จับตาพาณิชย์ปล่อย4สินค้าปรับขึ้น ยิ่งลักษณ์จี้ลดค่าครองชีพ เรกูเลเตอร์ตรึงFTถึงสิ้นปี (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
จับตาพาณิชย์อนุมัติ 4 สินค้าขึ้นราคา หลังได้รัฐบาลใหม่เข้าบริหารเต็มตัว "ยรรยง" เผย "ยิ่งลักษณ์" จี้ดูแลค่าครองชีพประชาชนไม่ให้ถูกกระทบมาก พร้อมเร่งยกระดับราคาสินค้าเกษตรไปด้วย และอาจต้องเพิ่มงบลุยโครงการธงฟ้า ด้านเรกูเลเตอร์ตรึงค่าเอฟทีถึงสิ้นปี
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า มีความเป็นไปได้ที่กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาอนุมัติให้ผู้ประกอบการสินค้า 4 รายการที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งสายไฟฟ้า แบตเตอรี่รถยนต์ ยางรถยนต์ และเหล็ก ปรับขึ้นราคาได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ผู้ประกอบการได้ทำเรื่องขอปรับขึ้นราคามายังกรมการค้าภายในเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้พิจารณาให้ เพราะต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ แต่ขณะนี้มีรัฐบาลใหม่แล้ว และต้นทุนของผู้ประกอบการยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เน้นการดูแลค่าครองชีพของประชาชน และยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ตามนโยบายลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ประชาชน โดยในส่วนของการดูแลค่าครองชีพนั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับไม่ให้ราคาสินค้าเป็นภาระกับประชาชนมากเกินไป เพราะปัจจุบันค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้นมาก
"ในเรื่องราคาสินค้า เราคงต้องยึดตามนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่ทำให้ราคาสินค้าเป็นภาระกับประชาชนมากเกินไป โดยสินค้าที่จำเป็นและผู้ผลิตยังไม่มีภาระมากนั้น คงต้องให้ขายเหมือนเดิมไปก่อน แต่สินค้าที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผลิตเกือบทั้ง 100% และราคาในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาก จนทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตปรับขึ้นตาม คงต้องปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไก จะฝืนคงไม่ได้ เพราะสินค้าอาจหายไปจากตลาด และสุดท้ายผู้บริโภคเดือดร้อน" นายยรรยง กล่าว
สำหรับการยกระดับราคาสินค้าเกษตร กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/55 เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรอื่น ๆ รัฐบาลจะมีมาตรการบริหารจัดการอย่างไร คงต้องพิจารณาเป็นรายสินค้า
ส่วนการหารือร่วมกับผู้บริหารระดับ 10 ของกระทรวงพาณิชย์นั้น นายยรรยงกล่าวว่า อาจมีการจัดสรรงบประมาณใหม่ที่เน้นทำงานตามนโยบายรัฐบาล เช่น การเพิ่มงบประมาณในส่วนของการดูแลค่าครองชีพ เพิ่มงบในการจัดงานธงฟ้าลดค่าครองชีพประชาชน รวมถึงการสร้างเครือข่ายพันธมิตรธงฟ้าให้มากขึ้น ส่วนงบประมาณที่จะใช้รับจำนำข้าว แม้อาจจะมากกว่างบประมาณที่ใช้ในการโครงการประกันรายได้เกษตรกร แต่จะเป็นงบประมาณหมุนเวียน ไม่ใช่งบจ่ายขาดเหมือนโครงการประกันรายได้
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) กล่าวว่า เรกูเลเตอร์มีมติเห็นชอบให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ
(เอฟที) รอบเดือน ก.ย. - ธ.ค.2554 เท่ากับรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ที่ไม่มีการเก็บ โดยนำค่าใช้จ่ายจากการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งในช่วงปี 2551 - 2553 จำนวน 2,071 ล้านบาท มาปรับลดค่าไฟฟ้าตามสูตรค่าเอฟทีที่ได้มีการคำนวณ จึงทำให้ค่าเอฟทีมีอัตราเท่ากับรอบเดือน ก.ค. - ก.ย. เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวม
นายดิเรก กล่าวว่า เมื่อพิจารณาราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเอฟทีรอบถัดไปงวดเดือนม.ค. - เม.ย.2555 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเรกูเลเตอร์จะต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ตลอดจนภาระที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ยังมีโอกาสที่จะใช้เงินของ 3 การไฟฟ้ามาช่วยดูแลค่าเอฟทีต่อไป ซึ่งยังมีวงเงินเหลืออีกประมาณ 3,000 ล้านบาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
