เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เอแบคโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็น ระบุคนไม่เห็นด้วยนายทุน-แกนนำเสื้อแดงนั่งเก้าอี้ รมต. หวังรัฐบาลใหม่ทำงานครบเทอม พร้อมห่วงคนใส่ร้ายป้ายสียิ่งลักษณ์
วานนี้ (7 สิงหาคม) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง "โผคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ 1 ในสายตาของสาธารณชน ช่วงโค้งสุดท้าย : กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ" ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี พะเยา เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ นครพนม สกลนคร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 2,114 ตัวอย่าง โดยสำรวจความคิดเห็นในระหว่างวันที่ 3 - 6 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา
โดย ดร.นพดล เปิดเผยว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวพบประเด็นที่น่าสนใจ คือ คนกว่าร้อยละ 72.7 ไม่เห็นด้วยที่จะให้นายทุนของพรรคเพื่อไทยขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่หากนายทุนกลุ่มนั้นเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ประชาชนร้อยละ 65.8 จะเปลี่ยนใจมาเห็นด้วย และหากนายทุนกลุ่มนั้น นอกจากจะมีความรู้ความสามารถแล้วยังเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ประชาชนจะเห็นด้วยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 79.6
เช่นเดียวกับผลการสำรวจความคิดเห็นประเด็นที่จะให้แกนนำ นปช. ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งพบว่า มีประชาชนเพียงร้อยละ 25.4 เท่านั้นที่เห็นด้วยที่จะให้แกนนำคนเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรี แต่จะเห็นด้วยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 45.3 หากแกนนำคนเสื้อแดงเหล่านั้นเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และจะมีประชาชนเห็นด้วยเพิ่มเป็นร้อยละ 57.3 หากแกนนำเสื้อแดงที่จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีมีความรู้ความสามารถ และเห็นแก่ประโยชน์ของชาติ ขณะที่ประชาชนอีกกลุ่มที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เห็นด้วยยังมีถึงร้อยละ 42.7
สำหรับประเด็นการให้เวลารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานนั้น ผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่า ประชาชนร้อยละ 41.0 ให้โอกาสรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำงานจนครบวาระ 4 ปี ขณะที่ประชาชนร้อยละ 20.8 ให้โอกาสรัฐบาลใหม่ 1-2 ปี, ร้อยละ 17.2 ให้โอกาสรัฐบาลใหม่ 6 เดือนถึง 1 ปี, ร้อยละ 13.2 ให้โอกาสรัฐบาลใหม่ไม่เกิน 6 เดือน และร้อยละ 7.8 ให้โอกาสรัฐบาลใหม่ทำงาน 2-3 ปี
เมื่อถามถึงความห่วงใยที่มีต่อตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ประชาชนที่ถูกสำรวจตอบได้มากกว่า 1 ข้อ ปรากฏว่า คนส่วนใหญ่ร้อยละ 43.6 ห่วงเรื่องการถูกใส่ร้ายป้ายสี ร้อยละ 40.8 ห่วงข่าว และการสร้างเรื่องขึ้นมาทำลายภาพลักษณ์ ร้อยละ 37.2 ห่วงเรื่องการขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ร้อยละ 33.6 ห่วงเรื่องความปั่นป่วนวุ่นวายในสภา และร้อยละ 25.9 ห่วงคนนำเรื่องเก่าที่รู้แล้วมาเป็นข้อกล่าวหาโจมตี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
