เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์, เฟซบุ๊ก Orapin Lilit
ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต คาดภายใน 1 สัปดาห์นี้น้ำจะเริ่มทะลักสู่พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกทุกพื้นที่ เลวร้ายสุดคือท่วมกรุงเทพฯ ชั้นในมิดเอวนาน 1 เดือน
นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสว่า เส้นทางน้ำทางตอนเหนือที่ท่วมถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธินอยู่นั้น เป็นเพราะประตูน้ำคลองหนึ่งไม่สามารถปิดลงได้ น้ำจากคลองระพีพัฒน์จึงไหลเข้ามา คาดว่าไม่เกิน 3 วัน จะทะลักเข้าพื้นที่เขตจตุจักรและดินแดง
ขณะที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ น้ำจะไหลมาจาก จ.ปทุมธานีและนนทบุรี เข้าสู่คลองมหาสวัสดิ์และทวีวัฒนา ภายใน 7 วันนี้ คาดว่าสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนฝั่งตะวันออกต้องระวังคลองหกวาสายล่างทะลักเข้าพื้นที่เขตสายไหม ภายใน 5 วัน ไหลไปคลองแสนแสบ คลองสามวา เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง และสำโรงในที่สุด ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดคือ เขตกรุงเทพฯ ชั้นใน น้ำท่วมในระดับเอวนาน 1 เดือน
นายเสรี ยังกล่าวอีกว่า น้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมาจากคลองรังสิต จะเอ่อท่วมถนนวิภาวดี มาถึงแยกหลักสี่ภายใน 12 ชั่วโมง นับจากนี้ (24 ตุลาคม เวลา 23.00 น.) โดยจะมีลักษณะค่อย ๆ เอ่อล้นและผุดขึ้นมาตามท่อระบายน้ำ หลังจากนั้นภายใน 36 ชั่วโมง น้ำจะไหลเข้าท่วมแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และใน 60 ชั่วโมง จะถึงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว โดยคาดว่าระดับน้ำอาจสูงถึง 50 เซนติเมตร
นอกจากนี้ นายเสรี ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขได้ และไม่ควรสร้างคันกั้นน้ำใด ๆ เพิ่มอีกต่อไป เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เนื่องจากน้ำได้ไหลมาโอบล้อมกรุงเทพฯ ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา
ทางด้าน น.ส.ทวิดา กมลเวช อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ถ้าหากระดับน้ำจะท่วมสูง 50 - 80 เซนติเมตร ก็อาจจะมีโอกาสเอ่อท่วมสูงถึง 1 - 1.5 เมตรได้ ทั้งนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตในสภาวะน้ำท่วม เพราะต้องขาดอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้แน่นอน ดังนั้นควรเตรียมพร้อมทุกเมื่อในการอพยพ
แผนที่แสดงระดับน้ำโดยเฉลี่ยในแต่ละพื้นที่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก