เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก gazettelive.co.uk
"คงจะดีหากโลกนี้เต็มไปดวยเสียงหัวเราะ" ใคร ๆ ก็อยากให้คำกล่าวเช่นนี้เป็นจริง เพราะเมื่อนั้นคงจะมีแต่ความสดชื่นสดใส แต่ถ้าต้องหัวเราะประเภทเจอเรื่องอะไรนิดหน่อย ๆ ก็ฮาแตก แบบนี้ไม่รู้ว่าจะไหวหรือเปล่า ว่าแต่มันก็เป็นจริง ๆ ไปแล้วกับกรณีของ เอ็นน่า สตีเฟ่นส์ สาวน้อยวัย 7 ขวบ จากคลีฟแลนด์ ทางตอนเหนือของอังกฤษ ที่เกิดอาการควบคุมการหัวเราะของตัวเองไม่ได้ หลังผ่านการผ่าตัดสมองเพื่อนำก้อนเนื้องอกออก
รายงานอาการประหลาดของเด็กน้อยจากเว็บไซต์ เดลิเมล ของอังกฤษ เรื่องเริ่มตั้งแต่เมื่อราวเดือนมิถุนายน ที่ สตีเฟ่นส์ พ่อแม่ของหนูน้อยพาเธอไปพบแพทย์ เนื่องจาก เอ็นน่า มีอาการเวียนศีรษะและสายตาพร่ามัว แต่อาการของเธอกลับไม่ใช่ความเจ็บป่วยธรรมดา เมื่อจักษุแพทย์ได้สังเกตเห็นว่า หลังตาซ้ายของหนูน้อยมีอาการบวมผิดปกติ เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดแล้วจึงพบว่า อาการตาพร่าและวิงเวียนศีรษะของหนูน้อยเกิดจากเนื้องอกในสมอง ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของเธอจึงตัดสินใจให้เอ็นน่าเข้ารับการผ่าตัดสมอง เพื่อนำเนื้องอกก้อนนั้นออกในเดือนต่อมา
"ครั้งแรกที่เราจะเข้าไปเยี่ยมลูกหลังการผ่าตัด มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำยากสำหรับเราจริง ๆ เราต้องปั้นหน้ายิ้ม ทั้ง ๆ ที่ในใจเรากำลังร้องไห้เพราะสงสารลูก แต่จู่ ๆ เธอก็เริ่มหัวเราะ เห็นอย่างนั้นก็เลยทำให้เราอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้" แทนที่บรรยากาศหลังการผ่าตัดจะอึมครึม แต่ด้วยอาการประหลาดหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ของหนูน้อย ก็ทำให้เธอและครอบครัวสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้
ทั้งนี้ ในการผ่าตัดสมอง หลังการผ่าตัดผู้ป่วยบางรายจะมีอาการซึมเศร้า หรือร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ อันเป็นผลข้างเคียงจากการที่สมองและเส้นประสาทบางส่วนได้รับการรบกวนจากการผ่าตัด ซึ่งอาการนี้มีชื่อเรียกว่า "ซูโดบัลบาร์ อัฟเฟ็คต์" (Pseudobulbar Affect) ซึ่งในผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการตรงข้ามคือหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ด้วยเช่นกัน อาการของเอ็นน่าจัดว่าอยู่ในประเภทหลังนั่นเอง
"ในช่วง 3 สัปดาห์แรก เธอหัวเราะหนักมาก เรียกได้ว่าเห็นอะไรน่าขันนิด ๆ หน่อย ๆ เธอก็หัวเราะก๊ากแล้ว มุกตลกที่เธอขำที่สุดเห็นจะเป็นตอนที่คุณยายถือกล้วย แล้วทำท่าเหมือนกำลังโทรศัพท์นี่ล่ะ หัวเราะได้ไม่หยุดจริง ๆ กว่าจะสงบได้ก็ใช้เวลาสัก 15 นาทีเลย" แม่ของเธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากช่วงเวลา 3 สัปดาห์ หลังการผ่าตัดที่ เอ็นน่า ระเบิดหัวเราะได้ไม่หยุด ตอนนี้สาวน้อยอาการทุเลาลงจนเหลือแค่การหัวเราะคิกคักเท่านั้น โดยคุณหมอคาดว่า อาการหัวเราะแบบบังคับตัวเองไม่ได้ของสาวน้อยน่าจะค่อย ๆ หายเป็นปกติได้ในไม่ช้า และขณะนี้สาวน้อยกำลังอยู่ในช่วงการทำเคมีและรังสีบำบัด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาทั้งหมด 16 เดือน แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เธอแข็งแรงมากพอที่จะกลับมาใส่รองเท้าบัลเล่ต์และเต้นรำอย่างที่เธอชอบได้แล้ว
ถึงแม้จะเกิดผลข้างเคียงจากการผ่าตัด แต่ก็นับว่าเป็นผลข้างเคียงในเชิงบวก พลอยทำให้ครอบครัวและคนรอบตัวของหนูน้อย เอ็นน่า อารมณ์ดีไปด้วย คนป่วยที่ไม่ใช่แค่ยิ้มสู้ แต่เป็นหัวเราะสู้เลยล่ะ ยังไงหลังจากนี้ก็ขอให้ร่างกายฟื้นตัวและแข็งแรงหายดีไว ๆ นะจ๊ะแม่หนู
