เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย CiNNtv1
กลายเป็นนักการเมืองอีกคนที่ถูกจับตามองที่สุดคนหนึ่ง สำหรับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักษาประเทศไทย เพราะตั้งแต่เปิดตัวหาเสียงจนหลังเลือกตั้งเขาคนนี้ ก็เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนได้ตลอด ด้วยเพราะลีลาการหาเสียงที่ แปลก แหวกแนว สนุก ๆ ไม่เหมือนใคร ทั้งยังเอาสุนัขคู่ใจเจ้าโมโตโมโต้มาช่วยหาเสียง ลูกสาวสวย ลูกชายหล่อ ๆ มาช่วยลงพื้นที่ แถมเจ้าตัวยังประกาศชัดว่า "เลือกผม ผมจะไปเป็นฝ่ายค้าน ขอทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล!!" ... และแน่นอนว่าการหาเสียงของเขาประสบความสำเร็จ เพราะพรรครักษาประเทศไทยได้คะแนนเสียงจากประชาชนเกินคาดหมาย โดยได้ ส.ส. มาถึง 4 คนด้วยกัน
ด้วยฝีปากที่จัดจ้าน บวกกับการพูดอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งประวัติที่อันน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นฉายาเจ้าพ่ออ่าง โดนอุ้มทิ้งไว้ข้างทาง เป็นต้น ทำให้ใคร ๆ ต่างพากันอยากรู้ว่า จริง ๆ แล้ว เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ แล้วครอบครัวของคุณชูวิทย์ล่ะจะเป็นอย่างไร ... (แถมได้ข่าวแว่ว ๆ ว่า ลูก ๆ บ้านนี้หน้าตาดีทุกคน อิอิ) วันนี้กระปุกดอทคอมขอพาคุณ ๆ ทั้งหลายไปรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณชูวิทย์ และครอบครัว กมลวิศิษฎ์ กันค่ะ.. ไปดูกันว่าคุณชูวิทย์ เมื่ออยู่ในบทบาทพ่อ จะเป็นอย่างไร ....
คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับคุณงามตา กมลวิศิษฎ์ มีลูก ทั้งหมด 4 คน ลูกชาย 3 คน และลูกสาว 1 คน ประกอบไปด้วย
ต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ชื่อเล่น ต้น อายุ 21 กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ชั้นปีที่ 4
เติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ ชื่อเล่น เติม อายุ 19 กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะวิทยาการจัดการ เอกการโรงแรม ชั้นปีที่ 3
ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ชื่อเล่น ต๊ะ อายุ 17 กำลังศึกษาอยู่ที่ ไฮสคูล ประเทศอังกฤษ
ต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ ชื่อเล่น ต่อ อายุ 15 กำลังศึกษาอยู่ที่ ไฮสคูล ประเทศอังกฤษ
โดย ชูวิทย์ กล่าวถึงบทความความเป็นพ่อว่า ตนเป็นพ่อที่ใส่ใจทุกความเป็
ส่วนลูกชายคนเล็กก็เคยขโมยเงินตนเหมือนกัน ในจำนวนเงินที่สูงถึง 2 หมื่นบาท ซึ่งตนก็ได้ลงโทษโดยการให้ไปนอนในห้องคุณแม่ของตน ซึ่งเป็นห้องที่ลูกชายคนเล็กไม่กล้าแม้แต่เฉียดเข้าใกล้ เพราะกลัวผีมาก ๆ แต่ตนก็บังคับให้นอน เพราะต้องลงโทษให้หลาบจำที่ทำผิด
สำหรับลูก ๆ ของตนทุกคน สิ่งแรกที่ตนพร่ำบอกเสมอคือ ห้ามกร่าง เวลาไปมีเรื่องกับใคร ห้ามพูดว่า "รู้ไหมว่าพ่อกูเป็นใคร" ถ้าหากจะมีเรื่องชกต่อยกัน ห้ามนำพวกมารุม ห้ามใช้อาวุธให้แลกกันหมัดต่อหมัดอย่างลูกผู้ชาย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าตนสนับสนุนให้ลูกไปมีเรื่องกับใคร แต่มันเป็นช่วงหนึ่งในวัยรุ่นที่ต้องมีเรื่องราวแบบนี้บ้าง
(ว่าที่) ฝ่ายค้านฝีปากกล้ายังกล่าวต่อว่า ในบรรดาลูกทั้ง 4 คน ลูกสาวของตนนั่นเป็นที่ถูกจับตามองมาก เพราะเป็นลูกสาวคนเดียว แล้วมีหน้าตาสะสวย ถึงแม้ว่าลูกสาวของตนจะเป็นที่รู้จักเมื่อไม่นานมานี้ แต่จริง ๆ แล้วในโลกออนไลน์ ชื่อเสียงของลูกสาวนั้น ดังมากเลยทีเดียว เพราะมีแฟนคลับตามอัพเดทข่าวสาร ข้อมูลของน้องต๊ะตลอดเวลา
และด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว ตนจึงจะหวงมากเป็นพิเศษ แต่จะไม่ค่อยไปก้าวก่ายอะไรมาก เพราะลูกสาวคนนี้ค่อนข้างดื้อ เอาแต่ใจ ตนจึงคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ บางทีก็ยืมมือลูกชายให้ดูแลให้ อย่างเช่น เมื่อตอนน้องต๊ะไปเรียนที่อังกฤษ แล้วมีภาพถ่ายในปาร์ตี้ มีเพื่อนผู้ชายมานั่งใกล้ ๆ ตนก็จะให้ลูกชายคอยสืบ หรือไม่ก็ให้บินไปดูถึงอังกฤษเลยทีเดียว
นอกจากนี้ คุณชูวิทย์ ยังได้เปิดเผยแนวคิดในการสอนลูกเรื่องการใช้ของแบรนด์เนมว่า ถึงตนจะมีเงินมากมาย แต่บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถซื้อให้ได้ตอนนี้ ไม่ใช่ไม่มีปัญญาซื้อให้ แต่มันควรไปตามสเต็ปของชีวิต ค่อยเป็นค่อยไป ให้เขาได้เรียนรู้ว่า เงินนั้นหามาได้ด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะลูกคนโตที่ช่วงนี้โตเป็นหนุ่ม เริ่มมีสาว ๆ เข้ามา ก็เข้าใจว่าเป็นธรรมดาที่อยากจะมีของหรู ๆ รถสวย ๆ ไว้ให้สาวสนใจ แต่ก็พยายามสอนให้ลูกรู้ถึงความจำเป็น ให้เข้าใจว่า ความหรูหราภายนอก เป็นเพียงสิ่งบ่งบอกฐานะทางสังคมเท่านั้น แต่ไม่ได้บ่งบอกความใครเป็นคนดีหรือไม่ดี อีกทั้งยังเป็นเรื่องเกินตัวในวัยนั้น ๆ ตนจึงซื้อแค่รถยี่ห้อแจ๊ส ให้ลูกใช้ เพราะด้วยวัยเท่านี้ แค่มีรถขับก็ดีถมเถแล้ว
พร้อมกันนี้ คุณชูวิทย์ ยังได้เปิดเผยเรื่องราวน่ารัก ๆ ในครอบครัวให้ฟังว่า ตนจะรู้ทุกความเป็นไปของลูกจากโทรศัพท์ อย่างเช่น เวลาที่ต้นลูกชายคนโตของตน คุยกับแฟน ตนก็แอบฟัง แล้วเอาคำหวาน ๆ ที่ลูกจีบสาวไปล้อลูกบ้าง หรือลูกสาวนัดเพื่อนไปเที่ยว ตนก็จะจดจำเวลาสถานที่ แล้วบอกให้ลูกชายคอยดูอยู่ห่าง ๆ
อีกทั้งคุณชูวิทย์ยังเผยวีรกรรมเด็ด ๆ ที่เคยทำกับลูกให้ฟังว่า เมื่อสองปีที่แล้วลูกชายคนโตอยากได้กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ หลุยส์ วิตตองมาก ๆ คราวนั้นตนไปทำงานที่ฮ่องกง ลูกชายก็ให้ตนซื้อฝากทันที เมื่อตนสืบราคาถึงกับตกใจ ไม่คิดว่ากระเป๋าสตางค์ใบเล็ก ๆ จะราคาเกือบหมื่นบาท ตนจึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ขายของอยู่ตลาดหลังการบินไทย ให้ซื้อของปลอมมาให้ ซึ่งตนก็ได้ซื้อมาในราคา 550 บาท และขอให้เพื่อนใส่กล่องที่เป็
ส่วนลูกชายคนรอง น้องเติม ชอบเสื้อแบรนด์เนมยี่ห้อ เบอร์เบอร์รี่มาก ตนให้เงินในวันเกิดไปสองหมื่น เพื่อให้ลูกได้ซื้อของที่อยากได้ และเมื่อตนถามลูกว่า เงินเหลือเท่าไรแล้ว และนำไปซื้ออะไรบ้าง ลูกชายตอบกลับมาว่า ใช้เงินหมดแล้ว เอาไปซื้อเสื้อ ได้มาสองตัว เมื่อฟังดังนั้น ตนตกใจมาก แล้วขอดูเสื้อดังกล่าว จากนั้นตนจึงโทรหาเพื่อนที่ซอยละลายทรัพย์ ให้ซื้อเสื้อแบบดังกล่าวมาให้ใส่ โดยซื้อในราคา 350 มาให้ ซึ่งลูกของตนไม่รู้ว่าเป็นของปลอม ใส่วันเว้นวันเลยทีเดียว
ขณะที่ลูก ๆ ทั้ง 4 ก็กล่าวถึงการได้เป็นลูกคุณชูวิทย์ ว่า ก็มีบ้างที่ถูกจับตามอง แต่ไม่เคยไปป่าวประกาศว่าเป็นลูกของพ่อ บางครั้งก็ถูกเพื่อนล้อบ้าง ถูกคุณครูกระแหนะกระแหนบ้าง ว่าพูดมากเหมือนพ่อ, ลูกไอ้แฉ, ลูกไอ้อุ้ม แต่พวกลูกก็ไม่สนใจ และภูมิใจทีได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ เพราะพ่อของตนน่ารัก และเป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ มาตลอด
และนี่คือชีวิตครอบครัว "ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" ที่อบอุ่นและน่ารัก ๆ จริง ๆ แหมว่าแต่มีวิธีการสอนลูกเช่นการดักฟังโทรศัพท์ แถมยังรู้เท่าทันลูกซะด้วย นับว่าเป็นคุณพ่อคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เอ่อ ว่าแต่ตอนที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านสงสัยฝ่ายรัฐบาลมีหนาว! เพราะผู้ชายคนนี้อาจทำและออกมาแฉในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็ได้ใครจะไปรู้ อิอิ
ชูวิทย์กับครอบครัว รายการตีสิบ ตอน 1
ชูวิทย์กับครอบครัว รายการตีสิบ ตอน 2
ชูวิทย์กับครอบครัว รายการตีสิบ ตอน 3
ชูวิทย์กับครอบครัว รายการตีสิบ ตอน 4
ชูวิทย์กับครอบครัว รายการตีสิบ ตอน 5
ชูวิทย์กับครอบครัว รายการตีสิบ ตอน 6