เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva
นายกฯ เขียนเฟซบุ๊กเปิดใจรอบที่ 5 แก้ข้อครหา "ดีแต่พูด" ยันรัฐบาลมีผลงานทำจริง จวกคนบริหารประเทศมา 6 ปี แต่ทำไม่ได้
หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนเปิดใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไปแล้ว 4 ครั้ง ในหัวข้อ "จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ" ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ก็ได้เขียนบทความเปิดใจอีกครั้งเป็นรอบที่ 5 ในหัวข้อ "จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 5"
โดยเนื้อหาหลักที่นายอภิสิทธิ์เขียนในครั้งนี้ เพื่อโต้กระแสที่คนเสื้อแดงปรามาสว่า "ดีแต่พูด" โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตนเข้าใจว่าคำว่า "ดีแต่พูด" เป็นวาทกรรมที่ฝ่ายตรงข้ามสร้างขึ้นให้เป็นกระแส เพื่อลดความน่าเชื่อถือของตนที่จะลงไปอธิบายแนวคิด นโยบาย และปัญหาต่าง ๆ ด้วยการให้ความจริง และให้เหตุผล ซึ่งกระบวนการเริ่มต้นจากการให้คนเสื้อแดงไปชูป้ายที่งานวันแรงงานที่องค์กรเอกชนจัดขึ้น เพื่อให้ ส.ส.เพื่อไทยนำไปขยายผลในสภาและการสร้างกระแส
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนมองทะลุกลยุทธ์นี้ และมองให้เห็นความจริงว่า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาล "ทำจริง" มาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องแรงงาน ที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคม เปิดโอกาสให้แรงงานนอกระบบเข้ามาสู่ประกันสังคม แก้กฎกระทรวงให้รับคนพิการเข้าทำงานมากขึ้น รวมทั้งเตรียมปฏิรูประบบประกันสังคมและค่าจ้างที่มีการเพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี เปิดใจถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจด้วยว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จ เพราะสามารถเปลี่ยนการหดตัวทางเศรษฐกิจมาเป็นการขยายตัวเกือบ 8% สูงเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน เปลี่ยนการส่งออก ท่องเที่ยวที่ติดลบ เป็นการส่งออกและท่องเที่ยวที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ สามารถผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาได้โดยคนไม่ตกงานเป็นล้าน แต่ตอนนี้อัตราการว่างงานไม่ถึง 1% ซึ่งต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง รักษาเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ในประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งขึ้นไปเกือบ 30% นอกจากนี้ ยังไม่ได้สร้างภาระหนี้ในประเทศ ตรงกันข้ามกับวาทกรรมว่า "เก่งแต่กู้" เพราะหนี้สาธารณะและรายได้ประเทศ กำลังลดลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 40% ต่ำกว่าปลายรัฐบาลทักษิณด้วยซ้ำ
"ถ้าไม่ต้องทำงาน ดีแต่พูด แล้วทำสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตผมคงสบายกว่านี้มาก ผมยังแปลกใจว่า ถ้าคำว่าดีแต่พูด แปลว่า พูดแล้วไม่ทำ คนที่มากล่าวหาผมกล้าดีอย่างไร"
นายอภิสิทธิ์ ระบุอีกด้วยว่า คนที่บริหารประเทศมา 6 ปี ไม่เคยสนใจเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ภายใน 99 วัน นับตั้งแต่ที่ตนทำงาน ตนให้เบี้ยยังชีพไปถึงผู้สูงอายุถ้วนหน้า บริหารประเทศมา 6 ปี ไม่เอาจริงเรื่องเรียนฟรี แต่ภายใน 99 วัน ตนมีเงินส่งถึงมือผู้ปกครองเป็นค่าเครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และตำราเรียน นอกจากนี้ คนที่บริหารประเทศมา 6 ปี ไม่ให้ค่าตอบแทน อสม. แต่ตนมาดำเนินการใน 99 วัน ทั้ง ๆ ที่นโยบายเหล่านี้นักการเมืองแทบทุกพรรค "พูด" มาช้านาน
"แต่ถ้าดีแต่พูด แปลว่า พูดแล้วทำไม่ได้ โครงการ Elite Card (ที่ว่าจะหาเงิน 1 ล้านล้านบาท) ค้าปลีกเข้มแข็ง SPV วัวล้านตัว ฯลฯ ที่ล้มเหลว เข้าข่ายไหม เหมือนกับที่พูดว่าจะขึ้นค่าแรง 300 บาททันทีทั่วประเทศ ไม่สนใจว่าธุรกิจจะอยู่ได้ไหม หรือจะใช้เงินเป็นแสนล้านเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์แจกเด็กคนละเครื่องโดยไม่ขึ้นภาษี ไม่กู้เพิ่ม"
ท้ายนี้ นายกรัฐมนตรียังทิ้งท้ายด้วยว่า "หวังว่าประเทศนี้จะไม่ต้องพิสูจน์ว่า "ดีแต่พูด" แน่นอน และถ้าหากว่า ดีแต่พูด แปลว่า พูดแล้วไม่ทำ ใครล่ะที่หลอกพี่น้องเสื้อแดงว่า ให้มาชุมนุมเยอะ ๆ เสียงปืนดังขึ้นเมื่อไหร่จะมายืนแถวหน้า แต่กลับไปช้อปปิ้งอยู่ปารีส แต่ก็มีหลายคนที่ผมเสียดายว่า ไม่ดีแต่พูด แต่ทำจริง พวกที่ประกาศล่วงหน้าให้มา "เผา" ไงครับ"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva
