยันว่า ชาวกัมพูชาที่ถูกตั้งข้อหาอย่างไม่เป็นธรรมดังกล่าว มีสุขภาพเป็นปกติ อยู่ระหว่างการควบคุมตัว อยู่ในเรือนจำของประเทศไทย แล้วชายชาวเขมรคนนี้เป็นคนเถรตรง ไม่ได้มีการกระทำอย่างที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา
นอกจากนี้สำนักข่าวของกัมพูชา ได้รายงานสรุปในตอนท้าย ระบุว่า ในการจับตัวชาวเขมรคนดังกล่าวผู้นำไทยที่กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า พวกเขาต้องการแลกตัวกับชาวไทย 2 คน ที่เจ้าหน้าที่เขมรจับตัวและถูกตั้งข้อหาจารกรรมบนดินแดนกัมพูชา ความต้องการดังกล่าวนี้ทำให้กัมพูชาเห็นว่า ไทยมีเจตนาตั้งข้อหาชายชาวกัมพูชา และบีบบังคับเพื่อต้องการแลกตัวกับนักโทษไทยที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชาเท่านั้น
ขณะที่หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ รายงานอ้างคำกล่าวของนายโกย กวง ที่ระบุว่าทนายทั้ง 4 คน ที่จะให้การช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมในข้อหาจารกรรมนั้น เป็นทนายอาสาสมัคร (ไม่รับเงิน) ชาวไทย จากสำนักงานทนายอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทย
นอกจากนี้ นายโกย กวง กล่าวถึงประเด็นที่มีรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ ต้องการแลกตัวนายวีระ สมความคิด กับชายชาวเขมรที่ถูกจับในข้อหาจารกรรมว่า เราต้องมองว่าการตัดสินโทษ นายวีระ สมความคิด นั้น คือเป็นผู้ที่มีความจงใจล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนกัมพูชาโดยไม่มีหนังสือผ่านแดน แล้วยังกล่าวยืนยันว่า เป็นดินแดนของตนอีกด้วย นายโกย กวง กล่าวต่อว่า โทษของวีระ สมความคิด นั้นใหญ่เหมือนเมฆ แต่สำหรับชาวกัมพูชา (สายลับ) โทษใหญ่เท่ายุง แต่เขาคิดเปรียบเทียบจะแลกตัวกันดังนั้น กัมพูชาขอตอบปฏิเสธต่อคำกล่าวของนายกษิต ภิรมย์ ที่ต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนตัวกัน
ฮุน เซน รับทูตไทย-เปรียบ2ปท.ลิ้นกับฟัน
สื่อกัมพูชา รายงาน เอกอัครราชทูตไทยคนใหม่ ประจำกรุงพนมเปญ เข้าพบ สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา บอก เป็นเพื่อนบ้านกัน เหมือนลิ้นกับฟัน มีทะเลาะกันบ้าง เป็นธรรมดา
หนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ รายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายเอียง โซะพลแลต ผู้ช่วยของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แถลงข่าวเปิดเผยว่า นายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาคนใหม่ ได้เข้าพบแสดงความคารวะ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
โดยการเข้าพบดังกล่าว สมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวกับเอกอัครราชทูตไทย ว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างทราบดีถึงปัญหานั้น เปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน ซึ่งเห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่อาจเอาลิ้นกับฟันแยกออกจากกันได้ เช่นเดียวกับที่ไม่อาจแยกไทยและกัมพูชา ออกจากกันได้ ดังนั้น อะไรที่ควรทำ ควรพยายามแสวงหาหนทางสลายความขัดแย้งทุกช่องทาง เพื่อเป็นผลประโยชน์สำหรับประชาชน
พร้อมกันนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังกล่าวอีกว่า กัมพูชาและไทย ควรร่วมมือกันในกรอบของอาเซียน เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จในการสร้างประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2557
ขณะที่ นายสมปอง ได้กล่าวกับ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า การเดินทางมาทำหน้าที่ทูตของตนในกัมพูชา ในเวลานี้ จะประสานความร่วมมือกับรัฐบาล เจ้าหน้าที่ราชการ และประชาชนกัมพูชา เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างประเทศทั้ง 2 ในทุกด้าน พร้อมได้ขอการสนับสนุนจาก สมเด็จฮุน เซน เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจทูตของตนประสบผลสำเร็จ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตไทยได้เข้าพบ นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ได้มีการพูดคุยในปัญหาความขัดแย้งพรมแดน ซึ่ง นายฮอร์ นัมฮง ระบุว่า การนำเรื่องไปศาลโลกของกัมพูชา เป็นการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี พร้อมกับทวงถามชุดทางออก ที่ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อ 9 พฤษภาคม และได้เน้นย้ำว่า ถ้าไทยไม่รับชุดทางออก ก็จะไม่มีการประชุม GBC และ JBC
