สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวทหารไทยถอนกำลังชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เป็นเรื่องที่ต้องให้ทางการยืนยันว่าอะไรเป็นอะไร โดยต้องเริ่มต้นจากที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายและทิศทางให้ชัดว่าจะจัดระบบ การดูแลพื้นที่อย่างไร ซึ่งเดิมเราเห็นว่าต้องผ่านกระบวนการที่ต้องเจรจากันให้ชัดเจนว่าแต่ละฝ่าย จะดูแลอย่างไรบ้าง
"ฝ่ายไทยจะต้องคุยกันให้เข้าใจภายในก่อน จึงจะได้กำหนดท่าทีที่เหมาะสม ซึ่งผมเสนอว่าควรจะรีบเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมา เพราะเราไม่ทราบว่าในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฝ่ายเราไปพูดคุยอะไรไว้บ้าง โดยต้องดำเนินการให้เป็นเอกภาพ ขณะเดียวกันก็ต้องมีแผนรองรับทั้งหมดไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า รู้สึกเป็นห่วงต่อท่าทีรัฐบาลในเรื่องพื้นที่ 4.6 ตร.กม. เพราะในช่วงแรกเหมือนกับการพูดถึงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.นั้นไม่มีการยืนยันให้ชัดเจน และแม้มายืนยันแล้วก็ยังไปพูดถึงความทับซ้อนอีก ซึ่งรัฐบาลที่แล้วชัดเจนว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ของเรา และเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการ ทั้งการเจรจาทางกฎหมายหรือวิธีการอื่น ๆ ในการที่จะปกป้องตรงนี้
เมื่อถามว่า เรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนจะทำให้ท่าทีของรัฐบาลเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องของอธิปไตยเป็นเรื่องที่ต้องปกป้อง ส่วนการเจรจาเรื่องของการแบ่งปันทรัพยากรที่อยู่ในพื้นที่ทางทะเลเป็นคนละ ประเด็นกัน ทั้ง 2 กรอบต้องไม่ให้เสียเปรียบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมนำเอ็มโอยู 44 กลับมาใช้โดยไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงว่า คงจะไม่ได้ เพราะตอนนี้ต้องถือว่าต้องกลับไปเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องแสดงให้เห็นว่าแยกแยะออก ระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหน้าที่ที่มีต่อส่วนรวม ที่ต้องรับผิดชอบกับคนทั้งประเทศ
"ถ้าจะต้องใช้เอ็มโอยู 44 มีอยู่ 2 เรื่องที่ต้องปรับปรุง คือเรื่องของการกำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลต้องให้มีความมั่นใจว่าเป็นไปตามสนธิ สัญญาที่ได้ทำเอาไว้ โดยเฉพาะกรณีของเกาะกูด ส่วนประเด็นที่ 2 คือ ในแง่ของการแบ่งปันผลประโยชน์กันก็ต้องดูแลไม่ให้เสียเปรียบ เพราะว่าสูตรการคำนวณการแบ่งปันผลประโยชน์ก็เป็นที่ถกเถียงกันมานาน" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณแถลงข่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาที่กัมพูชาไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หรือพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ต.ร.กม. เพราะได้รับเชิญมาเป็นวิทยากรบรรยายทางวิชาการเศรษฐกิจอาเซียนและเศรษฐกิจ โลกเท่านั้น
นายนพดล กล่าวตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวหารัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ว่า เรื่องนี้ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแตกต่างกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยรัฐบาลเราเจรจาบนโต๊ะ เปิดเผย ไม่ทำลับ ๆ ล่อ ๆ มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานเข้าร่วมเจรจาด้วยตลอด จะกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณและตนมีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้
"ที่ผ่านมาเคยเสนอหากมีหลักฐานยืนยัน พ.ต.ท.ทักษิณมีสัมปทานก๊าซและน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล จะให้เงิน 20 ล้านบาท ขอเพิ่มเป็น 40 ล้านบาท สำหรับบุคคลทั่วไป และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจอดีตรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่มีหลักฐานนำมาขึ้นเงิน ได้เลย แม้ตอนนี้ไม่มีเงินก็จะไปกู้มาให้" ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมากัมพูชา และมี ส.ส.เพื่อไทย คนเสื้อแดง ไปพบจำนวนมากว่า เท่าที่สอบถามเพื่อน ส.ส.ที่ไป เช่นนายณัฐวุฒิ, นายจตุพร พบว่าใช้งบส่วนตัว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก