เจนจิรา หรือ ฟ้าสีทอง ศิษย์ซ้ออึ่ง
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
"ทั้งเหนื่อยและท้อ ร้องไห้กับตัวเองว่าทำไมถึงสู้เขาไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นสู้ ในเมื่อเขาทำได้แล้วทำไมเราถึงทำไม่ได้..." ประโยคเริ่มต้นของการสนทนากับเด็กสาววัย 15 ปี ผู้หนึ่งที่สภาพร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งเกินวัย
หากใครได้ติดตามวงการหมัดมวยหญิงแล้ว อาจจะคุ้นหูกับชื่อของ "ฟ้าสีทอง ศิษย์ซ้ออึ่ง" นักมวยหญิงสุดยอดฝีมือที่ประกาศศักดาบนสังเวียนผ้าใบมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนเก็บสถิติที่สวยหรู ด้วยการชกชนะ 43 เสมอ 1 แพ้ 3 และปัจจุบันนี้เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีใครอาจหาญกล้ามาต่อกรกับเธอ!!! แต่ทว่า...กว่าที่เด็กสาววัย 15 ปีชาวร้อยเอ็ดคนนี้ จะลุกขึ้นมาสร้างชื่อเสียงในวงการมวยได้ถึงเพียงนี้ เธอผ่านชีวิตที่ยากลำบากมามากเกินกว่าที่เด็กสาววัยเพียงแค่ 15 ปีคนทั่ว ๆ ไปจะรับได้ไหว
ย้อนกลับไปเมื่อ "เจนจิรา" อายุได้เพียง 9 ขวบ พ่อของเธอได้เดินจากครอบครัวไปแต่งงานใหม่ ทิ้งให้แม่ต้องเลี้ยงดูลูกสาว 2 คนเพียงลำพัง ทำให้ทั้งสามคนต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างลำบาก เนื่องจากรายได้จากการประกอบอาชีพรับจ้างของแม่ ไม่ได้เพียงพอต่อการเลี้ยง 3 ชีวิตในสังคมปัจจุบันนี้มากนัก ยิ่งกว่านั้นอีกสองปีให้หลัง แม่...ผู้ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวกลับล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ นั่นทำให้เด็กหญิงเจนจิรา ในวัย 11 ปี ต้องลุกขึ้นสู้ และ "ค่ายมวย" คือทางรอดเดียวของเธอ
"เห็นพี่แถวบ้านเขาชกมวยแล้วก็ชอบ ก็เลยคิดว่าจะมาลองเล่น ๆ แต่พอเอาจริง ๆ ก็ชอบ แม่ก็ไม่ได้บังคับ บอกว่าถ้าชอบก็ทำไป ตอนนี้ก็ทำเพื่อแม่ ได้เงินมาเท่าไหร่ให้แม่ทั้งหมด" เจนจิรา เล่าถึงจุดหักเหที่ทำให้เธอตัดสินใจสวมนวมขึ้นสังเวียน
นอกเหนือจากการชกมวยอาชีพ "เจนจิรา" ก็เป็นเพียงนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนขัติยะวงษา จังหวัดร้อยเอ็ด ที่พยายามจะร่ำเรียนให้จบเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น แต่ด้วยภาระหน้าที่อันหนักอึ้งเกินวัยเด็กสาว ก็ทำให้ "เจนจิรา" ต้องขาดเรียนอยู่เป็นประจำ เพื่อออกไปสวมนวม หาเงินมารักษาแม่ซึ่งเป็นมะเร็งจนร่างกายซูบผอม แต่โชคดีที่ทางโรงเรียนเห็นใจ และไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไรเธอ
ทุกวันนี้ "เจนจิรา" อาศัยอยู่ที่บ้านของครูเมฆ กรอบชัย ศรีธัญ หรืออดีตนักมวยฉายา "เมฆน้อย เกียรติกำพล" ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยศิษย์เมฆน้อยที่รับอุปการะเธอ หลังจาก "เจนจิรา" ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอจะปัดกวาดเช็ดถูทำงานบ้านให้ เมื่อเสร็จสิ้นงานบ้านแล้ว ก็ถึงเวลาที่เธอจะออกไปซ้อมมวยกับเพื่อน ๆ ที่ค่ายมวย
ความมุมานะ อดทนต่อการฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้ "เจนจิรา" ในชื่อ "ฟ้าสีทอง ศิษย์ซ้ออึ่ง" เป็นนักมวยหญิงรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งเกินตัว และชื่อของเธอได้กลายเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อคู่ต่อสู้ เพราะกว่าสองเดือนแล้วที่ "เจนจิรา" ไม่ได้ขึ้นชกมวย เพราะหาคู่ชกไม่ได้
"พอไม่ได้ขึ้นชกก็ไม่มีเงินไปรักษาแม่ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะยังไม่มีวุฒิ ม.3 แต่ก็ตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษาแม่ให้ได้" เจนจิรา เล่า
และนับว่าโชคดีที่หลังจากนั้นไม่นาน ครูเมฆก็สามารถหาสังเวียนให้ "เจนจิรา" ขึ้นชกกับนักชกต่างชาติได้ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเด็กสาวต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อต่อสู้กับสาวฝรั่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเธอ ขณะที่ครูเมฆ ก็เห็นว่าการที่ "เจนจิรา" จะได้ปะทะฝีมือกับนักชกชาวต่างประเทศ จะทำให้เธอแกร่งขึ้นกว่าเดิม
น่าเสียดายที่การชกที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ ผู้เป็นแม่ไม่สามารถไปให้กำลังใจ "เจนจิรา" ได้ เพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล หลังจากเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ไม่นาน อีกทั้งสภาพร่างกายก็ซูบผอม ไร้เรี่ยวแรง เธอบอกว่า สงสารลูกสาวมากที่ต้องรับภาระหนักขนาดนี้ และโรคของเธอเองก็มีโอกาสเพียงแค่ 50-50 ขณะที่ "เจนจิรา" เองก็รู้ดีเช่นกันว่า โรคนี้รักษาให้หายได้ยากนัก เพราะแม้แต่คุณหมอก็ยังบอกว่า ทำได้แต่เพียงยื้อเวลาต่อไปเท่านั้น
"รักแม่มากค่ะ แต่ก่อนหนูและพี่สาวเรียนหนังสือทั้งคู่ แม่ต้องรับภาระหนักคนเดียว พอแม่ล้มป่วยก็สงสารแม่มาก แม่บอกว่า ให้หนูเป็นเด็กดี ถึงแม้เราไม่มีพ่อ แต่พ่อเราก็เป็นคนเดิม ท่านมีพระคุณต่อเรา อย่าไปโกรธไปแค้นอะไร" เจนจิรา พูดถึงพ่อ
ด้านผู้เป็นแม่ก็เล่าถึงพ่อของเด็กสาวให้ฟังว่า แต่ก่อนพ่อเคยส่งเงินมาช่วยเจนจิรา สองสามเดือนส่งมา 2-3 พันบาท แต่ตอนนี้ไม่ได้ส่งเงินมาแล้ว เพราะเขามีภาระรับผิดชอบครอบครัวใหม่ที่หนองคาย
"ลูกสาวเคยโทรไปขอให้พ่อส่งเงินมาให้ซื้อของหน่อย เพราะเปิดเทอมแล้ว แต่เขากลับบอกว่า ถ้าอยากได้ก็มาอยู่กับพ่อ ลูกสาวเลยบอกไปว่า ไม่ไปหรอก หนูจะอยู่กับแม่ แม่เขาเลี้ยงมา ตอนนี้แม่กำลังป่วย หนูไม่ใจร้ายใจดำ จากนั้นพ่อเขาก็ไม่โทรมาอีกเลย" แม่ของน้องเจนจิราตัดพ้อ ก่อนจะอวยพรให้ลูกสาวตั้งใจ และโชคดีในสังเวียนกรุงเทพฯ
ที่กรุงเทพฯ ครูเมฆพา "เจนจิรา" มาพักอาศัยอยู่ที่ค่ายมวย ส.สมหมายบางกะปิ โดยมี "สมหมาย สกุลเมตตา" และ "ซ้ออึ่ง" ผู้เป็นภรรยา เจ้าของค่ายมวยให้การสนับสนุน โดยการมาชกใน "มหกรรมมวยหญิงไทยโลก
เฉลิมพระเกียรติ ๑๒ สิงหามหาราชินีนาถ" ครั้งนี้ "เจนจิรา" ได้ค่าตัวจากการขึ้นชกประมาณ 5-6 พันบาท และเธอก็ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อเอาชัยชนะกลับมาเป็นของขวัญวันแม่ให้จงได้
หลังจากรอคอยการกลับคืนสู่สังเวียนมานานกว่า 2 เดือน ในที่สุด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา "เจนจิรา" ในชื่อ "ฟ้าสีทอง ศิษย์ซ้ออึ่ง" ก็ได้กลับขึ้นสังเวียนนักสู้อีกครั้งในพิกัด 56 กิโลกรัม โดยหนนี้จะปะทะกับคู่ชกชาวสโลวัก "ลูเซีย ไคโดวิโดวา" วัย 24 ปี ที่มีประสบการณ์การชกมา 5 ปีเท่ากับ "เจนจิรา"
"ก็ตื่นเต้นมากค่ะ คิดว่าน่าจะชนะ ก่อนชกก็จะคิดถึงแม่ที่ให้กำลังใจมา แล้วก็คิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองนับถือ" เจนจิรา เปิดใจก่อนขึ้นชก
การขึ้นชกครั้งนี้ถือเป็นการต่อลมหายใจให้กับครอบครัวของ "เจนจิรา" อีกครั้ง และเมื่อสิ้นเสียงระฆังในยกสุดท้าย "เจนจิรา" ในมุมแดงได้รับการชูมือให้เป็นผู้ชนะ เธอได้ลงจากเวทีแล้วรีบหยิบโทรศัพท์โทรกลับไปบอกข่าวดีนี้ให้แม่ทราบทันที ท่ามกลางความดีใจและปลาบปลื้มใจของ "ครูเมฆ" ซึ่งเห็นแวว และฝึกฝนลูกศิษย์ยอดกตัญญูคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ
หากการ "ชกมวย" ในความหมายของ "เจนจิรา" คือการสู้ชีวิต ทุกวันนี้ ทุกสังเวียนที่ "เจนจิรา" ก้าวข้ามเชือกเข้าไปบนผืนผ้าใบ ย่อมหมายถึง การต่อลมหายใจให้ผู้เป็นแม่ซึ่งเธอรักสุดหัวใจ ดังคำที่เธอมักจะพูดเสมอว่า สู้เพื่อแม่!!!
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก